อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 468 ท่าทางผิดปกติ
ตอนที่ 468 ท่าทางผิดปกติ
ตอนที่ 468 ท่าทางผิดปกติ
คนคนนั้นสวมเครื่องแต่งกายของนางข้าหลวง ใบหน้าดูค่อนข้างวิตกกังวล ครั้นแลเห็นอวี้ชิงลั่วมองมาทางนี้ ดวงตาพลันเป็นประกายแวววาว
อวี้ชิงลั่วมั่นใจได้ว่านางไม่เคยเห็นคนคนนั้นมาก่อน
ดูจากท่าทางของนาง คงมาเพื่อตามหานางจริง ๆ
สายตาเจือแววสงสัยเหลือบมองไปยังเฟยเกอ เฟยเกอเม้มปาก เหลือบมองไปยังหว่านเฟยและเซียวเฟยที่กำลังพูดคุยกัน
สองคนนั้นก็พอจะรู้สึกได้ถึงบรรยากาศผิดปกติ จึงมองไปตามสายตาของอวี้ชิงลั่ว
ผ่านไปครู่หนึ่ง ก็ได้ยินเสียง ‘เอ๋’ มาจากหว่านเฟย สายตาจ้องมองไปยังนางข้าหลวงผู้นั้นครู่หนึ่ง กล่าวด้วยความประหลาดใจว่า “นั่นเค่อเหรินสาวรับใช้ข้างกายซูเฟยมิใช่รึ?”
“ซูเฟย?” อวี้ชิงลั่วเกิดความประหลาดใจ
คนคนนั้นเห็นว่าทุกสายตากำลังมองมาที่ตนเอง บนใบหน้าพลันประกายความรู้สึกละอายใจเล็ก ๆ ทว่าเมื่อถึงช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ จึงทำได้เพียงแค่กัดฟันเดินตรงไปด้านหน้า จนกระทั่งขึ้นมาบนศาลาแล้ว จึงถอนสายบัวต่อหน้าพวกนางทั้งสาม
“หม่อมฉันถวายบังคมหว่านเฟยเหนียงเหนียง เซียวเฟยเหนียงเหนียง องค์หญิงเทียนฝูเพคะ”
“เค่อเหริน เจ้าไม่อยู่ปรนนิบัติข้างกายซูเฟยหรือ มาทำอะไรที่นี่?” คำพูดหนึ่งประโยคของหว่านเฟยที่ฟังดูอ่อนโยนและนุ่มนวล ทว่ากลับทำให้อาการใจเต้นตึกตักของเค่อเหรินสงบลงไม่น้อย
นางถอนสายบัวให้หว่านเฟยอีกครั้ง ก่อนจะทอดสายตามองมาที่อวี้ชิงลั่ว กล่าวเสียงเบาว่า “ซูเฟยเหนียงเหนียงไม่ค่อยสบายกาย จึงให้หม่อมฉันมาดูว่าองค์หญิงออกจากวังไปหรือยัง หากองค์หญิงพอจะมีเวลาว่าง อยากเชิญองค์หญิงไปนั่งที่ตำหนักเซิงผิงเพคะ”
ไปนั่งที่พูดถึงก็คือการไปตรวจร่างกายให้ซูเฟยเหนียงเหนียง
อวี้ชิงลั่วเข้าใจได้ หว่านเฟยและเซียวเฟยย่อมเข้าใจเช่นกัน
หว่านเฟยรีบลุกขึ้นยืน กล่าวเคล้ารอยยิ้มว่า “ในเมื่อซูเฟยเชิญ เราก็คงไม่ยื้อเวลาองค์หญิงให้ล่าช้าแล้ว องค์หญิงเดินระวังด้วย ฝนตกถนนลื่น ให้คนไปยกเกี้ยวมาจะดีกว่า”
เค่อเหรินรีบถอนสายบัวพลางกล่าว “หม่อมฉันได้ให้คนยกเกี้ยวมาแล้ว องค์หญิงเชิญทางนี้เพคะ”
อวี้ชิงลั่วพยักหน้า คาดว่าคงบรรลุเป้าหมายของเหมิงกุ้ยเฟยแล้ว คงไม่คิดจะเชิญนางไปเจอคนอื่น ๆ ณ ที่แห่งอื่นอีก
เป็นเช่นนั้นจริง ๆ คราวนี้เฟยเกอกลับเดินนำนางลงบันไดอย่างง่ายดาย
ถึงกระนั้น อวี้ชิงลั่วเพิ่งก้าวเท้าเดินได้เพียงแค่สองก้าว จู่ ๆ หว่านเฟยที่ยืนอยู่ด้านหลังก็พูดขึ้นว่า “องค์หญิงช้าก่อน”
อวี้ชิงลั่วหันกลับมาก็พบว่าหว่านเฟยเดินอ้อมโต๊ะมาทางนี้ ในมือของนางยังมีแผ่นทอง ดูเหมือนจะมีความประณีตและแวววาว ดูดีอย่างมาก
นางนำแผ่นทองชิ้นนี้วางบนฝ่ามือของอวี้ชิงลั่ว กล่าวเคล้ารอยยิ้มว่า “นี่เป็นของขวัญเล็ก ๆ มอบให้หนานหนาน ก่อนหน้านี้เราเคยได้ยินฮ่าวหรานเอ่ยถึงแล้ว บอกว่าหนานหนานเป็นเด็กฉลาดและมีชีวิตชีวา ทั้งยังน่ารักมาก เราอยากเจอเขามานานแล้ว เพียงแต่ยังไม่มีโอกาส ตอนที่อยู่ในวังก็ยังไม่เคยได้เจอหน้า เราเองก็อยากมีหลานชายมานานแล้ว แต่ฮ่าวหราน…เฮ้อ อย่าไปเอ่ยถึงเลย ฮ่าวหรานและท่านอ๋องซิวมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ซื่อจื่อน้อยของท่านอ๋องซิวก็เหมือนหลานชายของเรา”
ระหว่างที่พูด หว่านเฟยก็มองดูแผ่นทองชิ้นนั้นปราดหนึ่ง รอยยิ้มกดลึกยิ่งขึ้น “ของขวัญชิ้นนี้เตรียมไว้นานแล้ว เดิมทีอยากให้ฮ่าวหรานนำไปมอบให้เด็กคนนั้น แต่เจ้าเด็กฮ่าวหรานคนนี้ไม่กลับเข้าวังมาหลายวันแล้ว วันนี้กลับบังเอิญนัก ได้เจอกับองค์หญิงพอดี แผ่นทองชิ้นนี้ โปรดองค์หญิงช่วยนำไปมอบให้เขาด้วย หวังว่าหนานหนานจะชอบ”
อวี้ชิงลั่วรู้สึกเหนือความคาดหมาย พูดตามตรง แม้แต่เหมิงกุ้ยเฟยที่เป็นเสด็จย่าแท้ ๆ ของหนานหนาน จนกระทั่งตอนนี้ยังไม่เคยมีความคิดจะเตรียมของขวัญให้หนานหนานเช่นนี้เลย คิดไม่ถึงเลยว่าหว่านเฟยกลับจำได้
อวี้ชิงลั่วแย้มยิ้ม รับแผ่นทองมาเก็บไว้ แล้วคารวะต่อหว่านเฟย “เช่นนั้นก็ขอบคุณเหนียงเหนียงมากนะเพคะ หม่อมฉันจะนำไปมอบให้หนานหนานด้วยตนเอง รบกวนเหนียงเหนียงแล้วเพคะ”
หว่านเฟยส่ายหน้าเคล้ารอยยิ้ม อวี้ชิงลั่วเม้มปากพลางหมุนกาย ทว่ากลับจับสังเกตเห็นความชั่วร้ายที่วาดผ่านนัยน์ตาของเซียวเฟยพอดี
ดูเหมือนว่า นับตั้งแต่หว่านเฟยเอ่ยถึงหนานหนาน บรรยากาศรอบกายของเซียวเฟยก็ดูผิดแผกไปจากเดิม
อืม เซียวเฟยผู้นี้ดูเหมือนจะมีปัญหามากเช่นกัน
อวี้ชิงลั่วหมุนกายขึ้นเกี้ยว เกี้ยวเพิ่งเคลื่อนไปได้สิบกว่าหมี่ เท้าของเฟยเกอพลันชะลอลง หันมองซ้ายขวาด้วยท่าทางลำบากใจ
อวี้ชิงลั่วทราบดีนางกำลังคิดสิ่งใด โบกมือเบา ๆ วูบหนึ่ง กล่าวว่า “เฟยเกอ เจ้ากลับไปปรนนิบัติข้างกายกุ้ยเฟยเหนียงเหนียงเถิด ในเมื่อข้าต้องไปนั่งที่ตำหนักของซูเฟยเหนียงเหนียง เกรงว่าคงอาจต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง”
เฟยเกอกำลังรอให้นางพูดคำนี้ นางจึงถอนสายบัวคารวะก่อนจะถอยออกไป
ทว่าก้าวเท้าเดินเพียงไม่กี่ก้าว อวี้ชิงลั่วก็รีบเรียกให้นางกลับมาอีกครั้ง นางชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะถอดกำไลบนข้อมือออก ยื่นไปตรงหน้าเฟยเกอ
เฟยเกอชะงักเล็กน้อย “องค์หญิง?”
“กำไลชิ้นนี้ใหญ่เกินไปสำหรับข้า ไม่ต้องเสียดายหรอก แม้ว่าจะนำไปตีขึ้นรูปใหม่ ก็มิอาจให้ความรู้สึกเหมือนกับกำไลแบบเดิมได้อีกแล้ว ข้าเห็นโครงกระดูกของเจ้าใหญ่กว่าข้า กำไลชิ้นนี้เหมาะสำหรับเจ้า”
เฟยเกอถึงกับตกใจอย่างหนัก รีบคุกเข่าลงบนพื้นจนเกิดเสียง ‘พรึบ’ “องค์หญิง หม่อมฉันมิกล้าเพคะ”
“องค์หญิงมอบให้ เจ้าก็รับไว้ เกี่ยงไปเกี่ยงมาไปไย?” แม่นมเซียวมองนางด้วยสายตาเย็นชา แรกเริ่มนางเหลือบมองอวี้ชิงลั่วปราดหนึ่งอย่างไม่เห็นด้วย ทว่าเป็นเพราะอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ นางจึงมิอาจมีความเห็นตรงกันข้ามกับอวี้ชิงลั่ว
เฟยเกอขมวดคิ้วเล็กน้อย นางมักจะรู้สึกกลัวแม่นมเก๋อจากจิตใต้สำนึก ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด บางทีอาจเป็นเพราะแม่นมเซียวได้รับการฝึกภายในวังมานาน นางจึงดูเหนือกว่าและมีพลังกระมัง
ครั้นได้ยินนางพูดเช่นนี้ เฟยเกอจึงรู้สึกไม่ดีที่จะยืดเยื้อต่อไป จึงโขกศีรษะกล่าวขอบคุณหนึ่งเสียงและรับกำไลชิ้นนั้นไว้ อวี้ชิงลั่วจึงสั่งให้เกี้ยวเคลื่อนไปด้านหน้าต่อ เฟยเกอลูบกำลังที่อยู่บนข้อมือ มุมปากเม้มจนขึงตึงก่อนจะหมุนกายเดินออกไป
ทว่านางเพิ่งจะก้าวเท้าเดินไปที่ตำหนักอี๋ซิ่งเพียงไม่กี่ก้าว นางก็อ้อมไปยังทิศทางเดิมอีกครั้งทันที ก่อนจะตรงไปที่ศาลาที่อยู่ในอุทยานอวี้ฮวาแห่งนั้นอีกครั้ง ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังภูเขาเทียมลูกหนึ่ง
ทั้งสองคนที่อยู่ในศาลายังคงเงียบขรึม ครั้นเห็นเกี้ยวห่างออกไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งค่อย ๆ หายไปจากอุทยานอวี้ฮวา เซียวเฟยจึงหมุนกายกลับมาพร้อมกับปรับสีหน้าลงเล็กน้อย กล่าวลาหว่านเฟยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ท่านพี่ นี่ก็สายแล้ว ฮ่าวถีก็น่าจะกลับมาแล้วด้วย”
หว่านเฟยชะงักไปเล็กน้อย ก่อนหน้านี้เซียวเฟยพูดว่าวันนี้จะอยู่รับประทานอาหารเที่ยงที่ตำหนักของนางมิใช่รึ?
แม้นภายในใจรู้สึกไม่เข้าใจ ทว่าหว่านเฟยก็ไม่ได้ถามอะไรให้มากมาย เพียงแต่เก็บตำราที่วางอยู่บนโต๊ะหิน กล่าวเคล้ารอยยิ้มว่า “อืม เช่นนั้นก็กลับเถิด”
เงาของพวกนางค่อย ๆ ห่างไปเรื่อย ๆ เฟยเกอจึงเดินออกมาจากด้านหลังภูเขาเทียม มองทิศทางที่ทั้งสองเดินออกไปด้วยรอยยิ้มเย็นชา จากนั้นจึงเดินกลับตำหนักอี๋ซิ่ง
เหมิงกุ้ยเฟยเอนตัวหลับตาพริ้มอยู่บนเก้าอี้นุ่ม ครั้นได้ยินเสียงของนางกลับมา จึงโบกมือให้เจี่ยนเซียงที่กำลังนวดบ่าหยุดมือ เอ่ยถามเคล้ารอยยิ้มว่า “ได้อะไรกลับมาหรือไม่?”
“อวี้ชิงลั่วกับหว่านเฟยและเซียวเฟยพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง แต่ส่วนใหญ่จะหว่านเฟยพูดคุยเกี่ยวกับบทกลอน มีข้อมูลไม่มากเพคะ แต่ตอนท้ายนางมอบแผ่นทองให้อวี้ชิงลั่ว บอกว่าเป็นของขวัญให้ซื่อจื่อน้อยเพคะ”
เหมิงกุ้ยเฟยได้ยินเช่นนี้จึงแค่นเสียงเยาะหนึ่งเสียง เอ่ยถามต่อไปว่า “แล้วเซียวเฟยเล่า? มีท่าทางผิดปกติใดหรือไม่?”
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
คิดจะหาทางเสี้ยมให้สนมคนอื่นแตกคอกันเองเพราะชิงลั่วสินะ ร้ายกาจมากนังกุ้ยเฟย
ไหหม่า(海馬)