อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 473 ไม่เคยคิดมาก่อน
ตอนที่ 473 ไม่เคยคิดมาก่อน
ตอนที่ 473 ไม่เคยคิดมาก่อน
อวี้ชิงลั่วเอนศีรษะไปด้านหลังทันใด ส่งเสียง ‘เหอะ’ เบา ๆ หนึ่งเสียง “จะถามก็ถามมา ไม่จำเป็นต้องขยับเข้าใกล้ขนาดนี้ก็ได้กระมัง?”
“เจ้ารู้ตั้งแต่แรกแล้วใช่หรือไม่ว่าวันนี้ต้องมาเจอกับหมู่เฟยของเย่ฮ่าวหราน ถึงได้จงใจพาข้ามาด้วย?”
อวี้ชิงลั่วชะงัก จับมืออีกฝ่ายพลางพูดด้วยคำพูดที่จริงใจ “หลิวหลี พวกเราเป็นสหายกันมาตั้งกี่ปีแล้ว เป็นเพราะข้าเชื่อในวรยุทธ์อันแข็งแกร่งของเจ้าถึงได้พาเจ้ามาคุ้มกันข้างกายข้า จริง ๆ นะ ข้าจะพาเจ้ามาเพราะหมู่เฟยของเย่ฮ่าวหรานได้เยี่ยงไรกัน? อีกอย่าง ข้ากับหว่านเฟยก็เจอกันโดยบังเอิญ ใครจะไปรู้ว่าสองคนนั้นจะอยู่ในศาลาพอดี จนได้ไปเจอกันด้วยความบังเอิญขนาดนั้น?”
“ให้มันน้อย ๆ หน่อย” จินหลิวหลีดึงมือออก ยิ้มเยาะใส่อีกฝ่าย “อวี้ชิงลั่ว เจ้าก็พูดเอง เราเป็นสหายกันมาหลายปี ข้าจะไม่เข้าใจนิสัยของเจ้ารึ? เหนือความคาดหมาย? หากเหนือความคาดหมายจริง ๆ เหตุใดเฟยเกอถึงได้พาเจ้าไปที่อุทยานอวี้ฮวา? อันที่จริงเหมิงกุ้ยเฟยคงรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าพวกนางอยู่ในศาลาแห่งนั้น”
อวี้ชิงลั่วถอนหายใจ สายตายิ่งดูมีความจริงใจมากขึ้น “ใช่ เจ้าเองก็พูดถึงเหมิงกุ้ยเฟยแล้ว ข้าไม่ได้เป็นพยาธิตัวกลมในท้องของเหมิงกุ้ยเฟยสักหน่อย จะไปรู้ได้อย่างไรว่านางมีแผนอะไรในใจ? ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่าเหมิงกุ้ยเฟยรู้ล่วงหน้าว่าหว่านเฟยอยู่ในศาลา?”
“อวี้ชิงลั่ว” จินหลิวหลีโกรธถึงขีดสุด แต่เป็นเพราะนางเถียงสู้อีกฝ่ายไม่ได้ นางรู้ดีว่าสตรีผู้นี้จงใจพานางไปด้วย แต่กลับมิอาจหาหลักฐานมายืนยันได้
อวี้ชิงลั่วไหวไหล่อย่างใสซื่อบริสุทธิ์ ถอยไปด้านข้างสองสามก้าว พูดด้วยอารมณ์ความรู้สึก “แต่ก็นะ หว่านเฟยผู้นั้นเป็นคนผู้คลั่งไคล้บทกลอนจริง ๆ หลิวหลี ในฐานะที่เป็นสหายกันมาหลายปี ข้าขอแนะนำเจ้าสักหน่อย หากว่าง ๆ ก็อ่านหนังสือให้มาก ๆ เถิด”
จินหลิวหลีโกรธอวี้ชิงลั่วจนถึงขั้นยิ้มเยาะออกมา “เหอะ ข้าไม่ได้จะแต่งงานกับเย่ฮ่าวหรานสักหน่อย เหตุใดต้องอ่านหนังสือให้มาก ๆ ด้วย?”
อวี้ชิงลั่วประหลาดใจ “อ้าว ข้ายังไม่ได้พูดเลยว่าเจ้าจะแต่งงานกับเย่ฮ่าวหราน ข้าก็แค่คิดว่าหว่านเฟยมีความสง่างามยิ่งนัก คาดว่าคงได้รับการหล่อเลี้ยงมาจากบทกลอนถึงได้เป็นเช่นนี้ ข้าเพียงแค่อยากให้เจ้าเอาอย่างหว่านเฟยเท่านั้น อย่างน้อย ๆ ก็ทำให้เจ้าดูเป็นบุตรีตระกูลสูงขึ้นมาบ้าง จริงหรือไม่ อยู่ดี ๆ เหตุใดถึงได้ดึงเย่ฮ่าวหรานมาเกี่ยวข้องได้เล่า? ทั้งยังพูดว่าแต่งงานอีก จุ๊ ๆ หลิวหลี คงมิใช่ว่าเจ้ามีความคิดนี้อยู่ในใจจริง ๆ หรอกกระมัง”
จินหลิวหลีมิอาจทนได้อีกต่อไป ยกมือโจมตีมาที่หน้าของอวี้ชิงลั่ว
ทว่าแม้ฝ่ามือจะมาถึงปลายจมูกแล้ว สตรีผู้นี้กลับเอาแต่ยิ้มอย่างไม่แยแสและไม่คิดจะหลบหลีก สิ่งนี้ทำให้นางโกรธจนเนื้อตัวสั่นเทา ขบฟันกรอดพร้อมกับดึงมือกลับ
อวี้ชิงลั่ว สตรีผู้นี้ช่างร้ายกาจยิ่งนัก ไม่ไหวแล้ว ไม่ไหวแล้ว ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วคงมีสักวันที่นางต้องจัดการกับอวี้ชิงลั่วให้หนักสักครั้ง
จินหลิวหลียิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ จึงแหวกม่านรถทำท่าจะลงจากรถ
เพียงแต่ตอนที่นางเพิ่งจะขยับร่างกาย แขนกลับถูกดึงไว้
อวี้ชิงลั่วยังคงอยู่ในท่าทางเกียจคร้าน “เอาเถอะ ตัวเปียกขนาดนี้จะไปที่ใด? คืนนี้ก็อยู่ค้างที่ตำหนักอ๋องซิวเถอะ ไม่ต้องห่วง หลายวันมานี้เย่ฮ่าวหรานยุ่งอยู่กับงานเหล่านั้นภายในเรือนรับรอง ไม่มีเวลามาที่ตำหนักอ๋องซิว เจ้าไม่ได้เจอกับเขาหรอก”
จินหลิวหลีมุมปากกระตุก แค่นเสียงเบาหนึ่งเสียง ก่อนจะกลับมานั่งอย่างเชื่อฟัง “ใครบอกว่าข้ากลัวว่าจะเจอกับเขาจึงไม่ไปตำหนักอ๋องซิว?”
คนปากแข็งก็คือเจ้านี่แหละ
อวี้ชิงลั่วเหลือบตามองนางด้วยสายตาดูหมิ่น คนของตำหนักอ๋องซิวต่างก็รู้กันหมดว่าจินหลิวหลีกำลังหลบซ่อนตัวจากเย่ฮ่าวหราน นับประสาอะไรกับอวี้ชิงลั่ว? ปฏิเสธต่อหน้านางจะไปมีประโยชน์อันใดกัน
จินหลิวหลีถูกสายตาที่ดูเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้มของอวี้ชิงลั่วทอดมองจนไม่เป็นตัวของตัวเอง นางบิดตัวพลางเบนเบี่ยงความสนใจ
“จริงสิ ข้าลืมถามเจ้าไปเสียสนิท เหตุใดเจ้าถึงมอบกำไลนั่นให้เฟยเกอ? หรือว่า เจ้าคิดจะซื้อตัวนาง?” จินหลิวหลีเลิกคิ้วขึ้น ถึงอย่างไรเมื่อนึกถึงความเป็นไปได้นี้ นางก็อดส่ายหน้าอีกครั้งไม่ได้ “ข้าคิดว่าเฟยเกอผู้นั้นคงซื้อตัวได้ยาก เหมิงกุ้ยเฟยมีบางอย่างที่เหมือนกับเย่ซิวตู๋มาก นั่นก็คือคนของเขาล้วนเป็นผู้จงรักภักดี ”
อวี้ชิงลั่วส่งเสียง ‘หา’ หนึ่งเสียง “ซื้อตัว? ข้าไม่เคยคิดมาก่อนด้วยซ้ำ”
“…”
จินหลิวหลีถึงกับเลิกคิ้วสูงอย่างห้ามไม่อยู่ หรี่ตาลง “แล้วเจ้ามอบกำไลให้นาง คิดจะทำอะไร?”
“…ข้าก็แค่คิดว่ากำไลอันนั้นทั้งดูอัปลักษณ์ แถมยังดูยากจนสุด ๆ” จู่ ๆ อวี้ชิงลั่วก็ชะโงกหน้าเข้ามาข้างหูของจินหลิวหลี กดน้ำเสียงให้เบาลง “แต่แม่นมเซียวคิดว่ากำไลอันนั้นสวย ยืนกรานให้ข้าใส่ให้ได้ บอกว่าใส่แบบนี้แล้วจะดูแพง…”
ครั้นนึกถึงสิ่งนี้ อวี้ชิงลั่วถึงกับร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออก ใช่แล้ว แสงสีทองแวววาว ดูแพง!!!
ไม่รู้ว่าแม่นมเซียวที่เป็นคนคอยปรนนิบัติฮองเฮาอาณาจักรเทียนอวี่มาหลายปี เหตุใดถึงคิดว่าของเช่นนั้นดูแพง?
“เฮ้อ เจ้าเองก็รู้ ข้ามิอาจปฏิเสธคำพูดของแม่นมเซียวได้ เฟยเกอบอกว่าสวยพอดี ข้าจึงเติมเต็มความต้องการให้นางด้วยการมอบกำไลให้นางเสียเลย”
จินหลิวหลีถึงกับก่ายหน้าผาก “ถ้าแม่นมเซียวรู้เข้า คงได้โกรธเจียนตายแน่”
อวี้ชิงลั่วหัวเราะหึหึ ยกมือขึ้นมาทำท่า ‘ชู่’ ให้อีกฝ่ายเงียบเสียง จริง ๆ แล้วหากให้พูดเรื่องจริง แม้ว่ากำไลชิ้นนั้นจะซื้อตัวเฟยเกอไม่ได้ แต่ก็ทำให้เหมิงกุ้ยเฟยเกิดความระแวงภายในใจได้
หลิวหลีพูดถูก เหมิงกุ้ยเฟยและเย่ซิวตู๋มีความคล้ายกันจริง ๆ แต่ก็มีจุดที่ไม่เหมือนกัน นั่นก็คือ…เหมิงกุ้ยเฟยเป็นคนขี้สงสัยมากกว่า
ต่อให้เฟยเกอเป็นคนถอดกำไลออกไปให้ด้วยตนเอง และเหมิงกุ้ยเฟยรู้ดีว่าเฟยเกอไม่มีทางทรยศตนเอง แต่ภายในใจย่อมรู้สึกไม่สบายใจ ความคิดก็จะซับซ้อน
แต่สวรรค์เป็นพยานได้ อวี้ชิงลั่วไม่ได้มีความคิดคดเคี้ยวเหล่านั้นจริง ๆ
รถม้าเคลื่อนไปด้านหน้าจนเกิดเสียง ‘กรับ ๆ ๆ’ อยู่ครู่หนึ่ง ยามจอดลงหน้าจวนซิวอ๋อง ท้องฟ้าที่อยู่ห่างออกไปก็ดำทะมึนแล้ว ดูเหมือนว่าคืนนี้คงฝนตกหนักอีกหน
เย่ซิวตู๋ก็ไม่รู้เช่นกันว่าตนเองยืนรออยู่หน้าประตูตำหนักนานเพียงใดแล้ว ครั้นแลเห็นรถม้าหยุดลง และมีเงาของนางปรากฏออกมา ความตึงเครียดพลันผ่อนคลายลง ถือร่มเข้ามาพร้อมกับประคองนางให้ลงจากรถ
จากนั้นจึงหันไปพยักหน้าให้จินหลิวหลี รวมถึงแม่นมเซียวและหงเย่ที่เดินลงมาจากรถม้าคันด้านหลัง ก่อนจะพาอวี้ชิงลั่วเดินเข้าไปด้านในประตูตำหนัก
เมื่อกลับมาถึงเรือน และประตูถูกปิดลง อวี้ชิงลั่วก็เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดที่แสนอบอุ่น
นางชะงัก ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมา “ดูเหมือนท่านจะประหม่าเกินไปแล้ว ข้าไม่ได้อ่อนแอถึงเพียงนั้น ที่แค่เข้าวังเพียงครั้งเดียวแล้วจะเกิดเรื่อง”
“ในนั้นเดิมทีก็มีงูพิษสัตว์ร้าย หากเป็นไปได้ ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ก้าวเท้าเข้าไปตลอดทั้งชีวิต” เย่ซิวตู๋เติบโตอยู่ในวังมาตั้งแต่เด็ก กลอุบายเช่นใดที่เขาไม่เคยเห็น? แม้แต่แม่แท้ ๆ ของเขายังจ้างวานให้นักฆ่ามาทำร้ายเขา นับประสาอะไรกับคนอื่น?
อวี้ชิงลั่วถึงกับส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มอย่างห้ามไม่อยู่ ดูเหมือนว่าช่วงนี้เย่ซิวตู๋จะเป็นทุกข์เป็นร้อนในเรื่องส่วนได้ส่วนเสียของตนเองได้ง่าย หลายวันก่อนตอนที่หนานหนานอยู่ในวังนานขนาดนั้น ยังไม่เคยเห็นเขามีท่าทีกังวลเช่นนี้
หรือว่าการที่นางไปเจอเหมิงกุ้ยเฟย ทำให้เกิดเงามืดภายในใจของเขา?
ครั้นนึกถึงตรงนี้ อวี้ชิงลั่วก็ย้อนนึกถึงผ้าเช็ดหน้าที่นางเก็บมาจากตำหนักของเหมิงกุ้ยเฟย มือของนางถึงกับกำแน่น จับเข้ากับแขนเสื้อทันใด
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ผ้าเช็ดหน้านั่นเป็นเบาะแสเกี่ยวกับเรื่องอะไรกันนะ
ไหหม่า(海馬)