อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 475 ใจอ่อนแค่ครั้งนี้
ตอนที่ 475 ใจอ่อนแค่ครั้งนี้
ตอนที่ 475 ใจอ่อนแค่ครั้งนี้
อวี้ชิงลั่วสูดหายใจเข้าลึก ๆ เป็นเพราะหนานหนานมักจะพูดด้วยอารมณ์ความรู้สึกของตนเอง ดังนั้นนางจึงฝากความหวังไว้ที่เย่หลานเฉิงตั้งแต่แรก เพราะนางไม่อยากถามหนานหนานเลยจริง ๆ
“หนานหนาน พูดเรื่องสำคัญ” เย่ซิวตู๋ลูบหลังอวี้ชิงลั่วเบา ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้นางปรี่ตัวเข้าไปตีลูกชายของตนเอง เขาจึงพูดขัดคำพูดที่ยืดเยื้อของหนานหนาน
หนานหนานกะพริบตาปริบ ๆ ผายมือพูดด้วยท่าทางไร้เดียงสา “ข้าก็กำลังจะพูดเรื่องสำคัญอยู่นี่ไง เฮ้อ ท่านแม่เอาแต่ทำตัวไร้ความอดทนเช่นนี้ จะปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปได้เยี่ยงไรกัน? เป็นสตรีก็ต้อง…อ๋า ก็ได้ ๆ ข้าจะเล่าเดี๋ยวนี้แหละ เรื่องสำคัญก็คือ ตอนที่ข้ากลับมาถามคำถามเพียงประโยคเดียวท่านน้าเป่าเอ๋อร์ก็ร้องไห้แล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้คำตอบอะไรเลยสักอย่าง”
“…”
“!!!!!”
ถามไม่ได้คำตอบอะไรเลยสักอย่าง เจ้ายังกล้าพูดจายาวเหยียดอย่างมั่นอกมั่นใจให้ฟังอยู่ตรงนี้?
เย่หลานเฉิงถึงกับหดคอ หนานหนาน เจ้าไม่รู้อะไรสักอย่าง เหตุใดถึงได้ไปปลอบใจเป่าเอ๋อร์เป็นตุเป็นตะเช่นนี้
“อวี้ฉิงหนาน เจ้าไปนั่งตรงนู้น” อวี้ชิงลั่วคลึงหว่างคิ้ว ก่อนจะแกะมือของหนานหนานที่เอาแต่ตบบ่าอวี้เป่าเอ๋อร์ไม่หยุดออก จากนั้นจึงเดินเข้ามาเบียดตรงกลางระหว่างพวกเขาทั้งสองคน
หนานหนานบุ้ยปาก กระโดดลงจากเก้าอี้พร้อมกับแค่นเสียงสองเสียง จากนั้นจึงเดินไปนั่งข้าง ๆ บิดาของตนเองอย่างว่าง่าย
ใครจะไปคิดตอนที่เงยหน้าขึ้น กลับพบว่าบิดาของตนเองมองมาที่เขาด้วยสายตากึ่งยิ้มกึ่งบึ้งตึง ดวงตาสีดำมืดหม่นดูลุ่มลึก…ประหลาดมาก แอบแฝงความหมายไว้อย่างลึกซึ้งมาก ล้ำลึกมากด้วย
หนานหนานใจเต้นแรงขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ ก้มหน้าลงด้วยท่าทางร้อนตัวเล็ก ๆ ดวงตากลอกไปมา จ้องมองปลายเท้าอันงดงามและเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง
ทันใดนั้น เขาก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำอย่างจงใจของเย่ซิวตู๋ดังขึ้นข้างหู “หนานหนาน วันนี้เจ้าหนีออกมาจากสนามแข่งอีกแล้วรึ?”
“ท่านพ่อ…” หนานหนานหันมามองเขาด้วยท่าทางน่าสงสาร ดวงตาคู่นั้นแฝงด้วยความวิงวอน เอาเถิด เขารู้อยู่แล้วว่าที่ใดมีท่านพ่ออยู่ด้วย ย่อมปิดบังไม่ได้
เย่ซิวตู๋แค่นเสียงเบาหนึ่งเสียง ยื่นมือออกมาบีบจมูกของเขา กล่าวเสียงเบาว่า “พ่อไม่สนใจว่าเจ้าจะไปทำสิ่งใด ขอแค่เจ้ามีขอบเขตของตนเอง พ่อก็จะช่วยเก็บเป็นความลับ แต่ ไม่ว่าเจ้ากำลังทำสิ่งใด ห้ามทำให้แม่ของเจ้าเดือดร้อน นอกจากเรื่องนี้ ไม่ว่าเจ้าจะสร้างปัญหาใด พ่อก็จะช่วยตามเก็บกวาดให้เจ้า”
หนานหนานดวงตาเป็นประกายแวววาว ยิ้มให้เย่ซิวตู๋ด้วยท่าทางประสบสอพลอ “ข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านพ่อดีกับข้าที่สุดเลย ท่านไม่ต้องห่วง คราวนี้ข้าไม่สร้างปัญหาแน่นอน ไม่ทำให้ท่านแม่เดือดร้อนด้วย”
เขาช่างน่าสงสารนัก ตำแหน่งของเขาที่อยู่ภายในใจของท่านพ่อยังสู้ท่านแม่ไม่ได้ด้วยซ้ำ ทั้ง ๆ ที่เขาต่างหากที่เป็นคนอายุน้อย แต่ก็ช่างเถิด ท่านแม่เป็นสตรี เป็นสตรีใจแคบและเจ้าคิดเจ้าแค้นเสียด้วย เขาจะหลีกทางให้นางก็แล้วกัน
สองพ่อลูกยิ้มให้กันด้วยความเข้าใจโดยไม่ต้องพูด หนานหนานได้รับคำสัญญาจากบิดาแล้ว จึงโล่งอกและเบาสบายไปทั้งตัว
ดูเหมือนว่าหลังจากนี้หากเขาคิดจะติดตามท่านปู่ลู่ไปเรียนวรยุทธ์ ขอแค่ปิดบังท่านแม่ก็ไม่มีปัญหาใดแล้ว
คิดได้เช่นนี้ หนานหนานก็แกว่งขาสั้น ๆ เล็ก ๆ ทั้งสองข้าง มองดูมารดาของตนเองอย่างมีความสุข
ทว่าเมื่อเห็นอวี้เป่าเอ๋อร์ยังร้องไห้อยู่ทางนั้น จู่ ๆ สีหน้าก็ดูตึงเครียด แสดงท่าทางเมตตา เห็นอกเห็นใจและเศร้าโศกออกมา ความเร็วในการเปลี่ยนสีหน้านั้น เร็วจนแม้แต่เย่ซิวตู๋ถึงกับต้องเดาะลิ้นอย่างห้ามไม่อยู่
อวี้ชิงลั่วตบบ่าของอวี้เป่าเอ๋อร์ รอจนกระทั่งอวี้เป่าเอ๋อร์จัดการกับอารมณ์ได้แล้ว จึงเอ่ยขึ้นว่า “เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
อวี้เป่าเอ๋อร์ได้ยินนางถาม ขอบตาเริ่มแดงก่ำอีกครั้ง ผ่านไปครู่หนึ่งจึงไหวไหล่ตอบว่า “วัน…วันนี้ข้าออกไปข้างนอก ตอนที่เดินไปถึงถนนใหญ่ เจอ…เจอกับเฉินจีซิน นาง…”
เฉินจีซิน? อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้วจนหัวคิ้วผูกเป็นปม “นางด่าเจ้ารึ? หรือว่าทุบตีเจ้า?”
“ไม่ ๆ ๆ ไม่มี นางไม่ได้ทำ” อวี้เป่าเอ๋อร์รีบส่ายหน้า จับมืออวี้ชิงลั่วแล้วรีบกล่าวว่า “นางไม่ได้ทุบตีข้า ตอนที่นางเจอข้าก็รู้สึกประหลาดใจมาก แต่ นาง นางออกมาจากในร้านขายยา ในมือของนางมีถุงยาอยู่หลายถุง ข้าจึงถาม ๆ ดู นางบอกว่ายานั่นจัดไว้ให้ท่านพ่อ นางบอกว่าท่านพ่อป่วยระยะสุดท้าย ใกล้จะไม่ไหวแล้ว”
อวี้ชิงลั่วรูม่านตาหดเล็กลง ไม่เจอหน้ากันเพียงไม่กี่วัน อวี้เจี้ยนต๋าถึงกับไม่ไหวแล้วรึ?
“ท่านน้าเป่าเอ๋อร์ สตรีผู้นั้นอาจกำลังโกหกท่านก็เป็นได้ คราวก่อนตอนที่เจอกันก็ยังดี ๆ อยู่เลยมิใช่รึ?” หนานหนานที่นั่งอยู่ข้าง ๆ พูดแทรกขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ เย่ซิวตู๋สั่งให้คนยกอาหารมาวางบนโต๊ะพอดี เขาจึงรีบจับตะเกียบยัดเนื้อปลาเข้าปากอย่างรวดเร็ว หนานหนานถึงกับร้องเสียง ‘อื้อ ๆ’ ไม่หยุด
อวี้เป่าเอ๋อร์ส่ายหน้าด้วยความรู้สึกหดหู่ “ไม่ได้พูดโกหก ข้าไปที่จวนอวี้มาแล้ว ท่านพี่อย่าโกรธเคืองเลย ข้ารู้ดีว่าไม่ควรไป แต่ถึงอย่างไรท่านพ่อก็เป็นท่านพ่อของข้า บนโลกใบนี้ นอกจากท่านพี่ ท่านพ่อคือครอบครัวที่เป่าเอ๋อร์ใกล้ชิดที่สุด”
อะไรกัน เขาก็เป็นครอบครัวของเป่าเอ๋อร์นะ หนานหนานบุ้ยปากด้วยความไม่พอใจ แต่เมื่อมาคิด ๆ ดูแล้ว ครอบครัวที่เป่าเอ๋อร์ใกล้ชิดมากที่สุดดูเหมือนว่าก็ยังห่างเหินอยู่ดี
ช่างเถอะ เขาใจกว้าง ไม่คิดเล็กคิดน้อยกับคำพูดผิดพลาดของท่านน้าเป่าเอ๋อร์แล้ว
“แม้ว่าท่านพ่อจะเลอะเลือน แต่เขาก็ไม่เคยมีความคิดจะทำร้ายข้าเลย ข้าเห็นเขานอนอยู่บนเตียง สีหน้าก็ดูแย่มาก ตอนที่พูดก็ดูเหมือนจะเหนื่อยมากด้วย ใบหน้าเป็นสีเขียว ดูไม่มีชีวิตชีวาแม้แต่น้อย ราวกับจะจากไปได้ตลอดเวลาก็มิปาน”
อวี้เป่าเอ๋อร์กัดริมฝีปากล่าง “ก่อนหน้านี้ข้าเกลียดท่านพ่อมาก เกลียดที่เอาแต่ฟังคำพูดของสองแม่ลูกเฉินจีซินโดยไม่แยกผิดแยกถูก ทั้งยังกักขังข้าไว้นานหลายปีขนาดนั้นเพราะเห็นข้าเป็นคนบ้า เกลียดที่ท่านพ่อไม่ปกป้องท่านพี่ให้ดี ปล่อยให้ท่านพี่ต้องแบกรับความทรมานมากมายถึงเพียงนั้น เกลียดที่เขาเอาแต่ลำเอียงไปหาสองแม่ลูกนั่น ทั้งยังทำตัวเลอะเลือนไม่ออกความเห็นและอ่อนแอขนาดนั้น แต่เขาคือพ่อของข้า ข้ามิอาจจำแต่เรื่องแย่ ๆ แล้วลืมเรื่องดี ๆ ของเขาได้”
อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว อวี้เจี้ยนต๋ามีข้อดีด้วยรึ?
“แม้ว่าท่านพ่อจะกักขังข้า แต่ท่านพ่อก็มักจะแวะมาดูข้าอยู่เสมอ ข้าโกรธไม่ยอมคุยกับเขา เอาแต่นอนไม่สนใจเขา บนใบหน้าของเขาก็ปรากฏความรู้สึกผิดหวังเช่นกัน คราวก่อนตอนที่ข้าถูกองค์ชายสิบสามของอาณาจักรหลิวอวิ๋นจับตัวไป ท่านพ่อโขกศีรษะสุดชีวิตเพื่อช่วยเหลือข้า รวมถึงภายในท้องพระโรงของสนามแข่งวันนั้น อันที่จริงท่านพ่อเองก็เก็บคำพูดไว้มากมายโดยไม่ได้เอ่ยออกมา ดังนั้น ตอนที่ข้าเห็นเขานอนยิ้มอย่างอ่อนแรงให้ข้าอยู่บนเตียง ข้าจึงทนไม่ไหว…”
อวี้ชิงลั่วลูบศีรษะของอวี้เป่าเอ๋อร์ ถอนหายใจกล่าวว่า “เป่าเอ๋อร์ เจ้าใจอ่อนเกินไปแล้ว”
เรื่องนี้กลับมีความคล้ายกับอวี้เจี้ยนต๋าอย่างมาก ถึงอย่างไรก็เป็นพ่อลูกกัน ถึงอย่างไรก็สายเลือดเดียวกัน นี่เป็นเรื่องจริงที่ใครก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้
“ท่านพี่…ข้าใจอ่อนแค่ครั้งนี้…” อวี้เป่าเอ๋อร์ก้มหน้าลง เขารู้ดีว่าตนเองเป็นคนไม่เอาไหน แต่นั่นคือพ่อของเขา ให้เขามองคนตายโดยไม่ช่วยเหลือเขาทำไม่ลงจริง ๆ
ท่านพี่สูญเสียความทรงจำไปแล้ว นางไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วก่อนหน้านี้ตอนที่ยังอยู่ในจวนอวี้และยังไม่แต่งงานออกเรือน ท่านพ่อก็รักและทะนุถนอมนางมาก
อวี้ชิงลั่วเหลือบมองเย่ซิวตู๋ปราดหนึ่ง บนใบหน้าของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความไม่เห็นด้วย นางจึงส่ายหน้าให้เขาเบา ๆ
หนานหนานมองการเคลื่อนไหวของบิดาและมารดา มองไปยังอวี้เป่าเอ๋อร์ที่กำลังก้มหน้าด้วยความรู้สึกยุ่งเหยิงจนลำบากใจ ก่อนจะออกแรงเป่าลมดันเข้ากระพุ้งแก้มจนแก้มป่อง
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เพราะมีอาจารย์แอบสอนวิชาให้นี่เอง ถึงไม่กล้าบอกว่าเหตุที่เนื้อตัวมอมแมมมาเป็นเพราะอะไร ส่วนท่านพ่อก็ช่วยปกปิดให้อีก
สายสัมพันธ์พ่อลูกน่ะนะ ยังไงก็ต้องดูดำดูดีกันบ้าง เฮ้อ
ไหหม่า(海馬)