อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 478 ยังมีข้อที่สาม
ตอนที่ 478 ยังมีข้อที่สาม
ตอนที่ 478 ยังมีข้อที่สาม
ทุกคนมองไปตามเสียงที่ดังมาจากบนเตียง ก็พบว่าอวี้เจี้ยนต๋าพ่นลมหายใจแรง ๆ ออกแรงเบือนสายตาหลบหลีก ดู ๆ แล้วต้องใช้พลังอย่างมาก
แม้แต่อวี้ชิงลั่วที่เห็นท่าทางเช่นนี้ของเขา ก็อดเกิดอารมณ์ความรู้สึกอย่างห้ามไม่อยู่
ถึงอย่างไรเขาก็อายุมากแล้ว ทั้งยังถูกโจมตีเป็นเรื่องปกติที่ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายจะแย่ลงเรื่อย ๆ แต่การที่แย่ลงจนกลายเป็นเช่นนี้…ไม่ปกติเลยจริง ๆ
อวี้ชิงลั่วเม้มปาก มองเห็นอวี้เป่าเอ๋อร์ที่หลั่งน้ำตาจนหมดแหมะลงมา หัวคิ้วพลันขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
นางยื่นมือออกไปดึงอวี้เป่าเอ๋อร์ ขยับปากกล่าวว่า “ไปยืนข้าง ๆ”
อวี้เป่าเอ๋อร์ส่งเสียง ‘อ่อ’ ก่อนจะย้ายไปยืนข้าง ๆ อย่างเชื่อฟัง
เฉินจีซินถอยไปด้านหลังสองก้าวอย่างรังเกียจ สายตาเหลือบมองราวกับอวี้เป่าเอ๋อร์เป็นโรคระบาด
ทว่าอวี้ชิงโหรวกลับยืนเหม่ออยู่ข้างเตียง สายตาเศร้าโศกจ้องมองอวี้เจี้ยนต๋าที่อยู่บนเตียง พูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยว่า “ท่านพี่…แม่นางชิง ต้องรักษาท่านพ่อให้หายนะเจ้าคะ ทั้ง ๆ ที่ท่านพ่อร่างกายแข็งแรงมาโดยตลอด จู่ ๆ กลับล้มป่วยลงเช่นนี้ ข้า…ข้ากับท่านแม่ กลัวเหลือเกิน…”
อวี้ชิงลั่วหรี่ตาลงเล็กน้อย ท่าทางของอวี้ชิงโหรวดูไม่เหมือนกับคนที่กำลังเสแสร้งแกล้งทำ
บางที นางอาจเป็นห่วงอวี้เจี้ยนต๋าจริง ๆ ถึงอย่างไรก็เป็นพ่อแท้ ๆ ของตนเอง
บางที นางอาจเป็นกังวลว่าหลังจากเสาหลักของครอบครัวอย่างอวี้เจี้ยนต๋าจากไป สถานะของนางและแม่จะตกฮวบลง
ไม่ว่าจะเป็นไปได้ในทางไหน อวี้ชิงโหรวในตอนนี้ก็ไม่อยากให้เกิดเรื่องกับอวี้เจี้ยนต๋าจริง ๆ
อวี้ชิงลั่วไม่พูดอะไร ปลายนิ้วจับชีพจรของอวี้เจี้ยนต๋า ครุ่นคิดอย่างเงียบ ๆ
ภายในห้องเงียบสงัดลงภายในพริบตาจนน่ากลัว แม้แต่เฉินจีซินในตอนนี้ก็ออกแรงกำผ้าเช็ดหน้าในมืออย่างห้ามไม่อยู่ ถึงยังบิดอีกสองหนแรง ๆ หัวใจก็เกิดความตึงเครียดขึ้นด้วย
ผ่านไปครู่หนึ่ง อวี้ชิงลั่วจึงดึงมือกลับมา สายตากลับทอดมองไปที่อวี้เป่าเอ๋อร์
สายตาคู่นั้นดูซับซ้อนและเย็นชา ทว่ากลับแฝงด้วยความเห็นอกเห็นใจเล็ก ๆ
อวี้เป่าเอ๋อร์ใจเต้นตึกตัก รีบพุ่งตัวมาตรงหน้านาง จับมืออวี้ชิงลั่วแล้วเอ่ยถามด้วยความรีบร้อน “ท่านพี่ ท่านพี่ ท่านช่วยชีวิตของท่านพ่อได้ใช่หรือไม่? ช่วยให้หายได้ใช่หรือไม่?”
อวี้ชิงลั่วกลับพลิกมือพร้อมกับจับมือของเขาไว้ มุมปากขึงตึง ทว่ากลับไม่พูดอะไร
อวี้เป่าเอ๋อร์หมดเรี่ยวแรงโดยพลัน ขาทั้งสองข้างอ่อนยวบลงไปกองอยู่บนพื้นทันที
อวี้ชิงลั่วรีบอุ้มเขาขึ้นมา กล่าวเสียงเบา “เป่าเอ๋อร์ เจ้า…”
“เจ้าเป็นหมอปีศาจมิใช่รึ? เจ้าเก่งมากมิใช่รึ? เหตุใดถึงไม่มีปัญหาช่วยชีวิตเขา? เขาเป็นพ่อของเจ้านะ” เสียงแหลมแสบแก้วหูดังลั่นห้องโดยพลัน เฉินจีซินใบหน้าเขียวสลับขาว จู่ ๆ ก็พุ่งตัวมาตรงหน้าอวี้ชิงลั่วพร้อมกับกำเสื้อบริเวณหน้าอกของนางแรง ๆ
อวี้ชิงลั่วมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นชา สายตาคู่นั้นมองไปยังมือของอีกฝ่ายที่กำลังจับเสื้อตนเอง พูดอย่างไม่แยแส “ปล่อยมือออกจากข้า”
“อวี้…” เฉินจีซินคิดจะก่นด่านาง ทว่ากระโปรงที่อยู่ข้างลำตัวกลับถูกดึงไว้โดยพลัน
นางหลุบตามองก็พบว่าอวี้เจี้ยนต๋ากำลังขบฟันแน่น ออกแรงดึงกระโปรงของนาง พูดออกมาทีละคำอย่างยากลำบาก “เจ้า…เจ้าปล่อยนาง”
ตอนนี้แม้แต่จะเปล่งเสียงพูดไม่กี่คำก็กลายเป็นเรื่องเปลืองกำลังสำหรับเขาแล้ว สิ่งนี้ทำให้คนที่เห็นรู้สึกปวดใจยิ่งนัก
“ท่านพี่ นางไม่ยอมช่วยท่าน เหตุใดถึงได้ออกหน้าช่วยพูดแทนนาง? นางไม่เห็นตนเองเป็นลูกสาวของท่านด้วยซ้ำ นางไม่ยอมรับท่านเป็นพ่อ ท่านยังช่วยพูดแทนนาง ท่านกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่? ท่านกำลังจะตายอยู่แล้ว หากท่านตายก็คงไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ต่อให้เป็นลูกที่สติฟั่นเฟือน ก็ไม่มีทางยืนดูพ่อแม่ของตนเองจากไป ท่านเข้าใจ…โอ๊ย…”
เฉินจีซินยังพูดไม่จบประโยค หลังมือข้างนั้นที่จับอวี้ชิงลั่วก็เจ็บแปล๊บขึ้นมา
นางจึงดึงมือกลับมาตามสัญชาตญาณโดยพลัน สายตาจ้องมองไปยังเข็มเงินเล่มนั้นที่ปักอยู่บนหลังมือ
จากนั้นจึงเงยหน้าด้วยใบหน้าถมึงทึง “เจ้ากล้าแทงเข็มใส่ข้ารึ?”
อวี้ชิงลั่วถอนหายใจเฮือกหนึ่ง สตรีผู้นี้อยากจะพูดก็พูดไป จะมาจับคอเสื้อของนางแล้วเขย่าไปเพื่ออันใดกัน? หากนางไม่สั่งสอนอีกฝ่ายสักหน่อย เฉินจีซินคงคิดว่าตนเองเป็นบรรบุรุษของนาง เป็นมารดาของนางแล้วกระมัง?
น่าขันสิ้นดี
อวี้ชิงลั่วลุกขึ้นยืน สายตาเย็นชาจ้องมองเฉินจีซินที่ยืนอยู่ตรงหน้า ยิ้มด้วยรอยยิ้มกดลึก “ข้อแรก หลังจากนี้ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดบนตัวข้าอย่าได้มาแตะตัวข้าอีก ต่อให้เป็นชายเสื้อก็ไม่ได้ มิเช่นนั้น…ข้าจะไม่ได้แทงแค่เข็มใส่เจ้า แต่จะทำให้แขนขาทั้งสี่ของเจ้าพิการ ทำให้เจ้านอนเป็นผักอยู่บนเตียง ร้องขอให้มีชีวิตก็ไม่ได้ ร้องขอให้ตายก็ไม่มีทาง”
เฉินจีซินโกรธมาก คิดจะลงมืออีกครั้ง ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับดวงตาที่ดูโหดเหี้ยมราวจะกินเลือดของอวี้ชิงลั่ว นางจึงเกิดความรู้สึกหวาดกลัวขึ้นทันใด ความเย็นเยียบพุ่งขึ้นมาจากปลายเท้าอย่างต่อเนื่องมาจนถึงกลางใจ สิ่งนี้ทำให้มือที่ยกขึ้นมาของนางถึงกับสั่นโดยไม่รู้ตัวจนต้องดึงมือกลับมา
นัง…นังหญิงชาติชั่วนี่ เหตุใดถึงได้มีดวงตาเฉียบคมถึงเพียงนี้?
ดวงตาเช่นนั้นดูเหมือนกำลังบอกนางว่า นางจะทำเช่นนั้นจริง ๆ
อวี้ชิงโหรวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ถึงกับสูดลมเย็นเข้าปอด รีบลุกขึ้นยืน “ท่านพี่…แม่นางชิง ท่านแม่ของข้าไม่ว่าอย่างไรก็เป็นผู้อาวุโสของท่าน ท่านทำเช่นนี้…”
“ข้อสอง” จู่ ๆ อวี้ชิงลั่วก็ส่งเสียงออกมา แทรกคำพูดของอวี้ชิงโหรวทันใด สายตากวาดมองสองแม่ลูกสลับไปมาสองหน “ข้าไม่เพียงแต่เป็นหมอปีศาจ แต่ยังเป็นองค์หญิงเทียนฝูของอาณาจักรเทียนอวี่ และเป็นพระชายาของท่านอ๋องซิวที่ได้รับแต่งตั้งโดยฝ่าบาท ในเมื่อพวกเจ้าให้ข้ามาช่วยดูอาการให้ใต้เท้าอวี้ที่นี่ เช่นนั้นก็รอปรนนิบัติให้ดี หากยังละเลยอีก ท่านอ๋องซิวไม่มีทางปล่อยพวกเจ้าไว้ ฝ่าบาทย่อมไม่ปล่อยพวกเจ้าไว้ ราชวงศ์ของอาณาจักรเทียนอวี่ก็ยิ่งไม่ปล่อยพวกเจ้าไว้เช่นกัน พวกเจ้าไตร่ตรองให้ดี ถึงเวลานั้นทำร้ายตนเองไม่พอ ยังทำร้ายชีวิตของญาติสนิทมิตรสหายของตนเองรวมถึงคนรับใช้ภายในจวนอวี้ด้วย”
เสียงของอวี้ชิงลั่วดังมาก คนรับใช้ของจวนอวี้เหล่านั้นที่แอบดูอยู่ด้านนอกด้วยความสงสัยใคร่รู้ถึงกับเนื้อตัวสั่นเทาไปหมด
พวกเขาหันมองหน้ากัน รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
จะ…จะโยงมาถึงคนรับใช้อย่างพวกเขาให้เกิดเรื่องด้วยรึ? จริงสิ นางเป็นถึงองค์หญิงเทียนฝู อำนาจขององค์หญิงมากล้น คนตัวเล็ก ๆ อย่างพวกเขาจะโต้แย้งได้อย่างไร?
ไม่ว่าก่อนหน้านี้นางจะใช่คุณหนูใหญ่ของจวนอวี้ของพวกเขาหรือไม่ แต่ตอนนี้อีกฝ่ายมีที่พึ่งพามากมาย ทั้งยังมีความแข็งแกร่งถึงเพียงนั้น โดยเฉพาะ…ครั้งนี้คุณหนูใหญ่กลับมาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์และไม่แยแส ดูได้จากท่าทางที่มีต่อฮูหยินใหญ่เมื่อครู่ก็รู้แล้วว่านางเหี้ยมโหด ไม่ไว้หน้าใครทั้งสิ้น
ด้านล่างหน้าต่างมีคนแอบพูดซุบซิบกัน ยิ่งไปกว่านั้นยังมีสตรีที่สวมใส่ด้วยชุดสาวใช้รูปร่างหน้าตางดงามแอบมุดออกมาจากใต้หน้าต่าง รีบวิ่งไปที่ห้องครัวด้วยสีหน้าประหลาดยากจะแยกแยะ
ภายในห้องเกิดความเงียบสงัดชั่วพริบตา เฉินจีซินและอวี้ชิงโหรวถึงกับสำลักเพราะตกใจคำพูดของอวี้ชิงลั่ว
อวี้ชิงลั่วกลับยิ้มออกมาในทันที “ยังมีข้อที่สาม!!!”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ปักเข็มให้เป็นใบ้ไปสักเดือนสองเดือนหน่อยสิ รับรองฮูหยินนี่จะสงบเสงี่ยมขึ้นเยอะ
ไหหม่า(海馬)