อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 479 ความคิดที่น่าเหลือเชื่อเช่นนี้
ตอนที่ 479 ความคิดที่น่าเหลือเชื่อเช่นนี้
ตอนที่ 479 ความคิดที่น่าเหลือเชื่อเช่นนี้
“ข้อที่สาม หลังจากนี้อย่าได้เอาแต่ใช้สถานะของคนในครอบครัวมาคุยกับข้า พวกเจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร? หากยังกล้าพูดว่าใต้เท้าอวี้เป็นพ่อของข้า กล้าเรียกผิด เอ่ยคำว่า ‘พี่’ อีกคำเดียว ข้าคงไม่ถือสาหากจะตัดลิ้นของพวกเจ้าทิ้ง”
เฉินจีซินและอวี้ชิงโหรวถึงกับสูดลมเย็นเข้าปอดเฮือกหนึ่ง เฉินจีซินยังคิดอยากพูดอะไรบางอย่าง ทว่าแขนเสื้อที่อยู่บนข้อมือของนางกลับถูกอวี้ชิงโหรวกระตุกดึงไว้
ผ่านไปครู่หนึ่ง จึงได้ยินเสียงทุ้มต่ำของอวี้ชิงโหรวดังขึ้น “ข้าเข้าใจแล้ว แม่นางชิง”
หากคิดจะให้นางเรียกว่าองค์หญิง อย่าว่าแต่เฉินจีซิน แม้แต่อวี้ชิงโหรวก็พูดไม่ออกเช่นกัน
อวี้ชิงลั่วแค่นเสียงเบาหนึ่งเสียง ก่อนจะกลับมาสนใจอวี้เจี้ยนต๋าที่อยู่บนเตียงอีกครั้ง
อาจเป็นเพราะเห็นสถานการณ์ที่ดูตึงเครียดเช่นนี้ อวี้เจี้ยนต๋าจึงอ้าปากทำท่าจะพูดอะไรบางอย่างเพื่อทำให้สถานการณ์ผ่อนคลายลง ทว่าเขากลับเปล่งเสียงไม่ออก และจนปัญญาที่จะส่งเสียงพูด จึงทำได้เพียงแค่ถอนหายใจออกมาหนัก ๆ หลับตาลงเล็กน้อย
อวี้ชิงโหรวเห็นว่าสายตาของอวี้ชิงลั่วอ่อนโยนลงเล็กน้อยแล้ว จึงรีบใช้โอกาสตีเหล็กตอนที่ยังร้อนถามไปว่า “แม่นางชิง ท่านพ่อของข้า…จนปัญญาที่จะรักษาแล้วจริง ๆ รึ? เจ้ามีทักษะทางการแพทย์ชั้นสูง ทุกคนต่างพูดกันว่าหมอปีศาจสามารถช่วยคนตายให้กลับมามีชีวิตได้ ท่านพ่อเพิ่งล้มป่วยได้ไม่กี่วันย่อมต้องรักษาให้หายได้ แม่นางชิง ข้ารู้ดีว่าความเข้าใจผิดของพวกเราก่อนหน้านี้ทำให้เจ้ารู้สึกไม่สบอารมณ์ย่อมเป็นเรื่องปกติ ถือเสียว่าเห็นแก่เป่าเอ๋อร์ ช่วยเหลือพ่อของข้าจะได้หรือไม่? ข้าโขกศีรษะให้เจ้าก็ได้”
ระหว่างที่พูด อวี้ชิงโหรวก็คุกเข่าลงบนพื้นจนเกิดเสียง ‘ตึง’ จริง ๆ จากนั้นจึงโขกศีรษะให้อวี้ชิงลั่วแรง ๆ ถึงสองครั้ง
อวี้ชิงลั่วรู้สึกได้ว่าตนเองสามารถรับมารยาทจากอีกฝ่ายได้ จึงไม่ได้หลบหลีก นางอยากโขกศีรษะก็โขกไป อยากคุกเข่าก็คุกเข่าไป อยากจะโขกนานเพียงใดก็เรื่องของนาง
เพียงแต่น่าเสียดายที่นางโขกศีรษะเพียงสองครั้งเท่านั้น อวี้ชิงลั่วโหรวก็เงยหน้าขึ้นเพราะรับไม่ไหวเสียเอง ทั้งยังมองมาที่อวี้ชิงลั่วด้วยท่าทางจริงจัง
อวี้เป่าเอ๋อร์ทนเห็นท่าทางเช่นนี้ของนางไม่ไหว จึงขมวดคิ้วก้าวเท้าไปด้านหน้าหนึ่งก้าวเพื่อขวางตรงหน้าอวี้ชิงลั่ว เม้มริมฝีปากเล็ก ๆ พลางกล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า “เจ้า…เจ้าอย่าได้สร้างความลำบากใจให้ท่านพี่ อย่าได้นำข้าไปกล่าวอ้าง ท่านพี่เป็นคนเก่ง ไม่จำเป็นต้องให้เจ้ามาพูดให้มากความอยู่ที่นี่”
พูดจบก็หมุนกายมองมาที่อวี้ชิงลั่วพร้อมกับน้ำตาที่ไหลพราก โดยไม่สนใจสีหน้าอึมครึมของอวี้ชิงโหรว
อวี้ชิงลั่วเห็นสีหน้าเช่นนี้ของเขา ย่อมใจอ่อนปวกเปียกไปหมด
นางดึงมือของอวี้เป่าเอ๋อร์ บอกกับเขาอย่างจริงใจพยายามใช้วิธีที่ทำให้เขาสามารถเข้าใจได้ “เป่าเอ๋อร์ เจ้าเองก็รู้ ต่อให้เก่งกว่านี้ ก็ต้องมีช่วงเวลาที่ไร้ความสามารถเช่นกัน ถึงพี่จะมีทักษะทางการแพทย์ที่ไม่เลว คนที่ช่วยเหลือได้ล้วนย่อมช่วยเหลือให้รอดชีวิตได้ แต่ บนโลกใบนี้ก็ยังมีหลายสิ่งที่มนุษย์มิอาจต้านทาน”
“มิอาจต้านทาน?” เป่าเอ๋อร์ไม่เข้าใจ
อวี้ชิงลั่วครุ่นคิด นางควรพูดเช่นไรดี?
“ข้าจะพูดเช่นนี้กับเจ้าก็แล้วกัน อวัยวะของมนุษย์ล้มเหลวและอ่อนแอลงด้วยเหตุผลบางประการ เอ่อ ความหมายของพี่ก็คือ ยกตัวอย่างเช่นในร่างกายของเจ้ามีหัวใจ กระเพาะอาหาร ปอด ไตและอื่น ๆ ซึ่งเป็นอวัยวะที่ประกอบรวมเข้าด้วยกัน มีบางคนที่หนึ่งในอวัยวะเหล่านี้มิอาจใช้งานได้เพราะเหตุผลบางประการ เช่นนั้นย่อมเป็นเรื่องที่อันตรายมาก พ่อของเจ้า…ภาวะหัวใจล้มเหลว หัวใจของเขาเกิดปัญหา การเต้นของหัวใจช้าลงอย่างมาก”
อวี้เป่าเอ๋อร์ถึงกับเบิกตากว้างทันใด เขารู้ดี หัวใจเป็นส่วนสำคัญมาก ๆ หากหยุดเต้น คนคนนี้ก็จะ…ตาย
เฉินจีซินและอวี้ชิงโหรวหันสบตากัน แม้ว่าพวกนางจะไม่ค่อยเข้าใจถึงอวัยวะเหล่านั้นที่อวี้ชิงลั่วกำลังพูด ทว่าพวกนางก็พอจะเข้าใจว่า การเต้นของหัวใจเป็นปัจจัยในการตัดสินว่าพวกนางยังมีลมหายใจหรือไม่
อวี้ชิงลั่วหลุบตามองอวี้เจี้ยนต๋าที่อยู่บนเตียง การวินิจฉัยขั้นเบื้องต้นของนาง อวี้เจี้ยนต๋าเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบระยะสุดท้ายแล้ว จากอาการของเขาในตอนนี้เกรงว่าคงอยู่ได้อีกไม่นาน
ร่างกายของอวี้เป่าเอ๋อร์ถึงกับโซเซด้วยความมึนงง
ท่านพี่พูดไว้ร้ายแรงยิ่งนัก เช่นนั้นก็คง…ร้ายแรงมากจริง ๆ
ท่านพี่ไม่มีทางหลอกเขา อีกอย่างโรคของท่านพ่อก็รุนแรง ภายในระยะเวลาสั้น ๆ ก็กลายเป็นสภาพเช่นนี้แล้ว เกรงว่าคงยากที่จะรักษาแล้วจริง ๆ
แม้ภายในใจจะเข้าใจดี แต่เขาก็อดถามไม่ได้ “หรือว่า…หรือว่าจะไม่มีวิธีแม้แต่น้อยเลยจริง ๆ หรือ? ไม่มีหวังแม้แต่น้อยเลยรึ?”
อวี้ชิงลั่วทนเห็นท่าทางวิญญาณหลุดลอยเช่นนี้ของอวี้เป่าเอ๋อร์ไม่ไหวจริง ๆ แม้แต่การพูดก็ดูเลื่อนลอยไปด้วย นางถึงกับใจอ่อน จู่ ๆ ก็พูดขึ้นว่า “มันก็ยังมีอีกหนึ่งวิธี”
“วิธีอะไรหรือขอรับ?” อวี้เป่าเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นทันใด แม้ว่าเฉินจีซินและอวี้ชิงโหรวที่อยู่ข้าง ๆ ก็กลั้นหายใจอย่างห้ามไม่อยู่ ดวงตาเป็นประกายขณะมองมาที่อวี้ชิงลั่ว
อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว ชะงักไปก่อนจะถอนหายใจกล่าวเสียงเบาว่า “เปลี่ยนหัวใจ เปลี่ยนหัวใจให้ใต้เท้าอวี้”
“เปลี่ยนหัวใจ?” หัวใจเปลี่ยนได้ด้วยรึ? หัวใจมิใช่ว่าหากถูกนำไปแล้วจะทำให้คนคนนี้ตายหรอกหรือ?
อวี้เป่าเอ๋อร์ยังอยู่ในท่าทางมึนงงอย่างมาก เฉินจีซินเอ่ยปากพูดเพราะทนรอไม่ไหว “เช่นนั้นเจ้าก็รีบเปลี่ยนสิ เปลี่ยนหัวใจให้ท่านพี่”
“เปลี่ยนหัวใจ?” อวี้ชิงลั่วหัวเราะเย็นรัว ๆ “เจ้าพูดง่ายดีนะ เจ้าจะไปขุดหัวใจของใครออกมาเปลี่ยนให้ใต้เท้าอวี้? ใครจะยอมทิ้งชีวิตของตนเองเพื่อช่วยชีวิตของคนอื่น? เจ้ารึ? เจ้ายอมหรือ?”
พูดง่ายเหลือเกิน เฉินจีซินไม่มีสมองสักนิดเลยหรือ?
เฉินจีซินถึงกับชะงัก คำพูดของอวี้ชิงลั่วทำให้ใบหน้าของนางถึงกับขึ้นสีแดงระเรื่อ ผ่านไปครู่หนึ่งจึงกล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “เจ้าหมายความว่าอย่างไร? ข้าคิดไว้อยู่แล้วเชียวว่าเจ้าอยากได้ชีวิตของข้า เหอะ อะไรกัน จะถือโอกาสนี้เพื่อกำจัดข้าทิ้งกระนั้นรึ?”
“ท่านแม่…” อวี้ชิงโหรวขานเรียกนางหนึ่งเสียง ก่อนจะส่ายหน้าให้อีกฝ่ายเบา ๆ
เฉินจีซินจึงทำได้เพียงแค่ข่มความไม่พอใจกลับลงไป ถูกต้อง ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาระเบิดอารมณ์ คนเดียวที่นางพึ่งพาได้มีแค่อวี้ชิงลั่วเท่านั้น อย่างน้อย ๆ ก็ต้องช่วยชีวิตสามีของนางกลับมาให้ได้ พวกนางถึงจะมีชีวิตที่ดี
เฉินจีซินนางแค่นเสียงเบาหนึ่งเสียง เอ่ยด้วยท่าทางไม่ค่อยเต็มใจเท่าไรนัก “เหตุใดต้องเป็นข้า? บนโลกใบนี้มีคนเห็นแก่เงินที่ยอมสละชีวิตเพื่อเงิน เจ้าเป็นองค์หญิงมิใช่รึ? มีเงินย่อมซื้อหัวใจได้ จวนอวี้ก็มีคนรับใช้จำนวนไม่น้อย พวกเขาล้วนลงนามสัญญาขายตัวให้จวนอวี้ ชีวิตของพวกเขาเป็นของจวนอวี้ ก็แค่ต้องการหัวใจของพวกเขาดวงเดียวแลกกับชีวิตของท่านพี่ เพื่อทำให้จวนอวี้สืบต่อไป ทั้งยังทำให้คนอื่น ๆ ในจวนอวี้ได้มีที่พักอาศัย ทุกคนมีความสุข”
อวี้ชิงลั่วรู้สึกเหลือเชื่อเหลือประมาณ คิดไม่ถึงเลยว่าเฉินจีซินจะพูดคำพูดเช่นนี้ออกมาจากปาก
ทว่าเมื่อเห็นท่าทางของอวี้ชิงโหรวที่เห็นดีเห็นงามว่าเป็นเรื่องสมเหตุสมผลเช่นนี้ อวี้ชิงลั่วถึงกับจุกอยู่กลางอกจนหายใจไม่ออก
จริงสิ ในยุคนี้ ไม่มีใครสนใจชีวิตของคนรับใช้ ไม่รู้ว่าคนรับใช้และสาวใช้ภายในจวนตระกูลใหญ่ต้องตายเพราะความขัดแย้งของเจ้านายมากน้อยเพียงใด ให้พวกเขานำชีวิตของตนเองมาแลกกับชีวิตของนายท่าน เฉินจีซินและอวี้ชิงลั่วโหรวย่อมคิดว่าเป็นเรื่องสมเหตุสมผล
ทว่า…
“แต่ คนอื่นจะตาย” อวี้เป่าเอ๋อร์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไรนัก
เขาอยากช่วยชีวิตคน แต่ไม่ได้อยากใช้เหตุผลนี้เพื่อทำร้ายคนอื่น หากเป็นเช่นนี้เขาก็คงไม่สบายใจเช่นกัน
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
เฮ้อ ถ้ามีโอกาสได้ทะลุมิติมายุคโบราณแบบนี้ จงภาวนาว่าอย่าไปเกิดเป็นบ่าวรับใช้ใครเลยนะคะ มีโอกาสสูงที่จะตายทันทีหลังทะลุมิติมาแล้วถ้าเกิดเจอเจ้านายไม่ดี
ไหหม่า(海馬)