อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 48 เชิญทางนี้
ตอนที่ 48 เชิญทางนี้
จินหลิวหลีขมวดคิ้ว เกิดอาการใจเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ อย่างเลี่ยงไม่ได้ หรือว่าครั้งนี้จะเพิ่มมากเกินไป?
โม่เสียนแอบขบฟันแน่น คงไม่หรอกกระมัง คนของห้องหมายเลขหนึ่ง คงไม่ใช่ว่าไม่มีแม้กระทั่งสามพันตำลึงหรอกกระมัง หากเป็นเช่นนี้จริง ๆ ก็เท่ากับว่าเขาต้องออกเงินส่วนนี้เองอย่างนั้นหรือ?
ทุกคนกลั้นหายใจรออยู่ครู่หนึ่ง ก็พบว่ายังไม่มีใครเพิ่มราคา ในที่สุดฝูงชนที่อยู่รอบ ๆ ก็ทนไม่ไหว ทยอยส่งเสียงโห่ร้อง “เถ้าแก่เนี้ยจิน ไม่มีคนประมูลราคาเพิ่มแล้ว เช่นนั้นเงินสามพันตำลึงก็น่าจะเป็นราคาสูงสุดแล้วกระมัง?”
จินหลิวหลีเหลือบมองคนที่พูดปราดหนึ่ง จำนวนเงินสามพันตำลึงสูงสุดแล้ว? จากการประมาณการของอวี้ชิงลั่วแล้ว อย่างต่ำที่สุดก็ต้องหนึ่งหมื่นตำลึง
ค่าตัวของหมอปีศาจเหตุใดถึงได้มีราคาแค่สามพันตำลึง
หากอยู่ในเมืองหลวง เงินสามหมื่นตำลึงยังไม่พอที่จะเชิญอวี้ชิงลั่วได้เลย
อวี๋จั๋วหลินเป็นคนของตระกูลมั่งคั่ง คงไม่ได้มีเงินเล็กน้อยแค่นี้
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ในที่สุดเสียงของอวี๋เฟิงก็ดังขึ้นอีกครั้ง “สามพันห้าร้อยตำลึง”
โม่เสียนแอบถอนหายใจ ก่อนจะยกป้ายขึ้นแล้วกล่าวเสียงสูง “สี่พันตำลึง”
ครั้งนี้ เขาไม่กล้าเพิ่มเยอะเกินไปแล้ว เขาไม่ได้มีความฉลาดปราดเปรื่องเท่ากับอวี้ชิงลั่ว ไม่สามารถบอกได้ว่าบุคคลที่อยู่ในห้องพิเศษหมายเลขหนึ่งคือใคร และเดาไม่ออกด้วยว่าขีดจำกัดของฝ่ายนั้นอยู่ตรงไหน
อย่างไรก็ตาม เขาได้รับคำใบ้จากจินหลิวหลี ว่าแค่เพิ่มราคาขึ้นก็พอแล้ว
อวี๋จั้วหลินใบหน้าเขียวปั้ด เขวี้ยงจอกชาบนโต๊ะลงพื้นแรง ๆ ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“นายน้อย ยังจะเพิ่มอีกหรือไม่ขอรับ?” อวี๋เฟิงถามอย่างระมัดระวัง เขาพอจะมองออกว่าโทสะของนายน้อยอัดแน่นใกล้จะระเบิดแล้ว
อวี๋จั้วหลินหัวเราะอย่างเย็นชา “เพิ่มอีก”
“สี่พันห้าร้อยตำลึง” เพิ่มขึ้นอีกห้าร้อยตำลึงแล้ว ฝูงชนที่อยู่ด้านล่างถึงกับส่งเสียงร้องต่อเนื่อง อาจเป็นเพราะเห็นได้น้อยคนมากที่จะมีความใจกว้างมากขนาดนี้
โม่เสียนเห็นสายตาของจินหลิวหลี แย้มยิ้มกล่าวว่า “ห้าพันตำลึง”
ตอนนี้เขารู้สึกเห็นอกเห็นใจลูกค้าของอวี้ชิงลั่วที่ได้รับความขุ่นเคืองคนนี้มาก ไม่รู้ว่าแม่นางอวี้และเขามีความเคียดแค้นลึกซึ้งถึงเพียงใด ถึงได้วางแผนให้อีกฝ่ายลำบากตรากตรำถึงเพียงนี้
อวี๋จั้วหลินมุมปากเม้มเป็นเส้นตรง เอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เพิ่มอีกห้าพัน”
อวี๋เฟิงเบิกตาโต “นายน้อย” …คุ้มค่าหรือขอรับ?
“เพิ่ม”
“ขอรับ” อวี๋เฟิงหน้าเปลี่ยนสีอย่างหนัก เขาหันไปถลึงตามองโม่เสียนที่อยู่ด้านล่าง ก่อนจะกล่าวเสียงสูงอย่างทรงพลัง “หนึ่งหมื่นตำลึง”
หนึ่งหมื่น? หนึ่งหมื่น? หนึ่งหมื่นตำลึง???
ทุกคนต่างเกิดความโกลาหล ทั้งยังอ้าปากค้างมองไปยังหน้าต่างห้องพิเศษหมายเลขหนึ่ง รู้สึกสงสัยเป็นอย่างมากว่าคนที่ออกเงินอย่างใจกว้างเช่นนี้เป็นเทพเซียนศักดิ์สิทธิ์จากที่ใดกัน จึงพากันชะโงกหน้ายืดคอมองเพราะอยากเห็นใบหน้าที่แท้จริง
เพียงแต่ สายตาของทุกคนที่ยิ่งฉงนสงสัยก็กลับมามองที่โม่เสียนอีกครั้ง นัยน์ตาคู่นั้นบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าพวกเขาหวังว่าโม่เสียนจะเพิ่มราคาต่อไป
แต่น่าเสียดาย โม่เสียนกลับยักไหล่ พูดอย่างจนปัญญา “เฮ้อ ข้านำเงินมาไม่พอ ช่างเถอะ ไว้คราวหน้าก็แล้วกัน ถึงอย่างไรข้าก็แค่เดินไม่ระมัดระวัง หนังบนนิ้วมือจึงถลอกนิดหน่อย ไม่ต้องให้หมอปีศาจรักษาก็น่าจะหายดีได้”
“…”
ทุกคนถึงกับกระอักเลือด หนังถลอกนิดหน่อย แต่กลับวิ่งมาประมูลเพิ่มราคาใหญ่โตขนาดนี้?
อวี๋จั้วหลินในตอนนี้เกิดความคิดอยากกลืนโม่เสียนลงท้องเสียเหลือเกิน บุรุษผู้นี้ไม่เจ็บไม่ป่วยแต่กลับวิ่งมาสู้กับเขาไม่ปล่อย หรือคิดจะสร้างความวุ่นวายเพื่อความสนุกสนาน?
อวี๋เฟิงแอบถอนหายใจ ภายในใจกลับรู้สึกเสียดายเงินที่ตกไปอยู่ในกระเป๋าของคนอื่นอย่างไร้เหตุผล
หากมิใช่เพราะบุรุษที่อยู่ด้านล่างนั้นคอยดูถูกถากถาง พวกเขาจะถูกบังคับให้ตกอยู่ในสภาพอับอายเช่นนี้หรือ?
“นายน้อย โชคดีที่ในที่สุดพวกเราก็ได้เจอหมอปีศาจแล้วนะขอรับ”
อวี๋จั้วหลินค่อย ๆ หลับตาลง จู่ ๆ ก็รู้สึกผิดหวังขึ้นมา เงินหนึ่งหมื่นตำลึงเพื่อเจอหน้าหมอปีศาจ น่าเสียดายเกินไปแล้ว
“นายน้อย ไม่ว่าอย่างไร การรอคอยหลายวันมานี้ก็ถือว่าสัมฤทธิ์ผลแล้วนะขอรับ” อวี๋เฟิงเห็นว่าเขาไม่มีความสุข จึงทำได้เพียงแค่คิดหาวิธีปลอบใจ
อวี๋จั้วหลินพยักหน้า ตอนที่คิดทำท่าจะลุกขึ้นยืน ด้านล่างก็เกิดเสียงของจินหลิวหลีดังขึ้นด้วยความพึงพอใจ
“หนึ่งหมื่นตำลึง ยังมีใครให้มากกว่านี้อีกหรือไม่? ยังมีหรือไม่?”
ระหว่างที่พูด ผ่านไปครู่หนึ่งก็ยังไม่มีใครเอ่ยปากพูดอะไรออกมา นางจึงประกาศด้วยรอยยิ้มในทันที “ในเมื่อไม่มีใครเพิ่มราคาแล้ว แผ่นป้ายไม้แผ่นนี้ตกเป็นของลูกค้าห้องหมายเลขหนึ่ง ด้วยราคาประมูลหนึ่งหมื่นตำลึง”
ต้องยอมรับว่าอวี้ชิงลั่วคาดการณ์ราคาไว้แม่นยำจริง ๆ อวี๋จั้วหลินยอมออกเงินหนึ่งหมื่นตำลึงจริง ๆ ด้วย
จินหลิวหลียิ้มด้วยรอยยิ้มสดใส ก้มหน้าพูดกับต้าอู่ “เจ้าไปหาหยางต้าซ่านเหริน นำแผ่นป้ายไม้หมายเลขหกไปมอบให้ลูกค้าห้องหมายเลขหนึ่ง จากนั้นนำเงินของลูกค้าคนนั้นไปมอบให้หยางต้าซ่านเหริน”
ต้าอู่แย้มยิ้ม ตอบรับเสียงเบา “ขอรับเถ้าแก่เนี้ย”
หลังจากพูดจบ เขาก็รีบวิ่งขึ้นไปด้านบน แม้วันนี้จะวิ่งขึ้น ๆ ลง ๆ เหนื่อยจนเข่าทั้งสองข้างอ่อนยวบ แต่ก็นับว่าคุ้มค่าแล้ว
เพียงไม่นานต้าอู่ก็เคาะประตูและเปิดห้องของหยางต้าซ่านเหริน หยางเยี่ยนเซิงยื่นแผ่นป้ายไม้ให้เขาด้วยท่าทางตกตะลึง
พูดตามตรง เขาเองก็คิดไม่ถึงว่าผลลัพธ์ในตอนท้ายจะเป็นเช่นนี้ ลูกค้าของห้องหมายเลขหนึ่งคนนั้น สุดท้ายแล้วป่วยเป็นโรคอะไรกันถึงได้ยอมจ่ายเงินหนึ่งหมื่นตำลึงเพื่อให้ได้เจอหน้าหมอปีศาจ?
บุรุษคนนั้นที่นั่งอยู่ข้างกายเขาอดขมวดคิ้วไม่ได้ ท่าทางราวกับกำลังครุ่นคิด เหตุใดเขาถึงรู้สึกถึงภาพลวงตา ราวกับว่าคนที่อยู่ในห้องหมายเลขหนึ่งคนนั้น คือวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของเถ้าแก่เนี้ยจินในครานี้?
ตอนที่ต้าอู่นำแผ่นป้ายไม้หมายเลขหกมาให้อวี๋จั้วหลิน เขาไม่กล้าแม้แต่จะอยู่นาน ๆ หลังจากได้เงินจากมือของอวี๋เฟิงก็รีบวิ่งหนีออกไปจนแทบทนไม่ไหว
ท่าทางของอวี๋จั้นหลินก็ดูน่ากลัวเกินไปหน่อย มองเขาราวกับอยากจะกลืนเขาอย่างไรอย่างนั้น
“นายน้อย พวกเราลงไปกันเถอะขอรับ” อวี๋เฟิงแอบถอนหายใจ หลังจากเก็บแผ่นป้ายไม้ จึงเปิดประตูห้องออกและเดินนำทางอยู่ด้านหน้า
ตอนที่ทั้งสองคนเดินมาถึงซุ้มประตู จินหลิวหลีก็รออยู่ตรงนั้นแล้ว เมื่อเห็นพวกเขานางพลันยิ้มด้วยรอยยิ้มที่สวยสดงดงามขึ้นมา ทั้งยังกวาดตาสำรวจอวี๋จั้วหลินทั้งบนและล่าง
บุรุษผู้นี้รูปร่างหน้าตาหล่อเหลาสง่าผ่าเผย เป็นบุรุษงดงามที่หาได้ยากยิ่ง ไม่แปลกใจเลยตอนที่เขาอยู่ในเมืองหลวงจะเป็นนายพลหนุ่มที่ดรุณีนับหมื่นนับพันแก่งแย่งเพื่อได้แต่งงานกับเขา
เพียงแต่ เมื่อเทียบกับบุรุษแซ่เย่แห่งจวนโม่ก่อนหน้านี้ ก็ยังด้อยกว่านิดหน่อย
ได้เห็นเย่ซิวตู๋แล้วมามองเขาอีกครั้ง นางจึงรู้สึกเสียอารมณ์ไปเล็กน้อย ยิ่งไปกว่านั้น เดิมทีนางก็มิได้รู้สึกดีอะไรกับบุรุษที่ต้องการสังหารอวี้ชิงลั่วเมื่อหกปีก่อนคนนี้อยู่แล้ว
อวี๋จั้วหลินปรายตามองนาง แต่ก็ไม่ได้เร่งเร้า เพียงแค่เชิดคางขึ้นเล็กน้อยด้วยท่าทางมั่นอกมั่นใจ
เขาคุ้นชินกับสายตาของสตรีเหล่านี้ที่มองมาที่ตนเองแล้ว เขาทราบดีว่าหน้าตาของเขาไม่ได้เลวร้าย มิเช่นนั้นจะมีแม่สื่อจำนวนมากขนาดนั้นมาพูดถึงเรื่องจับคู่ถึงหน้าเรือนหรือ?
เมื่อเห็นสายตาอันร้อนแรงของสตรีเหล่านี้ ภายในใจของเขาจึงเกิดความภาคภูมิใจ
“เชิญทางนี้” จินหลิวหลีดึงสายตากลับมา หลังจากตัดสินเขาอยู่ภายในใจ ก็ขวางทางอวี๋เฟิงไว้ แล้วนำเขาเข้าไปด้านในเพียงลำพัง
ตอนที่เดินมาถึงหน้าประตูห้องของอวี้ชิงลั่ว นางหยิบผ้าขึ้นมาหนึ่งผืนเพื่อปิดตาของเขา
อวี๋จั้วหลินขมวดคิ้ว ราวกับไม่พอใจ แต่เรื่องราวดำเนินมาถึงจุดนี้แล้ว เขาจึงทำได้เพียงแค่ยอมเชื่อฟัง ถึงอย่างไรเขาก็ไม่อยากให้ทุกอย่างล้มเหลวในตอนท้าย
ทั้งสองคนที่อยู่ด้านในห้องได้ยินเสียงเคลื่อนไหวด้านนอก จึงหยุดการเคลื่อนไหวของมือ มุมปากแอบกระตุกขึ้นเบา ๆ ขณะมองไปยังประตู
…………………………
สารจากผู้แปล
ปลาใหญ่ติดแหแล้ว ชิงลั่วจะจัดการสับอดีตหลัวชั่วของเจ้าของร่างนี่ยังไงนะ
ไหหม่า (海馬)