อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 480 คนที่ซ่อนตัว
ตอนที่ 480 คนที่ซ่อนตัว
ตอนที่ 480 คนที่ซ่อนตัว
อวี้ชิงลั่วหลุบตาลง สายตาของนางดูอ่อนโยน
กฎหมายของราชวงศ์ในตอนนี้ ไม่ต้องพูดถึงเฉินจีซินและอวี้ชิงโหรวที่มีความคิดเช่นนี้ เกรงว่าแม้แต่ตำหนักอ๋องซิว หากมีวันหนึ่งที่เย่ซิวตู๋หรือคนอื่น ๆ เกิดเรื่องจนต้องใช้ชีวิตของบ่าวรับใช้ในตำหนักเพื่อต่อชีวิตตน นางคิดว่าต้องมีคนก้าวเท้าออกมาเพื่ออาสาด้วยตนเองเป็นจำนวนมาก คนแรกที่จะก้าวเท้าออกมาก็คือเสิ่นอิงและอีกสามคนที่เหลือ
คาดว่า คงมีแค่เด็กอย่างอวี้เป่าเอ๋อร์เช่นนี้ที่ไม่ได้ถูกความคิดอันบ้าคลั่งเช่นนั้นกัดเซาะจนสึกกร่อน จึงเกิดความลังเลและรู้สึกลำบากใจเช่นนี้
นางคิดเช่นนี้ ทว่าเฉินจีซินกลับก่นด่าเพราะเกลียดที่มิอาจหลอมเหล็กให้กลายเป็นเหล็กกล้าได้ “คนแบบเจ้ายังมีอนาคตอีกหรือไม่? ชีวิตของพ่อเจ้าสำคัญกว่าชีวิตของคนอื่น? เจ้าเป็นลูกชายของเขา เจ้าก็ควรจะคิดแทนพ่อของเจ้า คิดแทนจวนอวี้บ้าง เหอะ ถ้าเจ้ากตัญญู หรือเจ้าคิดจะนำหัวใจของตนเองออกมา? ก็ดี ถึงอย่างไรทุกคนก็บอกว่าเจ้าเป็นลูกกตัญญูอยู่แล้ว คราวนี้หากเจ้าใช้หัวใจแลก แลกให้ชีวิตของพ่อเจ้ากลับมา เกรงว่าคงได้มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์นับพันปี”
“พอ…พอแล้ว…แค่ก ๆ” อวี้เจี้ยนต๋าทนฟังต่อไปไม่ไหวแล้ว
บางทีอาจเป็นเพราะหลายวันมานี้เขาพเนจรอยู่ด้านในประตูนรกมาโดยตลอด ความคิดของอวี้เจี้ยนต๋าในตอนนี้จึงชัดเจนยิ่งกว่าเฉินจีซิน เขาไม่อยากใช้ชีวิตของคนอื่นเพื่อแลกกับชีวิตของตนเอง หากเป็นเช่นนี้ เขาที่มีชีวิตรอดต่อไปก็คงรู้สึกได้ถึงความไม่มั่นคงของชีวิต ทั้งยังต้องฝันร้ายวนเวียนอยู่ตลอดเวลา
อวี้เจี้ยนต๋าหลับตาลงอีกครั้ง พยายามสูดหายใจเข้าหนึ่งเฮือก กล่าวด้วยน้ำเสียงแหบพร่าว่า “อย่า…หนักใจเพราะเรื่องของข้าเลย ให้…ให้มันเป็นเช่นนี้…เป็นเช่นนี้เถอะ…แฮ่ก ๆ…แฮ่ก…จวนอวี้ยังมีสมบัติอยู่ ต่อให้ข้าตายไป ขอแค่ ขอแค่จัดการดูแลกันให้ดี…ก็พอ…ก็พอจะรักษาให้คงอยู่ต่อไปได้…ดำรงชีวิตได้…จีซิน…เจ้า…หลังจากนี้ก็หาแม่สามีดี ๆ ให้ชิงโหรว…”
ระหว่างที่พูด เขาก็กลอกตาเล็กน้อยมองมาที่อวี้ชิงลั่ว มุมปากเผยให้เห็นรอยยิ้ม ขณะหอบหายใจหนัก ๆ อีกหลายครั้งก่อนจะหยุดลง “ชิง…ชิงลั่ว…ขอโทษ…”
อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้วมุ่น ทว่ากลับไม่ได้ส่งเสียงบอกให้อีกฝ่ายหยุด
“เป็น…เป็นเพราะข้าไม่ดี…ไม่ได้…ไม่ได้ดูแลเจ้าให้ดี…ขอโทษ…ขอโทษแม่ของเจ้าด้วย…แค่ก ๆ…แค่ก ๆๆๆๆๆ”
เป็นเพราะพูดประโยคยาวเหยียดทำให้อวี้เจี้ยนต๋าถึงขีดจำกัดแล้ว เขาพูดถึงตรงนี้ เส้นเลือดบนหน้าผากก็เริ่มปูดออกมาราวกับต้องทนกับความเจ็บปวดทุกข์ทรมานอย่างสาหัส
อวี้เป่าเอ๋อร์รีบเข้าไปลูบอกให้อวี้เจี้ยนต๋า “ท่านพ่อ ท่านไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว”
“ไม่…ข้า…ข้าเหลือโอกาสให้พูดอีกไม่มาก…ไม่มากแล้ว” อวี้เจี้ยนต๋าหลับตาลงขณะออกแรงส่งเสียงพูด ทว่าน้ำเสียงของเขากลับแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน
อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้วมุ่นอีกครั้ง หยิบยาเม็ดหนึ่งขึ้นมายัดใส่เข้าไปในปากของเขา พูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ว่า “สิ่งนี้จะช่วยลดความเจ็บปวดส่วนหนึ่งให้ท่าน”
อวี้เจี้ยนต๋าแย้มยิ้มก่อนจะกลืนลงคอ ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็รู้สึกได้ว่าร่างกายผ่อนคลายขึ้นไม่น้อย แม้แต่ลมหายใจก็สะดวกขึ้นด้วย เวลาที่พูดก็ไม่ได้เจ็บปวดขนาดนั้นแล้ว
เขามองอวี้ชิงลั่วต่อไป รอยยิ้มที่มุมปากกดลึกขึ้นส่วนหนึ่ง “ชิงลั่ว ตอนนั้นพ่อ…ไม่ดีเอง…แต่เจ้าเชื่อพ่อนะ ตอนนั้นพ่อได้ยินข่าวเช่นนั้น จึงโกรธมากเกินไปชั่วขณะหนึ่ง จึงไม่ยอมให้เจ้าก้าวเท้าเหยียบเข้ามาในจวนอวี้ คืนนั้น พ่อก็…รู้สึกผิดจึงออกไปตามหาเจ้า แต่หาเท่าไรก็ไม่พบ ภายหลังพ่อได้ยินข่าวการตายของเจ้า เรื่องนี้อยู่ในใจของพ่อมาตลอดหกปี มันทำให้พ่อทุกข์ใจมากจริง ๆ”
“เมื่อวันก่อนตอนที่อยู่ในท้องพระโรง พ่อไม่ได้อยากทำให้เจ้าต้องตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก พ่อคิดว่าต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตของพ่อก็ต้องปกป้องให้เจ้าปลอดภัย แต่ท้ายที่สุด…พ่อก็รู้ดีว่าทำให้เจ้าได้รับความไม่เป็นธรรมมานานหลายปี เจอกับความทุกข์ทรมานมามากมาย เป็นเพราะพ่อปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม เอาแต่ลำเอียงไปหาแม่เลี้ยงและน้องสาวของเจ้า”
เฉินจีซินและอวี้ชิงโหรวหน้าถอดสี แม้ว่าจะรู้สึกโกรธแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
ภายในห้องมีแค่เสียงของอวี้เจี้ยนต๋าที่ดังขึ้นอย่างแผ่วเบา “ชิงลั่ว…เจ้ามีความสามารถ…พ่อ…พ่อปลื้มใจกับเจ้ามากจริง ๆ หลังจากนี้ เกรงว่าคงมีแต่คนรักใคร่เจ้า เป่าเอ๋อร์…หลังจากนี้ก็ให้เป่าเอ๋อร์ติดตามเจ้าก็แล้วกันนะ พ่อเชื่อว่าเจ้าจะดูแลเป่าเอ๋อร์ได้เป็นอย่างดี ฝากไว้กับเจ้า พ่อก็สบายใจ”
ก่อนหน้านี้อวี้ชิงลั่วมองเขาด้วยสายตาดูหมิ่น ตอนนี้นางกลับแอบเปลี่ยนมุมมองที่มีต่ออวี้เจี้ยนต๋าไปจากเดิมเล็กน้อยแล้ว
นางคิดไม่ถึงเลยว่า คราวก่อนตอนที่อยู่ในท้องพระโรง เขาจะมีความคิดเช่นนี้ ดังนั้นเขาถึงได้ช่วยพูดแทนนางในตอนแรก เพียงแต่การช่วยเหลือเช่นนี้ หลังจากได้ยินคำพูดของอวี้ชิงโหรวที่บอกว่าจะถูกตัดหัวทั้งตระกูล จึงทำให้เขาเปลี่ยนเป็นปลายกระบี่อันแหลมคมที่ปักเข้าเนื้อหนังของนาง ขยี้ไปที่จุดเจ็บปวดของนาง
อวี้เป่าเอ๋อร์รู้สึกเสียใจอย่างมาก เสียงนี้ราวกับเป็นคำพูดสั่งเสียครั้งสุดท้าย ทำให้เขามิอาจควบคุมอารมณ์ของตนเองไว้ได้
อวี้ชิงลั่วดึงอวี้เป่าเอ๋อร์มานั่งลงบนเก้าอี้ที่วางอยู่ข้าง ๆ มองอวี้เจี้ยนต๋าจากมุมสูง “ท่านไม่ต้องกังวล หลังจากนี้ข้าจะดูแลเป่าเอ๋อร์เอง ท่านสบายใจได้”
เฉินจีซินได้ยินคำพูดนี้ก็รู้สึกได้ถึงสิ่งผิดปกติ จึงกล่าวเสียงแหลมโดยพลัน “อวี้ชิงลั่วเจ้าหมายความว่าอย่างไร? เจ้า…เจ้าไม่คิดจะช่วยท่านพี่จริง ๆ รึ?”
อวี้ชิงลั่วยิ้มเยาะ “จะให้ช่วยอย่างไร? เฉินจีซิน เก็บความไม่รู้ของเจ้าแล้วเลิกโวยวายเสียที ใช่ ใต้เท้าอวี้สามารถเปลี่ยนหัวใจได้ แต่ก็อันตรายมาก จะสำเร็จหรือไม่ก็ยังเป็นปัญหา”
ระหว่างที่พูด รอยยิ้มของนางก็ดูอึมครึมขึ้นอีกหน “อีกอย่าง เจ้าคิดว่าเปลี่ยนหัวใจแล้วใต้เท้าอวี้จะกลับมาเป็นเสาหลักให้กับจวนอวี้ได้เหมือนเมื่อก่อน หาเงินให้เจ้าได้ใช้ชีวิตฐานะฮูหยินได้อย่างสุขสบายรึ? ข้าจะบอกอะไรให้ ว่าอย่าได้ฝันเลย หลังจากเปลี่ยนหัวใจให้เขาก็คงทำได้แค่นอนอยู่บนเตียงทำอะไรไม่ได้ มิอาจเป็นเจ้าหน้าที่ในราชสำนัก มิอาจแบกรับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ภายในจวนได้อีก อีกอย่าง ยังต้องหาเงินจำนวนมากเพื่อซื้อยาราคาแพงประคับประคองร่างกายของเขา ไหนจะคนที่มีความระมัดระวังคอยดูแลข้างกายเขาสุดแรงกายและแรงใจ เช่นนี้ เจ้ายังคิดว่าคนรับใช้ภายในจวนจะเหมาะสมแลกหัวใจให้กับเขาอีกรึ?”
เฉินจีซินถึงกับสูดลมเย็นเข้าปอด นอนติดเตียง? ตลอดทั้งชีวิต?
เช่นนั้นนาง…เช่นนั้นชีวิตของพวกนางสองแม่ลูกจะทำอย่างไร?
“อวี้…อวี้ชิงลั่ว…เจ้า…เจ้าตั้งใจ” เฉินจีซินจ้องรอยยิ้มที่มุมปากของอวี้ชิงลั่ว จู่ ๆ นางก็ตะโกนจนน้ำเสียงแหบแห้ง “เป็นเพราะเจ้าคิดจะแก้แค้นเรื่องเมื่อหกปีก่อน เจ้าเกลียดข้าที่แอบส่งจดหมายไปหาอวี๋จั้วหลิน เปิดเผยเรื่องที่เจ้ายังมีชีวิตอยู่ให้เขารู้ ทำให้เขารู้ว่าภรรยาเล่นชู้ของคนเขานั้นยังมีชีวิตอยู่ ดังนั้นเจ้าจึงมีจิตมุ่งร้าย ตอนนี้เจ้ากลับมาเพื่อแก้แค้น เจ้าแทบอยากให้พวกเราทุกคนอยากตายมากกว่าที่จะมีชีวิตอยู่ใช่หรือไม่ ใช่หรือไม่?”
อวี้ชิงลั่วยิ้มเยาะ “ข้าแทบอยากให้พวกเจ้าอยากตายมากกว่าที่จะมีชีวิตอยู่จริง ๆ”
“อวี้ชิงลั่ว เจ้ามันไม่ใช่มนุษย์ ท่านพี่เป็นพ่อของเจ้า เป็นพ่อแท้ ๆ ของเจ้า แม้แต่เป่าเอ๋อร์ ได้รับความทรมานมานานหลายปีขนาดนั้นก็ยังให้อภัยท่านพี่ คิดอยากให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไป พ่อของเจ้าทำผิดแค่เรื่องนั้น แต่เขาก็รักเจ้ามานานถึงสิบหกปี เจ้าก็เห็นแก่เรื่องราวต่าง ๆ ในช่วงสิบหกปีเหล่านั้น ให้อภัยเขาได้หรือไม่ ข้าขอร้องเจ้าแล้ว เจ้าช่วยเขาด้วย”
อวี้ชิงลั่วยกย่องตรรกะไร้ที่ติของนางจริง ๆ “เฉินจีซิน เป่าเอ๋อร์ได้รับความทรมานมานานหลายปีขนาดนั้นก็เป็นสิ่งที่พวกเจ้าทำไว้ พวกเจ้าอย่าโยนความผิดไปให้คนอื่น ส่วนข้าน่ะรึ ขอโทษด้วย ข้าเป็นพวกเจ้าคิดเจ้าแค้น พวกเจ้าปฏิบัติกับข้าอย่างไร อวี๋จั้วหลินทำกับข้าไว้อย่างไร ความเจ็บปวดเหล่านั้นที่ได้รับเมื่อหกปีก่อน ประสบการณ์ที่ทำให้ยากเกินกว่าจะลืมเหล่านั้น ข้าจะทยอยคืนกลับไปทีละอย่าง และ…ทวีคูณด้วย”
เฉินจีซินถอยผงะออกไปหนึ่งก้าวทันที ตะโกนเสียงสูงว่า “พวกเจ้าได้ยินหรือยัง นางยอมรับแล้ว นางยอมรับว่านางคือคุณหนูใหญ่ของจวนอวี้ นางยอมรับว่ามาแก้แค้นพวกเราเพราะเรื่องเมื่อหกปีก่อน พวกท่านออกมาได้แล้ว”
อวี้ชิงลั่วหรี่ตาลงเล็กน้อย จู่ ๆ ตู้ที่อยู่ด้านข้างก็เกิดเสียงดังขึ้น จากนั้นด้านในนั้นก็มีคนสองคนเดินออกมา…ทีละคน
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
รู้สึกปวดหมองแทนชิงลั่วเลยค่ะ มันน่าปักเข็มพิษใส่ฮูหยินนี่ให้ชักดิ้นชักงอไปซะ สามีตัวเองกำลังจะตายแล้วก็ให้ตายอย่างสงบไม่ได้เลย
ไหหม่า(海馬)