อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 482 ไม่ได้ยิน
ตอนที่ 482 ไม่ได้ยิน
ตอนที่ 482 ไม่ได้ยิน
“ข้าไม่ได้ยินแม่นางชิงยอมรับอะไร แต่กลับได้ยินแม่นางชิงหมดแรงไปกับการช่วยใต้เท้าอวี้ ทว่าท้ายที่สุดกลับถูกฮูหยินอวี้ใส่ร้ายด้วยเจตนาที่ไม่ดี”
เสนาบดีฝั่งขวาค่อย ๆ ยกเสื้อคลุมขึ้นแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ข้าง ๆ ดวงตาแจ่มใสขึ้น ฉายแววอารมณ์หลากหลายยากเกินกว่าจะพรรณนา
“ตอนแรกข้าเองก็คิดว่าแปลก ที่เหตุใดฮูหยินอวี้ผู้นี้ถึงไม่คิดหาวิธีช่วยเหลือใต้เท้าอวี้ที่ชีวิตกำลังตกอยู่ในอันตรายในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ กลับคิดวางกลอุบาย อืม แต่เมื่อครู่ได้ยินคำพูดนั้นที่ฮูหยินอวี้พูดไว้กับใต้เท้าอวี้ ข้าจึงเพิ่งตระหนักได้ว่าที่แท้ฮูหยินอวี้ก็ไม่พอใจใต้เท้าอวี้มาหลายปีแล้ว จนแทบอยากให้เกิดเรื่องกับใต้เท้าอวี้เพื่อส่งไปอยู่กับอดีตฮูหยินที่ลาลับโลกไปแล้ว”
เสนาบดีฝั่งขวาไม่สนใจว่าสีหน้าของทุกคนจะเป็นเช่นไร ยังอยู่ในท่าทางนิ่งสงบดังเดิม
“ตอนนี้ ภายในใจของข้ากลับเกิดคำถาม การที่ใต้เท้าอวี้จู่ ๆ ก็ล้มป่วยกะทันหัน มีส่วนเกี่ยวข้องกับฮูหยินอวี้หรือไม่? ถึงอย่างไรฮูหยินอวี้ก็มีแรงจูงใจฆ่าคน อีกอย่างโรคของใต้เท้าอวี้ก็แปลกจริง ๆ…แม่นางชิง ในร่างกายของใต้เท้าอวี้ตรวจพบสิ่งที่ไม่ควรมีหรือไม่? ยกตัวอย่างเช่น ยาพิษอะไรทำนองนั้น?”
อวี้ชิงลั่วแทบอยากหัวเราะ หลีจื่อฟานผู้นี้มีความสามารถพลิกดำให้ขาวพลิกขาวให้ดำได้ เมื่อเทียบกับเย่ซิวตู๋แล้วช่างเหมือนกันจริง ๆ
นางทำท่าทางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ขมวดคิ้วกล่าวว่า “เสนาบดีฝั่งขวาเตือนขึ้นมาเช่นนี้ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แต่ข้าไม่เคยเห็นยาพิษที่แปลกประหลาดเช่นนี้มาก่อน หากอยากรู้ว่ามีหรือไม่ ก็คงต้องหาโอกาสตรวจสอบให้ละเอียดและจริงจังสักครั้งถึงจะรู้”
น้ำเสียงอ่อนโยนของอวี้ชิงลั่วดังขึ้น ดึงสายตาตะลึงงันของคนอื่น ๆ กลับมาทันใด
องค์ชายสามมิอาจรักษารอยยิ้มและความภูมิใจบนใบหน้าได้อีกแล้ว เขาหันไปมองหลีจื่อฟานที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ราวกับไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน กล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “ใต้เท้าหลี เหตุใดท่านถึงได้พูดเช่นนี้ออกมา?”
หลีจื่อฟานผู้นี้มิใช่ว่ารู้สึกดีกับอวี้ชิงโหรวหรอกหรือ? มิใช่ว่ามีข่าวลือเรื่องที่เขาและอวี้ชิงโหรวจะแต่งงานกันหลังจากนี้อีกไม่นานหรอกหรือ?
ครั้งนี้ เฉินจีซินและลูกสาวเชิญเขามาก็เพื่อให้พวกเขาช่วยเหลือ เพื่อให้เกิดความมั่นใจเพิ่มขึ้นมิใช่รึ?
เฉินจีซินและอวี้ชิงลั่วก็คิดไม่ถึงเช่นกัน หลีจื่อฟานไม่ช่วยพวกนางยังพอทน ตอนนี้กลับลืมตาพูดจาไร้สาระ ทั้ง…ทั้งยังพูดเป็นตุเป็นตะเพื่อวางแผนใส่ร้ายพวกนางอีก
อวี้ชิงโหรวมีสีหน้าเศร้าโศก เหตุใดถึงได้เป็นเช่นนี้? นางคิดว่าวันนี้ที่หลีจื่อฟานตอบตกลงมาที่นี่โดยไม่พูดพร่ำทำเพลงก็เพราะคิดจะช่วยระบายความแค้นให้นาง นางพอจะเข้าใจที่เขาทำตัวเงียบขรึมตอนที่นางถูกตบภายในท้องพระโรง ถึงอย่างไรเมื่ออยู่เบื้องพระพักตร์ฮ่องเต้ ทั้งยังมีท่านอ๋องซิว อุปราช รัชทายาทฉีและองค์ชายรองเหล่านั้นคอยช่วยพูดแทนอวี้ชิงลั่ว แม้จะเป็นเสนาบดีฝั่งขวา แต่ก็ไม่มีปัญญาที่จะปกป้องนางได้
หลีจื่อฟานปฏิบัติต่อพวกนางสองแม่ลูกเป็นอย่างดีเป็นเรื่องจริงที่มิอาจโต้เถียงได้ ก่อนหน้านี้ทั้ง ๆ ที่เขาปกป้องพวกนางเป็นอย่างดี เป็นเพราะพวกนางได้รับความอยุติธรรมเขาจึงยื่นหนังสือเกี่ยวกับเรื่องของเย่หลานผิงจนอีกฝ่ายถูกกักบริเวณโดยไม่สนใจแม้แต่จะเกิดความบาดหมางกับท่านอ๋องเป่า
นี่เพิ่งจะผ่านไปแค่หนึ่งเดือนกว่า ๆ เหตุใดจิตใจของเขาถึงไม่อยู่ฝั่งเดียวกับตนเองเสียแล้ว?
หรือว่า เรื่องซุบซิบนินทาครั้งก่อนจะเป็นเรื่องจริง? เขาชอบอวี้ชิงลั่วแล้ว?
ไม่หรอก อวี้ชิงลั่วอายุมากแล้ว แถมยังมีลูกแล้วด้วย ก่อนหน้านี้ก็เป็นภรรยาของอวี๋จั้วหลิน สตรีเช่นนี้มีเสน่ห์อะไรที่ทำให้คนอื่นหลงใหล?
เฉินจีซินร้องเสียงแหลม “จื่อฟาน พูดจาเหลวไหลอะไรของเจ้า? ข้าเป็นคนเช่นไรเจ้ายังไม่รู้อีกรึ? ข้าจะทำเรื่องเช่นนี้ได้เยี่ยงไรกัน?”
หลีจื่อฟานขมวดคิ้วมุ่น ก่อนหน้านี้เขาไม่ชอบให้เฉินจีซินเรียกชื่อของตนเอง แต่ตอนนั้นเห็นแก่นางที่เป็นแม่ของชิงลั่ว จึงไม่ได้พูดอะไรให้มากมาย ทว่าตอนนี้เมื่อได้ยินนางเรียกเช่นนี้ ภายในใจจึงเกิดความรู้สึกหงุดหงิดมากยิ่งขึ้น
เขามองอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นชา เฉินจีซินถึงกับใจเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ภายในใจรู้สึกความหวาดกลัวอย่างห้ามไม่อยู่
ทั้ง ๆ ที่เขาเป็นคนที่มีความอ่อนโยนและสง่างามเช่นนั้น ตอนนี้นางกลับรู้สึกได้ว่ามีรังสีเย็นเยือกกระจายรอบตัวเขาจนทำให้นางรู้สึกใจสั่น
“ฮูหยินอวี้ ข้าให้ท่านเรียกชื่อของข้าตั้งแต่เมื่อไรกัน?”
เฉินจีซินถึงกับตกใจอีกครั้ง ถึงกับเดินไปซ่อนตัวหลังขององค์ชายสามอย่างห้ามไม่อยู่
นิ้วมือของอวี้ชิงโหรวกำเข้าหากันจนแน่น จ้องมองหลีจื่อฟานอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหันมองไปทางอวี้ชิงลั่วอีกครั้ง โทสะภายในใจจึงรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ
นังปีศาจจิ้งจอก นังหญิงแพศยาไร้ยางอาย มีสิทธิ์อะไรมายั่วยวนเสนาบดีฝั่งขวา มีสิทธิ์อะไรมาแย่งบุรุษของนาง?
“เสนาบดีฝั่งขวา…” ผ่านไปครู่หนึ่ง อวี้ชิงโหรวจึงสูดหายใจเข้าลึก ๆ ปรับลมหายใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินไปตรงหน้าหลีจื่อฝานด้วยท่าทางอ่อนแอ กล่าวเสียงเบาว่า “เสนาบดีฝั่งขวา ท่านแม่ของข้าเป็นคนปากไว การพูดการจาจึงโผงผาง เสนาบดีฝั่งขวาอย่าได้กล่าวโทษเลย แต่สวรรค์มีตา ท่านแม่ไม่มีทางทำร้ายท่านพ่อจริง ๆ พวกเราสองคนแม่ลูกมีแค่ท่านพ่อเป็นที่พึ่งพิง ความรู้สึกระหว่างเราต่างก็ลึกซึ้ง จะทำเรื่องต่ำ ๆ เช่นนี้ได้อย่างไรกัน?”
อวี้ชิงลั่วยิ้มเยาะ โอ้โห เปลี่ยนวิธีตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จสักนิดไม่ได้เลยรึ?
ไม่เห็นคิ้วของหลีจื่อฟานที่ขมวดเป็นปมทั้งยังสีหน้าหงุดหงิดหรืออย่างไรกัน? จุ๊ ๆ
ทว่าองค์ชายสามคนนี้กลับแสดงท่าทางรักหยกถนอมบุปผา เห็นทีว่าท่าทางอ่อนแอของอวี้ชิงโหรวคงเหมาะกับเขาอย่างมาก
“เสนาบดีฝั่งขวา ท่านเป็นหัวหน้าของเหล่าขุนนาง ทั้งยังเป็นขุนนางคนสำคัญที่เสด็จพ่อไว้วางพระทัย คำพูดทุกประโยคถือเป็นตัวอย่างของเหล่าขุนนาง ท่านจะพลิกจากดำให้กลายเป็นขาวเช่นนี้ได้เยี่ยงไร? พฤติกรรมนี้หากถูกแพร่งพรายออกไปจนประชาชนรู้และเสด็จพ่อได้ยิน ท่านคิดว่าตนเองยังมีคุณสมบัติที่จะได้รับความเคารพจากผู้อื่นอีกหรือ? ท่านคิดจะทำลายชื่อเสียงที่ได้มาจากการทำงานอย่างหนักรึ?”
องค์ชายสามเกิดความขุ่นเคือง แม้แต่สวรรค์ก็รู้ว่าตอนที่เขาพูดคำพูดนี้ออกมาสีหน้าตนดูบิดเบี้ยวอัปลักษณ์มากเพียงใด?
“องค์ชายสาม กระหม่อมเคยทำอะไรเคยพูดอะไร ย่อมต้องรับผิดชอบด้วยตนเอง องค์ชายสามนั่นแหละที่ต้องชั่งน้ำหนักให้ชัดเจน ในบรรดากลุ่มชาวบ้าน คำพูดของกระหม่อมเชื่อถือได้ คำพูดขององค์ชายสามยิ่งทำให้คนเลื่อมใสยิ่งกว่า”
“เจ้า…”
หลีจื่อฟานยิ้มเยาะหนึ่งวูบ เดิมทีวันนี้เขาไม่ได้จะปรากฏตัวขึ้นที่นี่ ตอนที่เฉินจีซินเจอเขาก็พยายามหลีกเลี่ยงเช่นกัน
แต่เมื่อได้ยินว่าองค์ชายสามก็อยู่ด้วย เขาจึงเลิกคิ้วอย่างห้ามไม่อยู่ รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างไม่ปกติ คนแบบเฉินจีซินไปอยู่ร่วมกับองค์ชายสามตั้งแต่เมื่อใดกัน? ทั้งสองคนนี้สมคบคิดกันเมื่อใดไม่มีทางที่จะทำเรื่องที่ดีแน่
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะต้องการวางแผนใส่ชิงลั่วจริง ๆ
หลีจื่อฟานรู้สึกดีใจเกินกว่าหาสิ่งใดเทียบเทียมที่เขามาที่นี่ มิเช่นนั้นหากชิงลั่วต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวทำอะไรไม่ถูก นางจะทำเช่นไร?
ในเวลานี้ได้มายืนอยู่ข้างกายนาง อย่าว่าแต่ชื่อเสียงของเสนาบดีฝั่งขวาและความสำเร็จในหน้าที่การงานตลอดระยะเวลาหลายปี ขอแค่ได้เก็บกวาดอุปสรรคของนาง มากกว่านี้เขาก็ยอมละทิ้งให้ได้
แม้ว่าชิงลั่วจะลืมเขาไปแล้ว แม้ว่าชิงลั่วจะมีคนที่รักแล้ว เขาก็ไม่เสียใจ
อวี้ชิงลั่วรู้สึกสับสนอยู่ภายในใจ นางมิอาจตอบแทนความรู้สึกของหลีจื่อฟานได้ และนางก็มิอาจบอกเขาว่าคนที่เขารักในตอนนั้นได้ตายจากไปแล้ว ตอนนี้คนที่อยู่ในร่างได้ถูกเปลี่ยนวิญญาณ กลายเป็นวิญญาณที่ไม่เคยรู้จักกับเขามาก่อน
อวี้ชิงลั่วเม้มปากไม่กล้าสบตากับเขา หมุนกายหันไปมององค์ชายสาม เมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายแดงขึ้นมา นางจึงหลุดยิ้มทันใด
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เสนาบดีฝั่งขวานี่สุดยอดพระรองเลยค่ะ ใจหล่อมาก
น่าสงสัยอยู่นะว่าสองแม่ลูกนี่วางยาใส่ใต้เท้าอวี้หรือเปล่า
วันนี้มาช้าหน่อยนะคะ น้ำท่วมต้องย้ายของน่ะค่ะ
ไหหม่า(海馬)