อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 483 ถอยหมื่นก้าวเพื่อคุยกัน
ตอนที่ 483 ถอยหมื่นก้าวเพื่อคุยกัน
ตอนที่ 483 ถอยหมื่นก้าวเพื่อคุยกัน
“ท่านอ๋องสาม” อวี้ชิงลั่วยกเก้าอี้เข้ามานั่งลง เอียงกายพิงเข้ากับขอบโต๊ะด้วยท่าทางเกียจคร้าน “มีบางอย่างที่ข้าอยากให้ท่านแนะนำสักหน่อย”
“ตอนนี้เจ้ายังคิดจะเล่นลิ้นอะไรอีก?” องค์ชายสามส่งสายตานิ่งสงบไปให้สองแม่ลูกเฉินจีซินพลางส่งเสียงเยาะ
อวี้ชิงลั่วรินน้ำสองแก้ว ยื่นให้หลีจื่อฟานที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะ อีกฝ่ายถึงกับยิ้มให้นาง ดวงตาเป็นประกายสว่างสดใส
อวี้ชิงลั่วรีบยกแก้วน้ำอีกใบขึ้นมาจิบหนึ่งคำ เบือนสายตามองไปที่องค์ชายสาม “ขอถามองค์ชายสามหน่อย ตั้งแต่ต้นจนจบ ข้าพูดหรือว่าข้าคือลูกสาวของตระกูลอวี้? ข้าเรียกใต้เท้าอวี้ว่าพ่อหรือเรียกเฉินจีซินว่าแม่ หรือว่า เรียกอวี้ชิงโหรวว่าน้องสาวกันเล่า?”
องค์ชายสามชะงัก แค่นเสียงเย็นทันใด “เจ้าไม่ต้องมาแก้ตัวน้ำขุ่น ๆ เมื่อครู่เจ้าพูดไว้อย่างชัดเจนว่ามีความแค้นกับจวนอวี้ เจ้าแทบอยากทำให้คนของจวนอวี้อยากตายมากกว่าที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป ในเมื่อมีความแค้นต่อพวกเขาเช่นนี้ ย่อมไม่มีทางเรียกพวกเขาว่าพ่อกับแม่”
“อ๋อ…” อวี้ชิงลั่วลากเสียงยาว “ก็หมายความว่า ข้ายังไม่เคยยอมรับว่าตนเองเป็นลูกสาวของพวกเขามิใช่รึ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ องค์ชายสามจะไปกราบทูลต่อเบื้องพระพักตร์ของฝ่าบาทเช่นไร? อืม บอกว่าตนเองค้นพบตัวตนของข้าจากการคาดเดาคำพูดของข้าเพียงไม่กี่คำ? อืม บอกว่าเป็นเพราะข้ามีความแค้นกับจวนอวี้จึงยอมรับว่าข้าคือลูกสาวที่ตายไปเมื่อหกปีก่อนของจวนอวี้? อืม วิธีการพูดที่ไร้หลักฐานและความน่าเชื่อถือเช่นนี้ ฝ่าบาทจะเชื่อรึ?”
องค์ชายสามถึงกับเปลี่ยนสีหน้าเป็นถมึงทึง ความสามารถในการพูดโต้แย้งอย่างไร้เหตุผลของสตรีผู้นี้ช่างสุดยอดจริง ๆ
“หลักฐาน หลักฐานก็อยู่บนหลังของเจ้าอย่างไรเล่า บนหลังของเจ้ามีรอยแผลเป็นที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ตอนยังเล็ก แค่เห็นก็รู้แล้ว” เฉินจีซินกระโดดออกมาอีกหนพร้อมกับชี้นางพลางกล่าวเสียงดัง
แต่เมื่อเห็นสายตาเย็นยะเยือกของอวี้ชิงลั่วที่ทอดมองมา นางจึงส่งเสียงแหลมหนึ่งเสียงแล้วรีบหดหัวกลับไปซ่อนตัวหลังองค์ชายสามอีกครั้ง
องค์ชายสามได้ยินจึงหรี่ตาลงเล็กน้อย
อวี้ชิงลั่วรู้สึกอยากขำจริง ๆ “ฮูหยินอวี้ เจ้ายังคงโง่เขลาเหมือนอย่างเคย คราวก่อนตอนที่อยู่ในท้องพระโรงเจ้ายังไม่ได้รับบทเรียนอีกหรือ? คราวก่อนไม่ใช่ว่าข้าเคยบอกเจ้าแล้วหรอกหรือว่าข้าคือองค์หญิงเทียนฝูแห่งอาณาจักรเทียนอวี่ เจ้าดูสิ มีใครจะตรวจค้นตัวข้าได้?”
องค์ชายสามเม้มริมฝีปาก นี่เป็นปัญหายุ่งยากจริง ๆ สตรีผู้นี้ไม่รู้ว่ามีความสามารถอันใดถึงได้กลายเป็นองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ของอาณาจักรเทียนอวี่ ต่อให้เป็นคนใกล้ตัวของเหมิงกุ้ยเฟย ก็ไม่ได้มีความกล้าหาญที่จะทำเรื่องอับอายให้นางเช่นนี้
อวี้ชิงลั่วจิบน้ำชาหนึ่งคำ อืม ตอนนี้นางรู้สึกอารมณ์ดีจริง ๆ
“เอาเถอะ ถอยออกไปหนึ่งหมื่นก้าวแล้วพูด ต่อให้ตรวจค้นตัวของข้าได้ แต่องค์ชายสามแน่ใจรึว่าบนแผ่นหลังของข้ามีบาดแผล?”
องค์ชายสามขมวดคิ้วมุ่น จากนั้นก็ได้ยินคำพูดไร้ยางอายไม่เกรงกลัวใครมากขึ้นเรื่อย ๆ “หากไม่พบบาดแผลบนแผ่นหลังของข้า ท่านคิดว่าฝ่าบาทจะพิโรธหรือไม่? ท่านคิดว่าองค์ชายรองของอาณาจักรเทียนอวี่จะยอมปล่อยไปง่าย ๆ หรือไม่? ท่านคิดท่านอ๋องซิวจะไม่สู้กับท่านจนถึงที่สุดรึ?”
เมื่อเห็นสีหน้าขององค์ชายสามที่เคร่งขรึมลง อวี้ชิงลั่วถึงกับหัวเราะหึๆ ทำท่าทางราวกับเป็นแมวน้อยแอบขโมยเนื้อ “เอาเถิด เช่นนั้นพวกเราก็ถอยออกมาอีกหมื่นก้าวเพื่อคุยกัน สมมติ สิ่งที่ข้าพูดเป็นแค่เรื่องสมมติ สมมติว่าข้าคือลูกสาวของตระกูลอวี้จริง ๆ บนร่างกายของข้ามีแผลก่อนหน้านี้จริง ๆ แต่ท่านจะมั่นใจได้อย่างไรกันว่าแผลเป็นนั่นยังคงอยู่จนถึงตอนนี้?”
คาดว่าอวี้ชิงโหรวคงถูกท่าทางของนางบีบบังคับ รวมกับสีหน้าอึมครึมดูไม่แน่นอนขององค์ชายรอง จึงกระตุ้นให้สูญเสียการควบคุม เอ่ยปากพูดโดยไม่คิดว่า “ก่อนหน้านี้ท่านหมอเคยบอกว่าแผลเป็นนั่นจะไม่มีทางหายไปและเป็นตลอดทั้งชีวิต”
“โถ่เอ๊ย เจ้าเลิกพูดจาขบขันเสียทีเถอะ” อวี้ชิงลั่วยังไม่ทันได้พูดอะไร จินหลิวหลีที่ยืนเป็นมนุษย์ล่องหนอยู่ข้าง ๆ ประตูอย่างเงียบ ๆ มาโดยตลอดก็ทนไม่ไหว เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “อวี้ชิงโหรว ก่อนหน้านี้พวกเจ้าไปหาหมออะไร? แม่นางชิงของพวกเราเป็นหมออะไร? อย่าว่าแต่แผลเป็นเล็ก ๆ เลย ต่อให้ขาของเจ้าขาดนางก็ต่อให้เจ้าได้ แผลเป็นสักนิดก็ไม่มี เจ้าเชื่อหรือไม่?”
อวี้ชิงโหรวหน้าเปลี่ยนสี ถอยหลังออกไปสองก้าวทันที
องค์ชายสามจะรักษาสีหน้านิ่งสงบไว้ได้อย่างไร? จริงสิ อวี้ชิงลั่วเป็นใคร? หมอปีศาจ ทักษะทางการแพทย์ไม่ธรรมดา ได้ยินมาว่านางสามารถผลิตยาขี้ผึ้งทาให้ผิวขาวได้ด้วยตนเอง แม้แต่ไทเฮาก็ยังวางไม่ลง ช่วงนี้ใบหน้าของพระนางก็ดูขาวผ่อง
ของเช่นนี้ยังทำออกมาได้ แล้วยาขี้ผึ้งลบรอยแผลเป็นจะทำไม่ได้เชียวหรือ?
ไม่มีหลักฐาน…แถมหลีจื่อฟานที่มาเป็นพยานบุคคลก็ยืนอยู่ฝั่งเดียวกับอวี้ชิงลั่วอย่างเห็นได้ชัด
บัดซบ เหตุใดหลีจื่อฟานถึงได้ทรยศหักหลังกัน?
ใช่ เขาเพียงคนเดียวคงมิอาจมั่นใจได้ว่าจะทำให้อวี้ชิงลั่วเสียเปรียบ ดังนั้นตอนที่หลีจื่อฟานยืนอยู่ข้าง ๆ จึงทำให้เขาเกิดความมั่นใจเต็มเปี่ยม ทั้งยังมั่นใจได้ว่าจะโน้มน้าวพระทัยของเสด็จพ่อได้
ถึงอย่างไรเสนาบดีฝั่งขวาผู้นี้ เดิมทีก็เป็นเสนาบดีอายุน้อยที่สุดตั้งแต่อาณาจักรเฟิงชางเคยมีมา ทั้งยังเป็นคนที่ได้ความสำคัญจากเสด็จพ่อและได้รับการปกป้องจากชาวบ้าน เขาพูดเพียงประโยคเดียวก็มากกว่าเขาพูดสิบประโยคแล้ว
แต่เพราะเหตุใด…เขากลับยืนอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับตนเอง?
อวี้ชิงลั่วรู้ดีว่าองค์ชายสามต้องการเล่นงานนาง ถึงกระนั้นนางก็ไม่ได้รีบร้อนและไม่ได้หวาดกลัว ต่อให้วุ่นวายจนเรื่องถึงพระกรรณของฝ่าบาท นางก็ไม่สนใจอยู่ดี
ยิ่งไปกว่านั้น ทั่วทั้งพระราชวังเหล่าขุนนางและอิสตรีเหล่านั้นที่อยู่ในท้องพระโรงในตอนนั้น หากคิดให้ลึกซึ้งสักหน่อยก็พอจะเดาสถานะที่แท้จริงของนางได้ ทว่าคนที่ฉลาดมากกว่านี้สักหน่อย จะมีใครยืนกรานก้าวเท้าออกมาเพื่อเปิดโปงนางกัน?
ฉากภายในท้องพระโรงวันนั้น ทุกคนต่างรู้ดีอยู่แก่ใจ ไม่ว่าสถานะของนางเคยเป็นอะไร แต่ตอนนี้นางคือองค์หญิงเทียนฝู มีราชวงศ์ของอาณาจักรเทียนอวี่คอยปกป้อง แม้แต่ท่านอ๋องซิวผู้เป็นว่าที่สวามีของนางยังไม่สนใจ พวกเขาจะทำเรื่องทุ่มหินใส่เท้าตนเองไปเพื่ออะไรกัน?
จะมีก็แต่คนไร้สมองแบบเฉินจีซิน ที่จะคิดวิธีใส่ร้ายนางอย่างไร้สมองเช่นนี้
อวี้ชิงลั่วหรี่ตาลงเล็กน้อยพลางจิบน้ำอีกหนึ่งคำ เมื่อรู้สึกว่าองค์ชายสามเอ่ยวาจาขบขันไปพอสมควรแล้ว จึงเอ่ยขึ้นมาอีกหนึ่งประโยค
“อ๋อ จริงสิ ข้ายังมีอีกหนึ่งเรื่องที่ไม่เข้าใจ จวนอวี้แห่งนี้และองค์ชายสามไม่เคยสุงสิงกันมาก่อน วันนี้เหตุใดถึงได้เชิญองค์ชายสามมาเปิดโปงสถานะของข้าได้เล่า? อืม หรือเพราะเห็นความสำคัญในนิสัยหุนหันพลันแล่นขององค์ชายสาม? เหตุใดฮูหยินอวี้ถึงไม่ไปเชิญท่านอ๋องเป่า รัชทายาท องค์ชายสี่ องค์ชายหก องค์ชายเจ็ด องค์ชายแปดมาด้วยเล่า? หรือว่าวันนี้พวกเขาไม่ได้อยู่บนท้องถนน ฮูหยินอวี้จึงไม่พบพวกเขา?”
เฉินจีซินและอวี้ชิงโหรวถึงกับหน้าขาวซีดไปพร้อม ๆ กัน
องค์ชายสามถึงกับสูดลมเย็นเข้าปอดแรง ๆ แม้ว่าเขาจะหุนหันพลันแล่น แต่เมื่ออวี้ชิงลั่วเอ่ยถึงเรื่องนี้ หากเขายังไม่เข้าใจอีก เช่นนั้นก็เป็นคนโง่แล้วจริง ๆ
บัดซบ ดูเหมือนว่า…คาดว่า…อาจว่า…ประมาณว่าเขาคงโดนคนวางแผนใส่แล้ว
องค์ชายสามอ้าปาก ตอนที่กำลังพูดบางสิ่งเพื่อหาทางลงให้ตนเอง จู่ ๆ ด้านนอกประตูก็มีใครบางคนเดินเข้ามาอย่างเนิบช้า ทั้งยังทำความเคารพต่อเขา หลีจื่อฟานและอวี้ชิงลั่วอย่างนอบน้อม
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ชิงลั่วมาเหนือมากค่ะ พลิกกระดานกลับมาเป็นต่ออีกแล้ว
ไหหม่า(海馬)