อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 484 รอให้นางพูดจบ
ตอนที่ 484 รอให้นางพูดจบ
ตอนที่ 484 รอให้นางพูดจบ
“หม่อมฉันถวายบังคมท่านอ๋อง ท่านเสนาบดีและองค์หญิงเพคะ”
คนคนนั้นถอนสายบัวเบา ๆ ค้อมกายคารวะทั้งสามคนอย่างนอบน้อม
อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้วขึ้น ตอนที่กำลังจะพูดบางสิ่ง หางตาของนางกลับเหลือบเห็นสีหน้าของอวี้เป่าเอ๋อร์ที่เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน ร่างเล็กถึงกับสั่นระริกโดยไม่รู้ตัวราวกับกำลังหวาดกลัวบางสิ่ง ทว่าเพียงไม่นานก็กลับมานิ่งสงบลงอีกครั้ง หันมายิ้มให้อวี้ชิงลั่วพร้อมกับความสงบที่กลับคืนมา
สีหน้าของอวี้ชิงลั่วเปลี่ยนเป็นจริงจังโดยพลัน อวี้เป่าเอ๋อร์เห็นสตรีผู้นี้จึงเกิดความหวาดกลัว?
ยังไม่ทันที่นางจะได้พูดอะไร จินหลิวหลีกลับเดินยืดตัวตรงมาข้าง ๆ อวี้ชิงลั่ว กระซิบข้างหูนางว่า “ข้าเคยเห็นสตรีผู้นี้มาก่อน ดูเหมือนว่าจะเป็นสาวใช้ที่คอยจับตาดูตอนที่เป่าเอ๋อร์ถูกขัง ชื่อ…ชิวหลาน”
อวี้ชิงลั่วถึงกับตระหนักได้โดยพลัน ไม่แปลกใจเลยที่สีหน้าของเป่าเอ๋อร์จะดูแปลกประหลาดภายในพริบตา
ชิวหลานที่คอยจับตาดูเป่าเอ๋อร์?
อวี้ชิงลั่วหรี่ตาลงเล็กน้อย มองดูปฏิกิริยาโต้ตอบของเป่าเอ๋อร์ ชิวหลานผู้นี้คาดว่าคงรังแกเป่าเอ๋อร์ระหว่างที่จับตามองเขาไปไม่น้อย ไม่เช่นนั้นจากนิสัยของเป่าเอ๋อร์ แม้แต่เฉินจีซินและอวี้ชิงโหรว อวี้เป่าเอ๋อร์ก็ยังไม่เคยมองด้วยสายตาเช่นนี้ ทว่าเขากลับเกิดความหวาดกลัวชิวหลานผู้นี้ภายในวินาทีนั้น
อวี้ชิงลั่วเม้มริมฝีปากโดยไม่ได้กล่าวสิ่งใด จ้องมองไปยังชิวหลานที่คุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยท่าทางเย็นชา เพื่อดูว่าอีกฝ่ายคิดจะเล่นลูกไม้ใด
ภายในห้องเกิดความเงียบสงัดลงทันใด ไม่เพียงแต่อวี้ชิงลั่ว แม้แต่เฉินจีซินและอวี้ชิงโหรวก็คิดไม่ถึงว่าชิวหลานที่เดิมทีทำธุระอยู่ด้านนอก จู่ ๆ จะเดินเข้ามา
เฉินจีซินใบหน้าเคร่งขรึมลงโดยพลัน ก้าวเท้าไปด้านหน้าหนึ่งก้าวพลางตวาด “ชิวหลาน เจ้ากล้านักนะ ใครใช้ให้เจ้าเดินเข้ามาตามใจชอบ? รบกวนองค์ชายสาม เจ้าจะรับผิดชอบไหวรึ? ใครก็ได้มาลากนังแพศยานี่ออกไปที”
ด้านนอกมีบุรุษร่างสูงใหญ่สองคนเดินเข้ามา หนึ่งในนั้นคือเหลียงจิ่วคนที่ไล่อวี้เป่าเอ๋อร์ในตอนนั้นจนทำให้อวี้เป่าเอ๋อร์ได้ขึ้นไปอยู่บนรถม้าของเย่ฮ่าวหราน
ครั้นแลเห็นชิวหลานอยู่ด้านในห้อง แม้แต่เหลียงจิ่วก็ชะงักอย่างห้ามไม่อยู่เช่นกัน
น่าแปลก เมื่อครู่พวกเขายืนเฝ้าอยู่ด้านนอกลานมาโดยตลอด ภายในลานนอกจากสาวใช้และคนรับใช้ที่เดิมทีคอยปรนนิบัติอวี้เจี้ยนต๋า ก็มีแค่สาวใช้ที่เป็นคนของเฉินจีซินเท่านั้น ชิวหลานที่เป็นสาวใช้ขั้นสองเช่นนี้ เข้ามาตั้งแต่เมื่อใด แล้วเข้ามาด้านในนี้ได้อย่างไรกัน?
จินหลิวหลีเลิกคิ้วขึ้น นางยืนอยู่ด้านหน้าประตู ย่อมมองเห็นวิธีของชิวหลานตอนที่เดินเข้ามา เพียงแต่นางสงสัยว่าอีกฝ่ายคิดจะทำอะไร เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายแอบเข้ามาในลาน เห็นได้ชัดว่าคงไม่ได้มาจัดการกับอวี้ชิงลั่วตามคำสั่งของเฉินจีซิน
อืม เช่นนั้นนางคิดจะทำอะไร?
พวกนางเกิดความคิดที่แตกต่างกันภายในใจ อวี้ชิงโหรวก็รู้สึกได้ว่าการปรากฏตัวของชิวหลานดูไม่ปกติ ทำให้นางรู้สึกไม่ดีอย่างมาก จึงหันไปส่งสายตาให้เหลียงจิ่วเพื่อให้อีกฝ่ายรีบพาตัวชิวหลานออกไป
เหลียงจิ่วและบุรุษอีกคนเดินเข้ามา รีบทำความเคารพองค์ชายสามก่อนจะยกมือขึ้นเพื่อจับมือของชิวหลาน
ชิวหลานตกใจจนส่งเสียงร้อง รีบคลานเข่ามาด้านหน้าสองสามก้าว ตะโกนเสียงดังว่า “ท่านอ๋องสามช่วยหม่อมฉันด้วย หม่อมฉันมีเรื่องจะกราบทูลเกี่ยวกับท่านอ๋องสามเพคะ”
“หยุด” องค์ชายสามได้ยินเช่นนี้ สายตาพลันกวาดมองไปที่เหลียงจิ่ว
เหลียงจิ่วถึงกับตกใจ เท้าที่ก้าวมาด้านหน้าถึงกับหยุดชะงัก
เฉินจีซินและอวี้ชิงโหรวหันสบตากัน ทั้งยังขมวดคิ้วพร้อมกัน
“เมื่อครู่เจ้าพูดว่า จะบอกเรื่องเกี่ยวกับเรา?” องค์ชายสามหลุบสายตาจ้องมองสตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้า น้ำเสียงก็ฟังดูเคร่งขรึม “รีบพูดมา”
“ท่านอ๋องสาม สาวใช้คนนี้สติไม่ค่อยดี เป็นเพราะพวกเราไม่ดูแลนางให้ดี รบกวนองค์ชายสามแล้ว หม่อมฉันจะ…”
องค์ชายสามแค่นเสียงเย็น “สติไม่ดี? นางสติไม่ดีตรงไหนกัน?” มารยาทเมื่อครู่ก็ดูเหมาะสม ดูปกติมาก
เฉินจีซินกลืนน้ำลายอึกหนึ่ง แอบพูดไม่ออก
อวี้ชิงโหรวยังมีความฉลาดปราดเปรื่อง นางจึงรีบถอนสายบัวตรงหน้าองค์ชายสาม กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ท่านอ๋อง ก่อนหน้านี้ชิวหลานเป็นคนดูแลเป่าเอ๋อร์ เป่าเอ๋อร์เคยป่วยสติไม่ดี ชิวหลานต้องใกล้ชิดกับเขาตลอดทั้งปี บางครั้งการพูดการจาจึงดูบ้า ๆ บอ ๆ นางไม่ปกติจริง ๆ เพคะ”
อวี้ชิงลั่วหัวเราะ ‘พรืด’ หนึ่งเสียง “อวี้ชิงโหรว หากจะพูดว่าคนคนนั้นสติไม่ดีหรือไม่ ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครมีความสามารถมากไปกว่าข้าที่เป็นหมอแล้วกระมัง?”
อวี้ชิงโหรวถึงกับชะงัก กัดริมฝีปากแรง ๆ ฉับพลัน ก่อนจะถลึงตามองมาที่อวี้ชิงลั่ว
ถ้าเป็นไปได้ นางก็อยากจะสับร่างของสตรีผู้นี้เป็นชิ้น ๆ จริง ๆ
หากมิใช่เพราะนางปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ตอนนี้นางคงกลายเป็นฮูหยินของเสนาบดีฝั่งขวา มีสามีที่อ่อนโยนและมีน้ำใจอยู่ข้างกายไปแล้ว
ตอนนี้พวกนางสองแม่ลูกก็แค่อยากจัดการกับสาวใช้ตัวเล็ก ๆ ภายในจวนอวี้ คิดไม่ถึงเลยว่านางจะแส่เข้ามายุ่งด้วย
ชิวหลานได้ยินอวี้ชิงลั่วพูดเช่นนี้จึงรีบหมุนกายกลับมา เงยหน้าพร้อมกับโขกศีรษะลงตรงหน้านางสองครั้ง จากนั้นจึงเอ่ยด้วยความรู้สึกปวดใจว่า “ขอบคุณแม่นางชิงที่ช่วยยืนยันความบริสุทธิ์ให้บ่าว อันที่จริงนายน้อยไม่เคยสติไม่ดี บ่าวดูแลเขามาหลายปี จะไม่รู้ได้อย่างไรกันเจ้าคะ?”
ระหว่างที่พูด นางก็หันไปมองเป่าเอ๋อร์ด้วยสายตาที่เปี่ยมล้นด้วยคำขอโทษ “นายน้อย ขอโทษนะเจ้าคะ ก่อนหน้านี้ชิวหลานทำผิดไป แต่ชิวหลานเป็นแค่บ่าวรับใช้ เพื่อให้มีชีวิตรอดจึงทำอะไรไม่ได้จริง ๆ บ่าวถูกบังคับให้จับตาดูนายน้อยเพื่อไม่ให้วิ่งหนี ตอนนี้นายน้อยได้หลุดพ้นจากความทุกข์ทรมาน ไม่ต้องถูกใครควบคุมอีกแล้ว”
อวี้เป่าเอ๋อร์ชะงัก สายตาที่จากเดิมดูรังเกียจเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนลง เพียงแต่ยังมองชิวหลานด้วยความระมัดระวังดังเดิม คาดว่าความทรมานหลายปีมานี้คงทำให้เขากลัวจริง ๆ
ชิวหลานพูดถึงตรงนี้ก็หยุดลง ไม่สนใจสีหน้าถมึงทึงของสองแม่ลูกเฉินจีซิน หันไปมององค์ชายสามพร้อมกับหลั่งน้ำตาออกมา
“ท่านอ๋อง ชิวหลานต้องคอยช่วยข่มเหงผู้อื่นมาหลายปี ทำเรื่องผิดภายใต้คำสั่งของฮูหยินและคุณหนูรองมาหลายเรื่อง หลายปีมานี้หม่อมฉันถูกประณามโดยมโนธรรมของตนเองมาโดยตลอด เพียงแต่ต่อให้ทุกข์ทรมานก็มิอาจขอความช่วยเหลือได้ ทำได้เพียงแค่ดิ้นรนอยู่ในนรก ทว่าตอนนี้มีบางเรื่องที่ทำให้หม่อมฉันทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ หากไม่พูด เรื่องนี้คงได้บานปลายเข้าไปใหญ่ ไม่เพียงแต่จะทำร้ายจวนอวี้ แต่ยังทำร้ายท่านอ๋องสาม ท่านอ๋องซิว เสนาบดีฝั่งขวาและองค์หญิงเทียนฝู ถึงเวลานั้น บ่าวคงทำบาปมหันต์จริง ๆ”
อวี้ชิงลั่วครุ่นคิด ชิวหลานผู้นี้ช่างพูดจริง ๆ พูดจาพึมพำไร้สาระอยู่ครู่หนึ่งแล้ว แม้ว่าจะไม่ได้พูดถึงจุดสำคัญ แต่กลับทำให้ตนเองกลายเป็นผู้มีความดีความชอบอันยิ่งใหญ่ ยิ่งทำให้ความสนใจขององค์ชายสามเพิ่มขึ้น
เมื่อองค์ชายสามได้ยินว่าเรื่องนี้จะเป็นพิษภัยกับตนเองก็รีบก้าวเท้ามาด้านหน้าหนึ่งก้าว จับแขนของชิวหลานพร้อมกับดึงตัวนางให้ลุกขึ้น “เกิดอะไรขึ้นกันแน่? เจ้าบอกเรามาให้ชัดเจน ใครคิดจะทำร้ายเรา?”
ราวกับอวี้ชิงโหรวตระหนักได้ถึงบางสิ่ง นางจึงสูดลมเย็นเข้าปอดเฮือก เกิดความคิดอยากก้าวเท้าไปด้านหน้าแล้วตบชิวหลานให้ตาย ๆ ไปเสีย
ทว่าตอนที่เพิ่งจะก้าวเท้าไปด้านหน้าได้หนึ่งก้าว จู่ ๆ ก็มีเงาหนึ่งเข้ามาขวางตรงหน้านาง
จินหลิวหลีมองนางด้วยสีหน้ากึ่งยิ้มกึ่งบึ้งตึง กล่าวเสียงเบาว่า “คุณหนูรองรีบร้อนขนาดนี้ไปไย? มีเรื่องอะไร พวกเรารอให้ชิวหลานพูดให้จบก่อนค่อยว่ากันเถิด ฮูหยินอวี้ก็เพิ่งพูดไป หากประมาทจนกระทบกระเทือนต่อท่านอ๋องสาม เช่นนั้นคงได้เจอกับปัญหาที่จะตามมา”
อวี้ชิงโหรวใบหน้าขาวซีด นางเห็นชิวหลานสูดหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง หางตาแอบเหลือบมองมาที่ตนเองพร้อมกับมุมปากที่เผยอขึ้นเล็กน้อย
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
มีความลับอะไรซ่อนอยู่อีก เล่าออกมาให้หมดค่ะ
ไหหม่า(海馬)