อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 49 กัดเขาให้ตาย
ตอนที่ 49 กัดเขาให้ตาย
เสียง ‘แอ๊ด’ ดังขึ้น ประตูถูกเปิดออกท่ามกลางการเคลื่อนไหวอย่างแผ่วเบาของจินหลิวหลี
อวี้ชิงลั่วหรี่ตาลงเล็กน้อย จ้องมองอวี๋จั้วหลินที่ถูกจินหลิวหลีนำตัวเข้ามา รอยยิ้มของนางช่างดูลึกซึ้งเสียเหลือเกิน
เย่ซิวตู๋ที่อยู่บนเก้าอี้เอนมองปราดหนึ่ง หัวคิ้วพลันขมวดเข้าหากัน
อวี๋จั้วหลิน?
อวี๋จั้วหลิน!!!
เหตุใดถึงเป็นเขา? เขามาปรากฏตัวอยู่ที่เจียงเฉิงได้อย่างไรกัน?
เขาคือศัตรูของอวี้ชิงลั่ว?
อวี๋จั้วหลิน ตระกูลอวี๋? อวี้?
ริมฝีปากของเย่ซิวตู๋เม้มแน่น สายตาที่มองไปยังอวี้ชิงลั่วด้วยความคิดลึกซึ้ง เรื่องบางเรื่อง ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว
บรรยากาศภายในห้องค่อนข้างเร้นลับ อวี๋จั้วหลินก้าวเท้าเข้ามาในห้อง การย่างเท้าพลันชะงักงัน เขารู้สึกได้ว่าภายในห้องไม่ได้มีแค่คนเดียว
จินหลิวหลีลากเก้าอี้มาให้เขา ก่อนจะประคองเขาให้นั่งลง จากนั้นจึงพยักหน้าให้อวี้ชิงลั่วและหมุนตัวเดินออกไป
ประตูถูกปิดลง ภายในห้องพลันเงียบสงัด เงียบสงัดเสียจนน่ากลัว
เย่ซิวตู๋จ้องมองอวี้ชิงลั่ว เขาอยากรู้ว่าสุดท้ายแล้วนางคิดจะทำอะไร หรือคิดจะจัดการอย่างไรกับอวี๋จั้วหลิน
อย่างไรก็ตาม อวี้ชิงลั่วที่อยู่ตรงหน้าโต๊ะกลับหยิบหยิบผ้าไหมสีขาวขนาดสี่เหลี่ยมจัตุรัสออกมาจากแขนเสื้อ ก่อนจะยึดเข้ากับเรือนผมด้วยตัวหนีบ ปิดบังใบหน้าครึ่งหนึ่งของนางไว้อย่างมิดชิด
เย่ซิวตู๋ขมวดคิ้ว จากนั้นจึงได้ยินเสียงที่กดต่ำลงเล็กน้อยของนาง “คุณชายไม่สบายตรงไหนหรือ?”
ร่างของอวี๋จั้วหลินแข็งทื่อ ก่อนเอ่ยปากถามด้วยความประหลาดใจ “ท่านคือหมอปีศาจหรือ?”
“ใช่” ดูเหมือนว่าแม้แต่เสียงของนางเขาก็จำไม่ได้เสียด้วยซ้ำ เยี่ยมมาก เช่นนี้นางก็ไม่ต้องเปลืองแรงให้ลำบากมากเกินไป
ดูเหมือนอวี๋จั้วหลินจะไม่ค่อยเชื่อเท่าไรนัก หมอปีศาจคือสตรี? ทั้งยังมีน้ำเสียงที่อ่อนเยาว์ถึงเพียงนี้
ในตอนนี้ อวี๋จั้วหลินเกิดความคิดอยากดึงผ้าสีดำที่ปิดอยู่บนดวงตาลงมา มีความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะเห็นหน้าตาของหมอปีศาจ
เพียงแต่ มือของเขาเพิ่งจะยกขึ้น น้ำเสียงเย็นชาของอวี้ชิงลั่วก็ดังขึ้นทันใด “ข้าขอแนะนำว่าอย่าขยับจะดีกว่า”
มือของอวี๋จั้วหลินหยุดทันใด ขมวดคิ้วมุ่นถามด้วยความไม่เข้าใจ “เหตุใดแม่นางถึงไม่ยอมเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริง?”
อวี้ชิงลั่วหัวเราะเบา ๆ น้ำเสียงแจ่มชัดทำให้หูของทั้งสองคนภายในห้องขยับพร้อมกัน
“ข้าไม่ชอบเปิดเผยหน้าต่อต่อหน้าคนอื่นมาแต่ไหนแต่ไร ถึงอย่างไรก็เป็นแค่ดรุณีน้อยคนหนึ่ง หากถูกคนอื่นรู้ถึงรูปร่างหน้าตาของข้า เช่นนั้นย่อมมีปัญหามากมายมิใช่หรือ? ยิ่งไปกว่านั้น ทุกคนมาหาข้าก็เพราะอยากได้รับการรักษา หากให้ทุกคนทราบว่าข้าเป็นสตรีและอายุน้อยถึงเพียงนี้ ย่อมต้องเกิดความสงสัยภายในใจ และไม่เป็นประโยชน์กับข้าในการกอบกู้โลกช่วยเหลือผู้คน”
เย่ซิวตู๋มุมปากกระตุกวูบ กอบกู้โลกช่วยเหลือผู้คน? คำพูดเช่นนี้ นางก็ยังพูดออกมาได้อย่างไม่ละอาย
นอกจากนี้ ในเมื่ออวี๋จั้วหลินเป็นศัตรูของนาง เหตุใดนางถึงพูดจาอ่อนโยนกับเขาเช่นนี้? น้ำเสียงเช่นนี้ราวกับกำลังหว่านเสน่ห์อย่างไรอย่างนั้น
เย่ซิวตู๋กระตุกมุมปากเย้ยหยัน แค่นเสียงหัวเราะเย็นชาหนึ่งเสียง
อวี้ชิงลั่วหันกลับไปถลึงตามองเขาปราดหนึ่ง ตาบ้า…บอกว่าจะไม่รบกวนไม่ใช่เหรอ? ส่งเสียงออกมาแบบนี้อยากตายหรืออย่างไร?
อวี๋จั้วหลินย่อมได้เสียงเบา ๆ นั้น และยิ่งฟังออกว่ามีบุรุษอยู่ที่นี่ ใบหน้าเกิดความลังเลในทันที เอ่ยถามเสียงขรึมว่า “ในห้องยังมีคนอื่นด้วยหรือ?”
“เด็กส่งยาของข้าเอง” อวี้ชิงลั่วหันไปถลึงตาใส่เย่ซิวตู๋อย่างหนักอีกครั้ง พร้อมกับโบกมือเตือนเขา เขาจึงเอนตัวกลับไปนอนบนเก้าอี้เอนอีกครั้ง นางจึงหันกลับมาเผชิญหน้ากับอวี๋จั้วหลินอีกครั้ง กล่าวด้วยรอยยิ้ม “เด็กส่งยาของข้าไม่เข้าใจกฎ ทำให้คุณชายขบขันเสียแล้ว”
อวี๋จั้วหลินเพลิดเพลินกับคำพูดและน้ำเสียงของนางมาก รู้สึกได้ว่าหมอปีศาจผู้มีนิสัยแปลกประหลาดที่คนกล่าวถึงกัน เห็นได้ชัดว่าเป็นสตรีผู้มีความเข้าอกเข้าใจผู้อื่น จึงโบกมือกล่าวว่า “แม่นางคิดมากเกินไปแล้ว เดิมทีเป็นเพราะข้าหุนหันเกินไป ถามในสิ่งที่ไม่ควรถามเสียได้”
อวี้ชิงลั่วเม้มปากยิ้ม “คุณชายถามคำถามปกติ จะเรียกว่าหุนหันได้อย่างไรกัน? แต่ข้าเองก็อยู่ในสายแพทย์มาหลายปีแล้ว น้อยครั้งมากที่จะได้เห็นคนสุภาพเหมือนคุณชาย มีหลายคนที่ไม่เข้าใจความตั้งใจเดิมของข้า จึงใช้วาจาสร้างความเกลียดชัง”
เย่ซิวตู๋หน้าเขียวปั้ด เขาแอบทนฟังต่อไปไม่ไหว จึงส่งสัญญาณมือให้อวี้ชิงลั่ว ราวกับหากนางยังพูดเช่นนี้ต่อไป เขาจะบีบคอนางให้ตาย
อวี้ชิงลั่วลูบหน้าผาก จึงต้องหยุด ‘การอ่อย’ ระหว่างอวี๋จั้นหลินลง เอ่ยถามเสียงทุ้มต่ำว่า “ได้ยินว่าคุณชายใช้เงินหนึ่งหมื่นตำลึงกว่าจะซื้อแผ่นไม้นี้ได้ ทำให้คุณชายต้องเสียเงินไปด้วย ไม่ทราบว่าคุณชายป่วยตรงไหนหรือ ถึงไม่นึกเสียดายเงินก้อนใหญ่เพื่อให้ได้เจอหน้าข้า?”
อวี๋จั้วหลินชะงัก เขาเพิ่งนึกถึงเป้าหมายที่ตนเองมาที่นี่ จึงพูดอย่างจริงจังว่า “แม่นาง คนป่วยไม่ใช่ข้า ข้าเพียงแค่อยากเชิญให้แม่นางออกไปตรวจอาการให้ที่จวน ตามข้ากลับไปที่เมืองหลวง”
“ออกไปตรวจอาการให้ที่จวน? ที่เมืองหลวง?”
“ข้ารู้ว่าสิ่งที่ข้าขอคงมากเกินไป เพียงแต่นี่ก็เป็นสิ่งที่ข้าจนปัญญาเช่นกัน หวังว่าแม่นางจะช่วยเหลือให้สมปรารถนา”
อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้ว นางหยิบแก้วน้ำข้าง ๆ ขึ้นมาจิบสองคำ ราวกับกำลังตรึกตรองอย่างจริงจัง
อวี๋จั้วหลินจ้องมองอย่างเงียบ ๆ ท่าทางแอบวิตกกังวล มือทั้งสองข้างที่วางบนหัวเข่ากำเข้าหากันจนแน่น
ผ่านไปเนิ่นนาน จึงได้ยินอวี้ชิงลั่วถามเสียงทุ้มต่ำว่า “คุณชายจะให้ข้าไปรักษาใครหรือ?”
“รักษาให้…น้องสาวของข้า ช่วงนี้ร่างกายของนางไม่สู้ดี ไร้เรี่ยวแรงตลอดทั้งวัน ใบหน้าก็ขาวซีดทั้งยังไอเป็นเลือดเป็นครั้งคราว หมอที่อยู่ในเมืองหลวงต่างก็บอกว่าพวกเขาไม่เห็นสิ่งผิดปกติอะไร แต่ชีวิตของนางคงเหลืออีกไม่นาน จึงให้ข้ามาหาหมอปีศาจ ดังนั้นข้าจึงเดินทางมา หวังว่าแม่นางจะกลับไปเมืองหลวงพร้อมกับข้า”
น้องสาว? อวี้ชิงลั่วกระตุกมุมปากยิ้มเยาะ
หลี่หรานหร่านกลายเป็นน้องสาวของเขาตั้งแต่เมื่อไรกัน? นางมิใช่ภริยาของเขาหรอกหรือ?
“คุณชาย…ท่านช่างมีความห่วงใยจริง ๆ น้องสาวที่มีพี่ชายคิดแทนนางเช่นท่าน นับว่าเป็นความโชคดีอย่างแท้จริง” อวี้ชิงลั่วกลอกตาใส่ เป็นเรื่องยากที่จะกล่าวคำนี้จบขณะกลั้นความพะอืดพะอมอยู่ในใจ
อวี๋จั้วหลินกระตุกมุมปากแย้มยิ้มออกมา “แม่นางตอบตกลงแล้วหรือ?”
อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้ว ตอนที่นางกำลังจะเอ่ยปากพูดอะไร เย่ซิวตู๋ที่อยู่ข้าง ๆ ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากพูดเยาะเย้ย “แม่นางของข้ายังมีธุระต้องทำที่เจียงเฉิง ไม่มีเวลาว่างที่จะติดตามเจ้าไปยังเมืองหลวง”
“เย่…” อวี้ชิงลั่วรีบหันกลับไปมองเขา นางเกิดความคิดอยากจะปรี่ตัวเข้าไปกัดเขาให้ตายจริง ๆ
อวี๋จั้วหลินขมวดคิ้ว “แม่นางยังมีธุระหรือ? มีธุระอะไรกัน ไม่ทราบว่าข้าพอจะช่วยเหลือได้หรือไม่?”
เย่ซิวตู๋ยิ้มด้วยรอยยิ้มเยือกเย็น คุณชายตระกูลอวี๋ผู้นี้ช่างมีความกระตือรือร้นเสียเหลือเกิน เขาไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายอยู่ในสถานที่เล็ก ๆ ในเจียงเฉิง จะมีความสามารถช่วยเหลืออะไรได้
อวี้ชิงลั่วพยายามไม่ให้ตัวเองหลุดหัวเราะออกมา นางเดินเข้าไปและออกแรงหยิกเย่ซิวตู๋ ก่อนจะเดินกลับมาพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร อีกไม่กี่วันก็เรียบร้อยแล้ว คุณชายเป็นห่วงอีกฝ่ายขนาดนี้ ข้าจะทำให้คุณชายผิดหวังได้เยี่ยงไรกัน?”
“เช่นนั้นแม่นางหมายความว่า…” อวี๋จั้วหลินดีใจ คิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องราวจะราบรื่นเช่นนี้
“คุณชายกลับไปที่เมืองหลวงก่อนเถิด รอให้ข้าจัดการธุระทางฝั่งนี้เสร็จ ข้าจะเดินทางไปที่เมืองหลวง” อวี้ชิงลั่วกล่าวอย่างเนิบช้า นางเดินมาข้าง ๆ เย่ซิวตู๋ ก่อนจะลากเขาให้เดินออกไป และผลักเขาออกไปด้านนอกประตู เมื่อปิดซ่อนเงาของเขาไว้อย่างมิดชิด จึงหันมาพูดกับอวี๋จั้วหลิน “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะให้เถ้าแก่เนี้ยจินส่ง…”
“แย่แล้ว มีคนบุกรุกเรือนด้านหลัง คิดจะสร้างปัญหาให้หมอปีศาจ รีบคุ้มกันหมอปีศาจเร็วเข้า”
ในเวลานี้เอง จู่ ๆ ก็เกิดเสียงตะโกนที่น่ากลัวดังขึ้นจากด้านหน้า ตามมาติด ๆ ด้วยเสียงดังโหวกเหวกที่กำลังพุ่งตรงมาทางนี้
อวี้ชิงลั่วกระตุกมุมปาก…
…………………………
สารจากผู้แปล
นายท่านเย่เอ๊ย อย่าเพิ่งทำน้ำส้มหกแถวนี้สิคะ กำลังจะจับพิรุธคนโกหกอยู่แล้วเชียว หรือว่านายท่านเย่ก็มีความแค้นกับอวี๋กระจั๊วหลินนี่เหมือนกัน?
ไหหม่า (海馬)