อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 495 กลิ่นเหม็น
ตอนที่ 495 กลิ่นเหม็น
ตอนที่ 495 กลิ่นเหม็น
อวี้ชิงลั่วเอนตัวไปด้านข้างเพื่อหลบการโจมตีจากกรงเล็บของนาง เมื่อหันกลับมาอีกทีก็เห็นนางกระโจนไปข้างหน้าต่างแล้ว
นางยกยิ้มขณะจ้องมองจินหลิวหลี โดยไม่มีความละอายบนใบหน้า
“อุ๊ย หลิวหลี เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นหรอก เจ้าเคยนอนในรังหนูและเคยต่อสู้ในถ้ำงูมาก่อนไม่ใช่หรือ? ห้องขังของจวนผู้ตรวจการเมืองหลวงยังถือว่าค่อนข้างสะอาดอยู่ ประเดี๋ยวเจ้าก็จะชินไปเอง”
จินหลิวหลีหัวเราะด้วยความโกรธขึ้ง “สะอาดมากนักหรือ? ถ้ามันสะอาด เหตุใดเจ้าไม่ไปเองเล่า?”
“ข้าเป็นองค์หญิง” อวี้ชิงลั่วตอบหน้าตาเฉย สถานะของนางเปลี่ยนไปแล้ว นางจะไปในที่เช่นนั้นได้อย่างไร หากแม่นมเซียวรู้ เห็นทีต้องโดนหักขาแน่ แม่นมเซียวเป็นคนที่รักและหวงแหนชีวิตของนางมาก
“อีกอย่างคือหากข้าไปที่ห้องขังในจวนผู้ตรวจการ เฉินจีซินและอวี้ชิงโหรวก็จะจำข้าได้ทันที แต่เจ้าต่างออกไป แม้พวกนางจะเห็นเจ้า แต่พวกนางก็ไม่คุ้นหน้าเจ้า เจ้าแค่ต้องเปลี่ยนทรงผม ก้มหน้าลงและเปลี่ยนเสื้อผ้า เท่านี้พวกนางก็จะจำเจ้าไม่ได้แล้ว”
มือของจินหลิวหลีที่ยื่นมาข้างหน้าหดกลับทันที นางขมวดคิ้วมองอวี้ชิงลั่ว แล้วถามว่า “เจ้าขอให้ข้าไปที่ห้องขังเพื่อจับตาดูเฉินจีซินและอวี้ชิงโหรวหรือ? เจ้ามีแผนอะไรในใจ?”
“ชิวหลานกล่าวว่าเฉินจีซินและอวี้ชิงโหรวกัดฟันไม่ยอมพูด แม้ว่าจะมีหลักฐานชัดเจน แต่พวกนางกลับไม่ยอมรับอะไรเลย เจ้าคิดว่าเพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น?”
เมื่อเห็นว่านางไม่ได้พุ่งมาหาตนแล้ว อวี้ชิงลั่วก็แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก และรีบเปลี่ยนเรื่องด้วยสีหน้าจริงจัง
จินหลิวหลีนั่งลงบนเก้าอี้ ครุ่นคิดและถามอย่างไม่แน่ใจ “พวกนางกำลังรอให้ใครบางคนมาช่วยหรือไม่? จึงไม่ยอมปริปากพูดอะไรเลยกระนั้นหรือ?”
“ใช่ พวกนางกำลังรอใครสักคนมาช่วย”
“ผู้บัญชาการเว่ยหรือ?” จินหลิวหลีคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหน้า “ไม่ใช่หรอก องค์ชายสามโกรธมาก เขาต้องไปหาผู้บัญชาการเว่ยเพื่อคิดบัญชีอย่างแน่นอน ซึ่งเฉินจีซินและลูกสาวก็คงจะรู้ด้วยว่าผู้บัญชาการเว่ยช่วยพวกนางไม่ได้อีกต่อไปใช่หรือไม่…หรือว่า พวกนางกำลังรอคนที่อยู่เบื้องหลังผู้บัญชาการเว่ย? แต่เฉินจีซินกับคนอื่นๆ จะรู้ตัวตนที่แท้จริงของบุคคลลึกลับเช่นนั้นหรือ?
ดวงตาของอวี้ชิงลั่วเป็นประกายขึ้นเล็กน้อย “เฉินจีซินอาจไม่รู้ แต่อวี้ชิงโหรวต้องรู้ แม้อวี้ชิงโหรวจะไม่ใช่คนที่มีอำนาจ แต่นางก็ยังฉลาดในเรื่องไม่เป็นเรื่อง นางรอบคอบมากกว่าเฉินจีซินนัก เจ้าบอกว่าจู่ ๆ ก็มีคนมาหาพวกนาง และขอให้พวกนางจัดการกับข้าซึ่งตอนนี้เป็นองค์หญิง อวี้ชิงโหรวเพิ่งได้รับบทเรียนไป แล้วนางจะกลับมาโดยไม่มีความมั่นใจได้อย่างไร?”
เมื่อพูดเช่นนั้น อวี้ชิงลั่วก็อดเย้ยหยันไม่ได้ “อวี้ชิงโหรวต้องคิดหาทางออกให้ตัวเองแน่นอน นางต้องรู้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังใหญ่โตเพียงใด ถึงได้ตามหานางให้ไปร่วมมือด้วยได้ ไม่เช่นนั้นนางคงไม่กล้าเสี่ยงในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ อีกอย่างบุคคลนั้นก็สามารถรับประกันได้ว่าแม่ลูกคู่นี้จะมีชีวิตที่ปลอดภัย และสัญญาว่าอวี้ชิงโหรวจะได้แต่งงานกับเสนาบดีฝั่งขวา ซึ่งเห็นได้ว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา จึงไม่มีทางเป็นผู้บัญชาการเว่ย”
จินหลิวหลีพยักหน้า ดวงตาของนางหรี่ลงเล็กน้อย “ดังนั้นหลังจากเรื่องนี้จบลง อวี้ชิงโหรวก็ไม่ต้องกังวล และไม่ได้อธิบายเพื่อแก้ตัวเลยแม้แต่คำเดียว นางคงแน่ใจว่าบุคคลนั้นต้องกลับมาช่วยตน เพราะนางรู้ตัวตนที่แท้จริงของเขา”
อวี้ชิงลั่วพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา “แต่อวี้ชิงโหรวยังอ่อนหัดเกินไป นางคิดถึงเพียงแค่ผลลัพธ์เดียวเท่านั้น ดูเหมือนนางไม่คิดเลยว่าบุคคลนั้นจะมา… ฆ่าปิดปากนาง”
จินหลิวหลีเบิกตากว้างทันที “ฆ่าปิดปากหรือ? อวี้ชิงลั่ว อย่าบอกนะว่าที่เจ้าขอให้ข้าไปที่ห้องขัง ก็เพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลนั้นมาฆ่าปิดปากแม่ลูกคู่นั้น แล้วจะให้ข้าช่วยพวกนาง ข้าบอกเลยว่าเป็นไปไม่ได้ ข้ากลัวว่ามือข้าจะแปดเปื้อนหากต้องช่วยพวกนาง”
“ใครขอให้เจ้าช่วยพวกนาง?” อวี้ชิงลั่วอดกลอกตาไม่ได้ “ข้าขอให้เจ้าสะกดรอยมือมืดต่างหาก เจ้ามีทักษะยอดเยี่ยม จึงไม่น่าจะมีปัญหาในการติดตามจอมยุทธ์ธรรมดา ๆ คราวนี้เราต้องสืบให้ได้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง”
อวี้ชิงลั่วมั่นใจว่าคนที่เคยใช้อาฝูใส่ร้ายตำหนักท่านอ๋องซิวก่อนหน้านี้และผู้ที่อยู่เบื้องหลังสองแม่ลูกเฉินจีซินในครั้งนี้เป็นคนคนเดียวกัน และดูเหมือนว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้คนผู้นั้นจะหงุดหงิดเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขารู้ว่าเย่ซิวตู๋มีลูก หรือเพราะนางเป็นองค์หญิงแห่งอาณาจักรเทียนอวี่กันแน่ พูดสั้น ๆ ก็คือคนผู้นั้นต้องการโค่นล้มตำหนักท่านอ๋องซิวให้เร็วที่สุด
บางทีคนที่วางยาพิษเย่หลานเฉิง และจัดการกับซูเฟยเหนียงเหนียงก็อาจเป็นคนนี้เช่นกัน
ดูเหมือนว่าจินหลิวหลีจะพอใจคำพูดของอวี้ชิงลั่วที่ว่า ‘มีทักษะยอดเยี่ยม’ นางเชิดคางขึ้นเล็กน้อย แล้วถอนหายใจเบา ๆ “ช่างเถิด ในเมื่อเจ้าคิดว่าข้าต้องจัดการเรื่องนี้ เช่นนั้นข้าก็จะจัดการเอง”
พูดตามตรงนางก็ต้องการค้นหาบุคคลนั้นให้เร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นเย่ซิวตู๋จะเลือกให้นางคอยปกป้องอวี้ชิงลั่วเสมอ และนางคงจะหงุดหงิดมาก
ท้ายที่สุดแล้วการอยู่ในตำหนักท่านอ๋องซิวแห่งนี้ก็อันตรายเกินไป และเป็นไปได้ที่จะพบกับเย่ฮ่าวหรานเมื่อใดก็ได้
จินหลิวหลีปลอมตัวอย่างรวดเร็ว อวี้ชิงลั่วอธิบายให้เย่ซิวตู๋ฟังคร่าว ๆ และเย่ซิวตู๋ไม่ได้เอ่ยคำใดออกมา ก่อนจะจัดนางไว้ในห้องขังตรงข้ามกับเฉินจีซินและลูกสาว
อวี้ชิงลั่วตระหนักว่าหลี่เจ๋อมีความสนิทสนมกับเย่ซิวตู๋จริง ๆ แม้ว่าเย่ซิวตู๋จะบอกว่าหลี่เจ๋อไม่ใช่คนของเขา แต่ดูจากความตั้งใจของเขาที่จะช่วยตำหนักท่านอ๋องซิว ก็แสดงว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาไม่ได้เป็นเพียงผิวเผินแน่นอน
ประตูห้องขังของจวนผู้ตรวจการเมืองหลวงถูกเปิดออกและปิดลง จินหลิวหลีที่เดินโซเซถูกผู้คุมหญิงผลักเข้าไปในห้องขัง
“กลิ่นเหม็นมาก” ทันทีที่จินหลิวหลีผ่านเข้าประตูไปก็ขมวดคิ้วทันที และเริ่มด่าอวี้ชิงลั่วในใจเป็นพันครั้งหมื่นครั้ง
นางยังต้องการให้อวี้ชิงลั่วชดใช้ให้ตนเป็นเงิน บาดแผลที่นางได้รับนั้นไม่ใช่น้อยเลย หากนางต้องอยู่ในที่สกปรกเช่นนี้สักสองสามคืน กลับไปแล้วนางคงได้มีภาพฝังใจเป็นแน่
หลังจากปัดกวาดและนั่งลงแล้ว นางก็หยิบผงไล่ยุงที่อวี้ชิงลั่วให้ออกมาโรยรอบ ๆ ตัว จากนั้นนางก็ถอนหายใจเบา ๆ
จินหลิวหลีก้มศีรษะลง เส้นผมรุงรังปกคลุมใบหน้านางเกือบทั้งหมด เผยให้เห็นเพียงดวงตาเฉียบคมคู่เดียว
เมื่อมองไปยังห้องขังที่อยู่ตรงข้ามกัน นางก็เห็นเฉินจีซินและลูกสาวนั่งขดตัวอยู่ที่มุมห้องขัง และไม่มีใครพูดอะไรเลย นี่เป็นครั้งแรกที่พวกนางต้องเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ และสีหน้าของทั้งคู่ก็ดูแย่มาก
จินหลิวหลีพิงกำแพงและเอียงศีรษะเล็กน้อย
ท้องฟ้าข้างนอกค่อย ๆ มืดลง แต่แววตาของจินหลิวหลีสว่างขึ้นเรื่อย ๆ และแววตาของเฉินจีซินและลูกสาวก็สว่างขึ้นเช่นกัน
“ปัง” เสียงประตูห้องขังถูกเปิดดังขึ้น จินหลิวหลีตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ไม่ใช่ว่านักโทษหญิงอีกคนจะเข้ามาอีกหรือ? วันนี้มีคนก่ออาชญากรรมเยอะหรือ?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้นางก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองคนที่เดินเข้ามาช้า ๆ แต่เมื่อนางเห็นร่างโปร่งที่คุ้นเคย รูม่านตาของนางก็หดตัวอย่างรุนแรง
……………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ลึกลับซับซ้อนจริงๆ คนที่อยู่ในเงามืดนี่ท่าจะเส้นใหญ่น่าดู
ไหหม่า(海馬)