อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 496 พวกเจ้าเป็นทุกข์ ข้าก็โล่งใจ
ตอนที่ 496 พวกเจ้าเป็นทุกข์ ข้าก็โล่งใจ
ตอนที่ 496 พวกเจ้าเป็นทุกข์ ข้าก็โล่งใจ
ผู้มาเยือนมีหน้าตาหล่อเหลา สีหน้าของเขาเฉยเมย แม้เขาจะเดินเข้ามาในห้องขังที่สกปรกเน่าเหม็นเช่นนี้ แต่ท่วงท่าการเดินของเขาก็ยังคงสง่างาม
จินหลิวหลีหรี่ตา เหตุใดหลีจื่อฟานจึงมาที่นี่?
ผู้คุมหญิงให้ความเคารพเขามาก หลังจากโค้งคำนับแล้ว นางก็พาเขาไปยังประตูห้องขังที่อวี้ชิงโหรวอยู่
“ท่านเสนาบดี นี่คือห้องของคุณหนูรองของตระกูลอวี้เจ้าค่ะ”
หลีจื่อฟานพยักหน้า หลังจากมองไปที่อวี้ชิงโหรวแล้ว เขาก็เริ่มกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ห้องขังขนาดใหญ่
ไม่รู้ว่าหลี่เจ๋อจงใจให้ในห้องขังนี้มีนักโทษหญิงไม่มากนักหรือไม่ เพราะห้องขังที่อยู่ข้างห้องที่ขังเฉินจีซินและลูกสาวว่างเปล่า ราวกับว่าจงใจกักบริเวณพวกนาง
แต่แล้วจู่ ๆ สายตาของหลีจื่อฟานก็หยุดลง เมื่อเขามองไปยังห้องขังที่อยู่ตรงข้าม และท่าทางของเขาก็ไม่มีผู้ใดหยั่งรู้ได้
หัวใจของจินหลิวหลีเต้นแรงทันที นางรีบก้มศีรษะลง
ไม่มีทาง สายตาของหลีจื่อฟานคงจะไม่เฉียบคมถึงเพียงนั้นใช่หรือไม่ นางเคยเจอเขาเพียงแค่ครั้งหรือสองครั้ง และตอนนี้นางก็แต่งตัวเหมือนขอทาน จนนางรู้สึกว่าแม้แต่พ่อแม่ของนางก็คงจะจำนางไม่ได้
โชคดีที่หลีจื่อฟานละสายตาไปอย่างรวดเร็ว และยืนอยู่ที่ประตูห้องขังของอวี้ชิงโหรวด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ผู้คุมหญิงคำนับเขาอีกครั้ง แล้วก้าวถอยหลัง
อวี้ชิงโหรวที่ขดตัวอยู่ตรงมุมห้องได้ยินเสียงนั้น นางจึงลืมตาบวมช้ำขึ้น และดวงตาของนางก็เป็นประกายขึ้นทันทีที่เห็นเขา แต่ครู่ต่อมา มันก็หรี่ลงอีกครั้งด้วยความสงสัย
“ท่านเสนาบดี ท่านเสนาบดีเจ้าคะ” เฉินจีซินก็เห็นเขาเช่นกัน เสียงโลหะกระทบกันดังมาจากร่างของนางที่ใส่กุญแจมือและโซ่ตรวน ไม่นานนางก็มาทรุดตัวลงที่ราวไม้ มือของนางกำลูกกรงเอาไว้แน่น ขณะมองหลีจื่อฟานด้วยความกังวลใจ “ช่วยพวกเรา ช่วยพวกเราด้วยเจ้าค่ะ”
หลีจื่อฟานเหลือบมองนางพลางยกยิ้ม ก่อนจะมองไปยังอวี้ชิงโหรวที่ไม่ได้มีท่าทางวิตกกังวลเหมือนเฉินจีซิน และค่อย ๆ เดินเข้ามาหานาง
เมื่อเห็นเขายิ้มเช่นนี้ หัวใจของอวี้ชิงโหรวก็เต้นเร็วขึ้นอีกครั้ง ประกายแห่งความหวังฉายชัดในดวงตาของนาง และอดเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นไม่ได้
“ท่านเสนาบดี” นางเดินเข้าไปหาเขา แม้ว่าหลี่เจ๋อจะไม่ได้ทรมานพวกนาง แต่หลังจากใช้เวลาอยู่ในสถานที่นั้นครึ่งวัน นางก็ยังดูสะบักสะบอมมาก
“เจ้ากำลังทุกข์ทรมาน” เสียงแผ่วเบาของหลีจื่อฟานนุ่มลึก และคำสี่พยางค์นี้ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความสมเพชและความเศร้า
อวี้ชิงโหรวอดรู้สึกเศร้าไม่ได้ นางเงยหน้าขึ้นด้วยท่าทางเศร้าหมอง แล้วถามเขาว่า “ทำไมเจ้าคะ?”
“ทำไมอะไรกัน?” สีหน้าของหลีจื่อฟานยังคงอ่อนโยน
“เหตุใดท่านถึงไม่ช่วยข้า? ในเวลานั้นท่านได้ยินสิ่งที่อวี้ชิงลั่วพูดอย่างชัดเจน และท่านก็รู้ว่านางเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลอวี้ แล้วเหตุใดท่านถึงเพียงแค่ยืนดูนางพูดจาเหลวไหล? ท่านก็รู้ดีว่า… ข้าและท่านแม่… เราสองคนจะ…” ขณะที่อวี้ชิงโหรวพูด นางก็รู้สึกเศร้าใจมากขึ้น
ในตอนนี้นางเห็นหลีจื่อฟานปรากฏตัวในห้องขัง และเมื่อเห็นท่าทางอ่อนโยนของเขา ก็เหมือนกับจุดประกายความหวังของนางขึ้นมาอีกครั้ง และรู้สึกว่าสิ่งต่าง ๆ อาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่นางคิด หลังจากหยุดไปครู่หนึ่ง นางก็หาเหตุผลที่ดีมาพูดให้เขาฟัง
“ไม่ใช่เพราะท่านรู้อยู่แล้วว่าแผนของพวกเราจะไม่สำเร็จในครั้งนี้ ท่านจึงพูดเช่นนั้นออกไปใช่หรือไม่? ท่านกำลังพยายามจะช่วยเราจริง ๆ และไม่ได้ต้องการทำให้เราดิ่งลงเหวไปกว่าเดิมใช่หรือไม่?”
เฉินจีซินที่อยู่ข้าง ๆ ได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าหลายครั้ง “ใช่ ๆๆ มันต้องเป็นเช่นนั้น ท่านเสนาบดีหลักแหลมเพียงนี้ ท่านต้องเห็นว่านังหญิงแพศยาชิวหลาน ถูกอวี้ชิงลั่วติดสินบนมานานแล้ว และคงจะรู้ว่าอวี้ชิงลั่วและคนอื่น ๆ ได้เตรียมพร้อมมาตั้งแต่ต้นแล้ว และยัง…ยังหลอกใช้ท่านเสนาบดีหลีเพื่อรักษาอำนาจของตนไว้ พวกเราเข้าใจเจ้าค่ะ ท่านเสนาบดี พวกเราเข้าใจได้”
จินหลิวหลีรีบปิดปากตัวเอง เพื่อป้องกันไม่ให้ส่งเสียงหัวเราะออกมา
เฉินจีซินและลูกสาวนั้นน่าทึ่งมาก พวกนางสามารถกุเรื่องขึ้นมาได้เป็นตุเป็นตะทีเดียว
พวกนางไม่คิดหรือว่าหากหลีจื่อฟานคิดถึงพวกนางจริง ๆ เหตุใดเขาถึงไม่เตือนนางตั้งแต่แรก? แต่กลับซ่อนตัวอยู่หลังห้องลับเหมือนองค์ชายสาม เพื่อรอให้สองแม่ลูกออกมาเล่นละครจนจบก่อน แล้วค่อยออกมาตบหน้าพวกนางเช่นนี้?
หลีจื่อฟานเผยรอยยิ้มจาง เขาไม่ได้ปฏิเสธและไม่ได้ยอมรับ แต่เพียงแค่ยิ้มและมองดูพวกนางแก้ตัว
แต่เฉินจีซินคิดว่าเขาเห็นด้วย มือที่จับลูกกรงออกแรงมากขึ้นเล็กน้อย และถามอย่างกระตือรือร้นว่า “ท่านเสนาบดี บัดนี้ท่านเสนาบดีอยู่ที่นี่แล้ว ท่านมีวิธีช่วยเราสองแม่ลูกหรือไม่เจ้าคะ?”
หลีจื่อฟานฟังมามากพอแล้ว จากนั้นครู่หนึ่งเขาก็ถอนหายใจเล็กน้อย แล้วเงยหน้าขึ้นพูดว่า “ใครบอกว่าข้ามาที่นี่เพื่อช่วยพวกเจ้า?”
“อะไรนะ ท่านหมายความว่าอย่างไร?” เฉินจีซินตกใจทันที ใบหน้าของอวี้ชิงโหรวซีดเผือด นางสูดหายใจเข้าลึก
“ท่านเสนาบดี ท่าน…”
หลีจื่อฟานยกยิ้มมุมปาก “ข้าเคยบอกพวกเจ้าหรือยังว่าข้าไม่ใช่คนใจดี?”
เฉินจีซินและอวี้ชิงโหรวมีท่าทางสับสน
อีกด้านหนึ่ง จินหลิวหลีอดไม่ได้ที่จะทำหน้ามุ่ย ไม่ต้องบอกก็รู้อยู่แล้ว หากหลีจื่อฟานเป็นสุภาพบุรุษที่ใจดีมีเมตตาจริง ๆ แล้วเขาจะได้นั่งในตำแหน่งสูงภายในช่วงเวลาอันสั้นเช่นนี้ได้อย่างไร? เขาจะทำให้ฮ่องเต้ทอดพระเนตรมาที่เขา และมอบหมายภารกิจสำคัญให้เขาได้อย่างไร?
เขาเป็นตำนาน แต่เบื้องหลังทุกตำนานล้วนเต็มไปด้วยเลือดและความมืดมนที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้
คนอย่างหลีจื่อฟานนั้นยากที่เข้าหา แต่คนเช่นเขานั้น เมื่อได้ตัดสินใจแล้วก็สามารถบุกน้ำลุยไฟไปหาคนที่สนใจได้ ตัวอย่างเช่น… อวี้ชิงลั่ว
สิ่งที่เขายอมทำให้กับสตรีผู้นั้นต้องใช้ทั้งปัญญาและความอดทน และเขายังเป็นคนที่น่ากลัวมาก เขาสามารถกลายเป็นปีศาจเพื่อใครสักคนได้หากจำเป็น
เช่นเดียวกับตอนนี้
“ข้าแค่มาดูว่าพวกเจ้าทุกข์ทรมานกันมากเพียงใด? ตอนนี้ดูเหมือนว่าใต้เท้าหลี่จะค่อนข้างเมตตา เมื่อเทียบกับความทุกข์ที่ชิงลั่วต้องทนแล้ว ทุกข์ของพวกเจ้าก็เป็นเพียงแค่เรื่องขี้ปะติ๋ว”
ทุกครั้งที่หลีจื่อฟานเห็นอวี้ชิงโหรว เขาจะรู้สึกรังเกียจตัวเองเล็กน้อย เพราะนึกได้ว่าเขาเคยดูแลปกป้องแม่ลูกคู่นี้ และปล่อยให้พวกนางใช้ชีวิตไร้คุณธรรมเช่นนี้มาโดยตลอด เมื่อคิดว่าเคยสนับสนุนพวกนางแล้ว เขาก็รู้สึกราวกับว่ากำลังทาเกลือลงบนบาดแผลของชิงลั่ว
พวกนางเป็นศัตรูของชิงลั่ว และสร้างความเจ็บปวดให้กับชิงลั่วอย่างแสนสาหัส แต่เขาตามืดบอดที่ดูแลพวกนาง และปล่อยให้พวกนางอ้างชื่อของเขาเพื่อทำความชั่ว กลั่นแกล้งคนดี เขานึกเกลียดตัวเองจริง ๆ
“…เมื่อเทียบกับความทุกข์ที่ชิงลั่วต้องทน… ท่านตกหลุมรักอวี้ชิงลั่วจริงหรือ? ท่านปฏิบัติเช่นนี้กับเราสองแม่ลูกเพราะเห็นแก่นางจริง ๆ หรือ?” อวี้ชิงโหรวอุทานอ้าปากค้าง ขณะมองหลีจื่อฟานด้วยความตกใจ “นางมีอะไรดีนักหนา? นางเจอท่านมากี่ครั้งแล้ว? เป็นเพราะนาง ท่านถึงได้ลืมแม้กระทั่งความรักของเราในอดีต เมื่อก่อนท่านใจดีกับข้ามาก แต่ตอนนี้ท่านกลับโหดร้ายกับพวกเรามาก เพราะสตรีผู้นั้นที่ใส่ร้ายพวกเรา อวี้ชิงลั่วใส่ยาอะไรให้ท่านหรือ?”
“เจ้าคิดผิดแล้ว”
…………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ท่านเสนาบดีเผยด้านมืดแล้ว คนดีที่โดนรังแกมาก ๆ เข้าก็จะเผยด้านมืดออกมาได้นะ
ไหหม่า(海馬)