อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 497 เจ้าคิดผิด
ตอนที่ 497 เจ้าคิดผิด
ตอนที่ 497 เจ้าคิดผิด
“เจ้าคิดผิด” หลีจื่อฟานพูดเสียงเบาซ้ำเป็นครั้งที่สอง ขณะมองอวี้ชิงโหรวที่กำลังตื่นตระหนกอยู่ตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา
“ข้าไม่เคยรู้สึกรักใคร่ใดๆ ต่อเจ้า” หลีจื่อฟานขยับเข้าไปใกล้อีกเล็กน้อย แล้วจ้องไปยังอวี้ชิงโหรวขณะพูดคำต่อคำ “ตั้งแต่แรก ที่ข้าดีกับเจ้าและแม่ของเจ้าก็เพราะเห็นแก่หน้าชิงลั่ว”
รูม่านตาของอวี้ชิงโหรวหดตัว ดวงตาของนางเบิกกว้างขึ้นทันที “ท่าน ท่านพูดอะไร? ท่านหมายความว่าอย่างไร?”
“ข้ากับชิงลั่วรู้จักกันมาตั้งแต่เมื่อเจ็ดปีที่แล้ว นางเป็นสตรีที่ข้าพึงใจตั้งแต่แรกเห็น วันนี้ที่ข้าสามารถเป็นเสนาบดีโดยชอบธรรมได้ ก็เพื่อที่จะล้างแค้นให้นางและจัดการกับอวี๋จั้วหลิน แต่ข้าคาดไม่ถึงเลยว่าสตรีที่คิดว่าตายไปนานแล้วจะยังมีชีวิตอยู่ ข้าไม่เคยคิดเลยว่าในบรรดาคนที่ข่มเหงนางเมื่อหกปีที่แล้ว จะมีเจ้าและแม่ของเจ้าอยู่ด้วย”
อวี้ชิงโหรวและเฉินจีซินมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง มีเสียงดังก้องในหู ราวกับบอกว่าสิ่งที่ได้ยินไม่เป็นความจริง
“เมื่อเจ็ดปีที่แล้วชิงลั่วเป็นคนใสซื่อและจิตใจดี นางจดจำความกรุณาของเจ้าทั้งหมดไว้ในหัวใจของนาง และไม่เคยสงสัยแรงจูงใจที่ซ่อนเร้นอยู่ในความเมตตาจอมปลอมนั้น ข้าจึงได้ปกป้องจวนอวี้มาหลายครั้งแล้ว เพราะเห็นแก่เจ้าที่เคยดูแลนาง หากไม่ใช่เพราะนาง ข้าย่อมไม่แม้แต่จะมองพวกเจ้าด้วยซ้ำ และข้าคาดไม่ถึงเลยว่าพวกเจ้าจะเป็นคนที่ทำร้ายนาง”
ทันใดนั้นหลีจื่อฟานก็ลดเสียงลงเล็กน้อย จ้องมองอวี้ชิงโหรวด้วยแววตาเย็นยะเยือก
อวี้ชิงโหรวไม่เคยเห็นแววตาที่เยือกเย็นในดวงตาของเขาเช่นนี้มาก่อน ร่างกายของนางจึงสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้ ในเวลานี้เองที่นางตระหนักได้ว่าคนผู้นี้… เป็นเสนาบดีระดับสูง เป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่หลายร้อยคน และเป็นหลีจื่อฟานที่ชาวเมืองในเมืองหลวงต่างชื่นชมและให้ความเคารพ อันที่จริงแล้วเขาเป็นคนที่ทรงพลังและน่าเกรงขามยิ่ง
นางถอยห่างออกไป จนกระทั่งอยู่ห่างจากเขาไปสองสามก้าว แล้วเริ่มส่ายหน้าไม่หยุด
หัวใจของนางราวกับแตกสลายไปแล้ว และนางก็ทนกับความเปรี้ยวขื่นที่ทะลักออกจากลำคอของนางไม่ไหว
“อ้วก” นางก้มหน้าลงอาเจียนออกมา
จินหลิวหลีที่กำลังรับชมละครอย่างเพลิดเพลินพลันตกตะลึง ไม่มีทาง ห้องขังนี้เหม็นมากอยู่แล้ว เหตุใดต้องเพิ่มมลพิษทางอากาศอีกด้วย
อาเจียน แย่ที่สุด
หลีจื่อฟานนี่ก็เหลือเกินจริง ๆ แค่คุยก็คุยไปสิ แต่อย่าพูดแรงขนาดนี้ ข้าจำเป็นต้องมารับกรรมด้วยหรือ?
จินหลิวหลีเหลือบมองหลีจื่อฟานขณะปิดจมูกตนไว้ และเห็นว่าเขายังคงยืนอยู่ที่เดิมอย่างสงบ มุมปากของเขายังคงมีรอยยิ้มจาง เมื่อเห็นอวี้ชิงโหรวอาเจียนออกมา เขาก็ไม่แม้แต่ขมวดคิ้วเลย จุ๊ๆ สมกับที่เป็นท่านเสนาบดีจริง ๆ
“ชิงโหรว ชิงโหรว เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” เฉินจีซินได้สติหลังจากตกใจมาก เมื่อนางเห็นอวี้ชิงโหรวเป็นเช่นนี้ก็รีบปล่อยลูกกรงทันที
อวี้ชิงโหรวนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยายามระงับความรู้สึกทรมาน
นางจ้องมองหลีจื่อฟานด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ปรากฏว่าเขาไม่เคยมีความรู้สึกรักใคร่นางเลย อีกทั้งคนที่เขาชอบกลับกลายเป็นอวี้ชิงลั่ว ปรากฏว่าทุกอย่างที่ทำให้นางมีความสุขในช่วงสองปีที่ผ่านมานั้น ต้องขอบคุณอวี้ชิงลั่ว
ฮ่าฮ่า ควรจะต้องขอบคุณนาง ควรจะต้องขอบคุณนางจริง ๆ
อวี้ชิงลั่ว สตรีผู้นั้นมีดีอะไร? นางเป็นเพียงดอกไม้ปลิดปลิวและต้นหลิวเหี่ยวเฉา เป็นหญิงที่แปดเปื้อนมลทิน ทว่าเหตุใดถึงมีบุรุษดี ๆ มากมายมาชอบนาง? พวกเขาทุกคนตาบอดหรือ? ตาบอดกันหมดหรือไร?
“ฮ่า ๆ ฮ่า ๆๆ ไม่น่าแปลกใจ ไม่น่าแปลกใจเลยที่ความคิดของท่านเปลี่ยนไปหลังจากที่อวี้ชิงลั่วกลับมา ฮ่า ๆๆๆๆ ท่านคงรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อหกปีที่แล้ว ฮ่า ๆๆ…”
เฉินจีซินตื่นตระหนก “ชิงโหรว หยุดหัวเราะ หยุดหัวเราะได้แล้ว”
เป็นบ้า ชิงโหรวดูเหมือนจะเป็นบ้าไปแล้ว เฉินจีซินกลัวมากว่านางกำลังจะเป็นบ้า นางคุกเข่าลงตรงหน้าหลีจื่อฟาน “ท่านเสนาบดี ท่านเสนาบดี มันเป็นความผิดของข้า ทุกอย่างเป็นความผิดของข้าทั้งหมด ท่านต้องหยุดยั่วยุชิงโหรว นางชอบท่านมากจริง ๆ”
จินหลิวหลีขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เพราะว่านางชอบเขามาก ดังนั้นหลีจื่อฟานจึงเป็นอาวุธที่ใช้โจมตีนางได้ดีที่สุด
จุ๊ๆ อวี้ชิงโหรวสมควรรับกรรมแล้ว
อวี้ชิงลั่วได้เตือนนางเป็นครั้งสุดท้ายแล้วว่าจะดีกว่าหากนางรักษาตัวเองให้ปลอดภัย และนางจะไม่สนใจว่าเมื่อหกปีที่แล้วเกิดอะไรขึ้น
แต่แม่ลูกคู่นี้ก็ยังยืนกรานที่จะทำเรื่องชั่วร้าย พวกนางร่วมมือกับคนอื่น ๆ เพื่อสร้างหลุมพราง เพราะต้องการทำร้ายนางและองค์ชายสาม และบังคับอวี้ชิงลั่วอย่างไร้ความปรานี
สมควร สมควรแล้วจริง ๆ ก่อกรรมทำเข็ญไว้ย่อมไม่อาจหนีพ้น
หลีจื่อฟานมองเฉินจีซินด้วยสายตาเย็นชา แล้วพูดเสียงเรียบเฉย “ฮูหยินอวี้ สิ่งที่คุณหนูรองเป็นในวันนี้เป็นผลมาจากการหว่านเมล็ดพันธุ์ชั่วร้ายของเจ้าเอง และอย่าได้คาดหวังให้ใครมาช่วยเจ้า ไม่ว่าใครจะอยู่เบื้องหลังผู้บัญชาการเว่ย พวกเจ้าก็เป็นเพียงคนที่ถูกคนผู้นั้นทอดทิ้งแล้วเท่านั้น”
หลังจากพูดจบ เขาก็ไม่มองอวี้ชิงโหรวและเฉินจีซินอีกเลย และหันหลังเดินออกจากห้องขังที่มีกลิ่นเหม็น
ประตูด้านนอกเปิดออกและปิดลง หลังจากที่แสงสว่างวาบหายไป ร่างของหลีจื่อฟานก็หายไปจากประตู
จินหลิวหลีละสายตาหันกลับมามองอวี้ชิงโหรวอีกครั้ง
ราวกับว่าหลีจื่อฟานยังไม่ได้จากไป อวี้ชิงโหรวยังคงสติแตกและยังคงหัวเราะอยู่เหมือนเดิม นางแสดงท่าทางราวกับคนสติวิปลาส ไม่ว่าเฉินจีซินจะพูดอะไร นางก็ไม่ได้ยิน
จินหลิวหลีเผลอเลิกคิ้วขึ้น อวี้ชิงโหรวคนนี้ดูเหมือนจะชอบหลีจื่อฟานจริงๆ ไม่เช่นนั้นนางคงไม่อาการหนักถึงเพียงนี้
เดิมทีนางคิดว่าสตรีผู้นี้เพิ่งจะเห็นคุณค่าเสนาบดีฝั่งขวา เพราะสถานะและอำนาจของเขา แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เป็นเช่นนั้น
“ปรากฏว่าทุกอย่างเป็นเพราะข้าปลอบใจตัวเองเสมอมา ข้าด้อยกว่าอวี้ชิงลั่วมาโดยตลอด และข้าไม่เคยดีไปกว่านางเลย สตรีผู้นั้น สตรีผู้นั้นมีอะไรดี นางมีอะไรดี?”
เสียงของอวี้ชิงโหรวสั่นเครือเล็กน้อย ในขณะที่นางพูด นางก็เอามือทุบกับพื้นอย่างแรงไปด้วย
“กรี๊ด…” เฉินจีซินกรีดร้องและรีบกวักมือเรียกผู้คุม
ผู้คุมหญิงที่เฝ้าอยู่ข้างนอกเห็นเหตุการณ์แล้ว แต่กลับเดินออกไปด้วยสีหน้าเฉยเมย ปล่อยให้อวี้ชิงโหรวบ้าคลั่งและทำร้ายตัวเองต่อไป
จินหลิวหลีเอนตัวพิงกำแพงข้างนางและหลับตาลงเงียบ ๆ
อวี้ชิงโหรวร้องไห้อยู่ครู่ใหญ่ บางทีอาจเป็นเพราะเหนื่อยกับการคร่ำครวญ หรืออาจเป็นเพราะคิดบางอย่างออก นางจ้องเขม็งไปด้านหน้า และเอ่ยวาจารุนแรงออกมา “ดี ดี ท่านปฏิบัติต่อข้าเช่นนี้จริง ๆ ในอนาคตข้าจะเอาคืนร้อยเท่าแน่นอน”
จินหลิวหลียกยิ้มมุมปากด้วยความเย้ยหยัน ในอนาคตหรือ? อวี้ชิงโหรวมองโลกในแง่ดีเกินไปแล้ว นางคิดว่าตัวเองยังมีอนาคตอีกหรือ?
พวกนางไม่เข้าใจคำพูดที่หลีจื่อฟานพูดก่อนจะจากไปหรือ?
จินหลิวหลีเอนตัวพิงกำแพงพลางแค่นเสียงเยาะ และเฝ้ารอตัวบงการที่อาจจะมาในตอนกลางคืน
แต่แล้วนางก็ต้องผิดหวัง ค่ำคืนนี้สงบเรียบร้อยดี และนักฆ่าก็ไม่ได้มาปรากฏกาย
จินหลิวหลีรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่นักฆ่าไม่มา แสดงว่านางต้องอยู่ที่นี่ต่ออีกคืน
นางหงุดหงิดมาก ดังนั้นเมื่อหงเย่ปลอมตัวนำอาหารมาให้ นางจึงระบายความคับข้องใจทั้งหมดของนางให้หงเย่ฟัง เพราะหวังว่าจะต้องได้รับค่าตอบแทนจากอวี้ชิงลั่ว
………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ใจสลายแล้วชิงโหรว รักมาตั้งนาน แต่เขากลับบอกว่าที่ทำดีด้วยมาตลอดเพราะเห็นแก่ชิงลั่ว ไม่แปลกที่จะเป็นบ้า
ไหหม่า(海馬)