อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 499 ทัศนคติของอวี้ชิงลั่วมีปัญหา
ตอนที่ 499 ทัศนคติของอวี้ชิงลั่วมีปัญหา
ตอนที่ 499 ทัศนคติของอวี้ชิงลั่วมีปัญหา
เย่ซิวตู๋ขมวดคิ้ว และต้องการพาเย่ฮ่าวหรานไปคุยที่อื่น
แต่ใครบางคนที่เพิ่งเดินเข้าประตูมาจ้องไปยังชิวหลานทันที แล้วพูดขณะมองนางว่า “เอ๊ะ เอ๊ะ เหมือนว่าข้าจะเคยเจอเจ้าที่ใดสักแห่ง เจ้าไม่ใช่หญิงรับใช้ในจวนนี้ใช่หรือไม่?”
“หม่อมฉัน หม่อมฉันเป็นหญิงรับใช้ของจวนอวี้เพคะ” ชิวหลานปาดน้ำตาแล้วตอบอย่างสุภาพทันที แต่แววตาของนางเป็นประกายเจิดจ้า
องค์ชายแปดห่วงใยนาง แน่นอนว่าการคุกเข่ากลางห้องโถงนี้เป็นประโยชน์กับนางมากที่สุด
ชิวหลานเคยได้ยินมานานแล้วว่า องค์ชายแปดแห่งอาณาจักรเฟิงชางเป็นคนช่างเจรจามากที่สุด เป็นคนไม่หยิ่งผยองและชอบต่อสู้กับความอยุติธรรม ตอนนี้เขาเห็นแล้วว่านางต้องมาคุกเข่าอยู่ที่นี่โดยไม่มีเหตุผล ดูสิว่าอวี้ชิงลั่วจะได้รับผลอย่างไรบ้าง
จวนอวี้หรือ? เย่ฮ่าวหรานขมวดคิ้วและคิดหนัก
จากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็นึกขึ้นได้ว่าสตรีผู้นี้ น่าจะเป็นคนเดียวกับที่เขาและหลีเอ๋อร์เห็นว่าซ่อนตัวอยู่ในโรงเก็บฟืนที่จวนอวี้ครั้งล่าสุด ตอนนั้นดูเหมือนว่านางจะมาเพื่อจับอวี้เป่าเอ๋อร์ นางเป็นคนของเฉินจีซินและลูกสาวที่ชั่วร้ายใช่หรือไม่? แล้วเหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่?
อีกทั้งยัง ยังคุกเข่าอยู่ตรงนี้…
เย่ฮ่าวหรานจับคางครุ่นคิดขณะจ้องมองชิวหลานนานกว่าเดิม
ชิวหลานขมวดคิ้วเล็กน้อยและยังคงมีน้ำตาไหลพราก สีหน้าและแววตาเศร้าสร้อยเช่นนั้น ยิ่งทำให้ดูน่าสงสารและน่าเห็นใจมากกว่าเดิม
เย่ซิวตู๋เริ่มหมดความอดทนมากขึ้นเรื่อย ๆ ในเมื่อไม่ใช่สาวใช้ในวังที่รังแกชิงเอ๋อร์ ดังนั้นไม่ว่านางจะเป็นหรือตายเขาก็ไม่ได้สนใจ
“เจ้าแปด คือว่า…”
เย่ซิวตู๋ต้องการให้เขาไปที่ห้องอ่านหนังสือ ทว่าเย่ฮ่าวหรานกลับก้าวเข้าไปสองสามก้าว แล้วทรุดตัวลงนั่งยอง ๆ อยู่ข้างหน้านางด้วยความค้างคาใจ และถามนางว่า “เนื่องจากเจ้าเป็นสาวใช้ของจวนอวี้ แล้วเหตุใดจึงมาคุกเข่าที่นี่? เจ้ารู้หรือไม่ว่าที่นี่คือที่ไหน? ที่นี่คือที่ที่ท่านอ๋องใช้ต้อนรับแขก ไม่ใช่ที่สำหรับสาวใช้เช่นเจ้า”
นั่นคือคำพูดที่ชิวหลานกำลังรออยู่ไม่ใช่หรือ? นางเม้มปากและเหลือบมองเย่ฮ่าวหรานอย่างประหม่า เสียงของนางเบาราวกับเสียงยุง “หม่อมฉัน หม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจเพคะ หม่อมฉันแค่ แค่…”
นางลังเล สีหน้าของนางเศร้ามากขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเย่ฮ่าวหราน แล้วเชิดคางขึ้นขณะหันไปทางเย่ซิวตู๋ แล้วนางก็ก้มหน้าลงปฏิเสธที่จะพูด
เย่ซิวตู๋กำลังจะหมดความอดทน แต่ในขณะที่เขากำลังจะพูด เย่ฮ่าวหรานก็โบกมือเบา ๆ ไปทางด้านหลังของเขา ราวกับจะบอกให้เขาเงียบ
เย่ซิวตู๋หรี่ตาลงแล้วสูดลมหายใจอย่างเย็นชา แต่ไม่ได้พูดขัดจังหวะ เขาถอยออกไปสองก้าว แล้วมองดูทั้งสองที่กำลังนั่งยองและคุกเข่าอยู่
เย่ฮ่าวหรานมองชิวหลานด้วยสายตาเห็นอกเห็นใจ และพูดกับนางเบา ๆ ว่า “อย่ากลัว หากเจ้ามีอะไรก็บอกข้ามา แม้ว่าที่นี่จะไม่ใช่ตำหนักอ๋องแปดของข้า แต่ก็ไม่เป็นอะไรที่จะช่วยสตรีผู้หนึ่ง เจ้าบอกมาเถิดว่าอะไรทำให้เจ้าต้องทนทุกข์ทรมานเช่นนี้?”
“หม่อมฉัน หม่อมฉันไม่กล้าเผยความคับข้องใจเพคะ”
“ดู ดูสิ นี่ยังไม่ใช่ความคับข้องใจอีกหรือ?” เย่ฮ่าวหรานมีความอดทนในการถามอย่างยิ่ง ราวกับว่าเขาเป็นพวกค้ามนุษย์ที่หลอกล่อเด็กด้วยขนม
หัวใจของชิวหลานยิ่งมีความหวังมากขึ้น นางชำเลืองมองเย่ซิวตู๋เงียบ ๆ และอดไม่ได้ที่จะรู้สึกดีใจเล็กน้อย ท่านอ๋องซิวผู้นี้หล่อเหลาและไม่ธรรมดาจริง ๆ ในอดีตนางทำได้เพียงแอบมองเขาจากระยะไกลเท่านั้น แต่ตอนนี้นางอยู่ใกล้เขามากแล้ว นางรู้สึกว่าหัวใจของนางกำลังเต้นรัวราวกับว่ากำลังจะโผล่ออกมา
หากวันหนึ่งนางกลายเป็นสตรีของเขาจริง ๆ มันจะวิเศษเพียงใด นางไม่ขออะไรมาก แม้จะได้เป็นเพียงแค่นางสนมหรือพระชายารอง นางก็มีความสุขแล้ว
เย่ฮ่าวหรานลอบพูดในใจ แม้จะรู้ว่าพี่ห้ายืนอยู่ตรงนั้นด้วย แต่ก็ไม่ค่อยรู้สึกถึงการมีเขาอยู่มากเท่าใดนัก แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่รู้สึกเลยว่าเขาอยู่ด้วย แม้ว่าเขาเองก็พอจะมองความคิดของสตรีผู้นี้ออกก็ตาม
เฮ้อ ไม่น่าแปลกใจเลยที่นางต้องมาคุกเข่าอยู่ตรงนี้ มันต้องเป็นฝีมือของอวี้ชิงลั่วแน่นอน
“มาเถอะ ไม่ต้องกลัว แค่พูดออกมา เราอยู่ตรงนี้ และท่านอ๋องซิวก็อยู่ที่นี่ด้วย ไม่มีใครสามารถรังแกเจ้าได้”
ชิวหลานตั้งสติ และพยายามระงับหัวใจที่เต้นตึกตักของนางอย่างสุดความสามารถ ก่อนจะมองเย่ฮ่าวหรานด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย และพูดเสียงเบาว่า “ไม่ ไม่มีใครรังแกหม่อมฉันหรอกเพคะ แค่องค์หญิงตรัสว่าใครก็ตามที่ต้องการเข้ามาทำงานในตำหนักท่านอ๋องซิว จะต้องคุกเข่าตรงนี้เป็นเวลาสองวันสองคืนก่อนแล้วค่อยคุยกันทีหลังเพคะ”
เอ๊ะ บอกชัดเจนว่าไม่ได้ถูกรังแก แต่บอกว่าถูกสั่งให้คุกเข่าอยู่สองวันสองคืน แล้วค่อยมา ‘คุยกันอีกครั้ง’ นี่ยังไม่ได้หมายความว่าอวี้ชิงลั่วกำลังกลั่นแกล้งคนอื่นอยู่อีกหรือ?
เย่ฮ่าวหรานลอบยิ้มในใจ แต่กลับแสดงสีหน้าเคร่งขรึมและโศกเศร้า เม้มปากราวกับไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง
“หม่อมฉัน หม่อมฉันคือคนที่เปิดโปงแผนการสมรู้ร่วมคิดของฮูหยินอวี้และคุณหนูรอง พาองค์หญิงไปค้นหาหลักฐาน และไปที่จวนผู้ตรวจการเมืองหลวงเพื่อเป็นพยานให้ บัดนี้นี้ฮูหยินอวี้และคุณหนูรองเกลียดชังบ่าวไปแล้ว ใบหน้าและศีรษะของหม่อมฉันก็เต็มไปด้วยบาดแผล ดังนั้นหม่อมฉันจึงไม่อาจกลับไปที่จวนอวี้ได้ ก่อนหน้านี้องค์หญิงเคยสัญญากับหม่อมฉันต่อหน้าองค์ชายสาม ว่าจะให้หม่อมฉันออกจากจวนอวี้เพคะ”
โอ้ นางกำลังบอกว่าอวี้ชิงลั่วเป็นคนเนรคุณและโหดเหี้ยม พอข้ามแม่น้ำได้ก็รื้อสะพานทิ้งและไม่รักษาสัญญา อวี้ชิงลั่วช่างไร้ยางอายยิ่งนัก
“หม่อมฉันออกจากจวนอวี้แล้วก็ไม่มีที่ไป ดังนั้นหม่อมฉันจึงมาขอความเมตตาขององค์หญิง เพื่อให้หม่อมฉันได้ทำงานในจวนแห่งนี้ หม่อมฉันภักดีต่อองค์หญิงจริง ๆ เพคะ ท่านอ๋อง ท่านอ๋องแปด โปรดเชื่อหม่อมฉันเถิดเพคะ”
เย่ซิวตู๋นั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ด้านข้าง ขณะฟังการสนทนาของทั้งสอง
เย่ฮ่าวหรานแสดงท่าทางเห็นใจในทันที “โอ้ ข้าเข้าใจแล้ว”
เขาพูดแล้วลุกขึ้นยืน ก่อนจะตบโต๊ะอย่างแรง แล้วพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา “เอาล่ะ อวี้ชิงลั่วทำผิดจริง ๆ นางยังไม่ได้เป็นพระชายาของตำหนักอ๋องซิว แต่กล้าสั่งให้คนคุกเข่าเป็นเวลาสองวันสองคืนในห้องโถงของตำหนักอ๋องซิว จุ๊ ๆ เราเห็นนางอ่อนโยนอยู่เสมอ คาดไม่ถึงเลยว่านางจะโหดร้ายถึงเพียงนี้ เราไม่เคยได้ยินว่ามีใครสั่งให้คนที่จะมาเป็นคนรับใช้คุกเข่าสองวันสองคืนมาก่อน”
“ท่านอ๋องแปด ไม่นะเพคะ องค์หญิงไม่ได้…” ชิวหลานแสร้งทำเป็นพูดราวกับว่านางต้องการปกป้องอวี้ชิงลั่ว แต่ทุกครั้งที่นางจะพูดอะไรออกมา ก็จะถูกเย่ฮ่าวหรานขัดจังหวะจนไม่ได้พูดสักที
แต่นางอดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้เล็กน้อย การทำให้ท่านอ๋องแปดโกรธนั้นดีที่สุด เพราะจะทำให้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของอวี้ชิงลั่ว
“ฮึ่ม ไม่ต้องพูดแทนนางเลย เรารู้จักนางมานานแล้ว และคิดว่าทัศนคติของนางกำลังมีปัญหา”
“เอ๊ะ? เช่นนั้นก็ต้องขอให้ท่านอ๋องแปดอธิบายทัศนคติของข้ามา… ส่วนไหนที่ว่ามีปัญหา ท่านอ๋องแปดไม่พอใจตรงไหนหรือ?” เสียงใสดังมาจากนอกประตู ก่อนจะผลักประตูห้องโถงเดินเข้ามาด้วยท่าทางเย็นชาและโกรธเกรี้ยว
เย่ซิวตู๋เผยรอยยิ้มเล็กน้อย ขณะมองเย่ฮ่าวหรานที่มีท่าทางหวาดกลัวหายนะที่กำลังใกล้เข้ามา
………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เลือกข้างผิดชีวิตเปลี่ยนนะท่านอ๋องแปด ท่านอ๋องซิวคือแกงน้องตัวเองแล้วหนึ่ง
ไหหม่า(海馬)