อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 5 ลูกชายของนางล่ะ
ตอนที่ 5 ลูกชายของนางล่ะ?
ถนนหนทางเป็นหลุมเป็นบ่อตลอดทาง ทว่าหนานหนานกลับนอนไม่รู้สึกตัว
จนกระทั่งตอนที่ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เขาก็พบว่าตนเองนอนอยู่ในห้องอันแสนเย็นเฉียบห้องหนึ่ง รอบตัวไม่มีใครแม้แต่คนเดียว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงบุรุษชุดขาวผู้นั้น
หนานหนานลุกขึ้นมาและแหวกผ้าห่มออกดู พบว่าเสื้อผ้าบนร่างของตนเองยังอยู่ครบ จึงตบอกผางเบา ๆ และถอนหายใจออกมาพลางเอ่ยพึมพำ “ค่อยยังชั่ว ๆ ยังรักษาความบริสุทธิ์ไว้ได้ ไม่เช่นนั้นคงไม่มีหน้าไปเจอผู้อาวุโสแน่”
“พรืด…” จู่ ๆ ด้านนอกหน้าต่างก็เกิดเสียงหัวเราะที่มิอาจควบคุมได้ดังขึ้น
หนานหนานอึ้งงันไป เขารีบพลิกตัวกลับไปนอนบนเตียงอีกครั้งโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง และใช้ผ้าห่มห่อตัวเองไว้อย่างดี หลับตาบ่นพึมพำ “ข้าหลับแล้ว”
คนที่อยู่ด้านนอกถึงกับชะงัก จากนั้นก็พลิกตัวเข้ามาจากขอบหน้าต่าง เข้ามายืนในห้องอย่างมั่นคง
เขามองดูก้อนกลม ๆ ที่อยู่บนเตียงด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มที่มุมปากกลับโค้งขึ้นเรื่อย ๆ พลางสืบเท้าเดินมาข้างเตียงทีละก้าว “เจ้าคือเด็กน้อยคนนั้นที่โม่เสียนพากลับมาสินะ?”
หนานหนานข่มตาหลับ ไม่พูดไม่จาอะไรทั้งสิ้น
ท่านแม่บอกไว้ว่า เมื่ออยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยต้องตรวจสอบสถานการณ์ ต้องทำความเข้าใจกับสภาพแวดล้อมที่นี่ให้ชัดเจนเสียก่อนแล้วค่อยเคลื่อนไหว อย่าได้พูดคุยกับคนแปลกหน้าตามใจชอบ
อันที่จริงแล้ว เขาคิดว่าเป็นเพราะเขาเป็นคนหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูและทำให้คนใจเต้นแรงมากเกินไปต่างหาก จึงทำให้คนเลวคิดอยากลักพาตัวเขาไปขาย
ดังนั้นตอนนี้…ต้องแกล้งตาย ต้องแกล้งตาย
บุรุษเห็นเขายังคงนอนนิ่งไม่ไหวติง ก็ยิ่งรู้สึกสนใจมากยิ่งขึ้น เขาก้าวเท้าเดินมาด้านหน้าอีกสองสามก้าว และนั่งลงบนขอบเตียงที่หนานหนานนอนอยู่ กล่าวต่อด้วยรอยยิ้ม “นี่ เจ้าหนู หิวหรือไม่? อยากกินอะไรสักหน่อยไหม?”
หนานหนานหลับตาปี๋ ทว่าขนตาที่ทั้งยาวและดกดำกลับกระตุกวูบโดยเฉพาะเมื่อได้ยินเรื่องกิน ลูกกระเดือกเล็ก ๆ พลันขยับอย่างห้ามไม่อยู่ อีกทั้งน้ำลายก็เริ่มสอ
“เจ้าหนู เจ้าชื่ออะไร? ข้าได้ยินมาว่าพิษที่อยู่บนตัวของโม่เสียนเป็นผลงานของเจ้าหรือ? อยู่ดี ๆ เหตุใดถึงวางยาโม่เสียนได้ เขาทำให้เจ้าขุ่นเคืองหรือ?”
หนานหนานรับฟังสิ่งที่อีกฝ่ายพูดไม่ชัดเจนนัก เขาคิดแค่ว่าอยากกินข้าว อยากกินข้าว อยากกินข้าว
“เจ้าหนู ตอนนี้เจ้าอยู่ในอาณาเขตของพวกเรา ที่กินและที่อยู่ก็เป็นของพวกเราทั้งหมด นี่ พี่ชายจะบอกเจ้าด้วยความหวังดีนะ หากเจ้าสามารถถอนพิษที่อยู่ในตัวของโม่เสียนได้ พี่ชายจะพาเจ้าไปกินข้าวดีหรือไม่?”
ดีสิ ดีสิ ดีสิ ดวงตาของหนานหนานเริ่มปิดไม่อยู่แล้ว ภายในใจเริ่มตะโกนส่งเสียงโห่ร้อง จนแทบอยากจะพุ่งตัวไปจับบุรุษที่กำลังพูดอยู่แบบไม่ปล่อย
“เจ้าหนู อาหารของเราทางนี้อร่อยมากเลยนะ โดยเฉพาะไก่ทอดกรอบ ๆ ทุกคนต่างก็ชมกันไม่ขาดปาก รับรองว่าเจ้า…”
คำพูดของบุรุษผู้นี้ยังกล่าวไม่ทันจบ จู่ ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นจากด้านนอก เสียงของเขาชะงักไปครู่หนึ่ง และตะโกนถามคนที่อยู่ด้านนอก “มีอะไร?”
“ท่านเสิ่น นายท่านเรียกขอรับ”
“…” บุรุษผู้นี้ชะงักไปเล็กน้อย เขาเบนสายตามาทางหนานหนานที่นอนอยู่บนเตียง ผ่านไปครู่หนึ่งจึงลุกขึ้นแล้วพูดว่า “ข้ารู้แล้ว ไปเถอะ”
กล่าวจบ เขาก็ไม่ได้พูดอะไรกับหนานหนานอีก และสะบัดชายเสื้อเดินออกนอกประตูไป
จนกระทั่งเสียงประตูถูกเปิดและปิดลง กับเสียงฝีเท้าของคนที่เดินนำและเดินตามด้านนอกประตูห่างออกไป หนานหนานจึงลุกขึ้นมานั่งด้วยท่าทางมึนงง ท่านเสิ่นอะไรนั่นเหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ไปได้? เขากำลังจะตกปากรับคำอยู่แล้วเชียว เหตุไฉนถึงจากไปเสียดื้อ ๆ โดยไม่กล่าวอะไรทิ้งท้ายไว้เลย?
อย่างน้อย ๆ…อย่างน้อย ๆ ก็ควรจะบอกเขาสิ ว่าไก่ทอดกรอบ ๆ อะไรนั่นอยู่ที่ใดกันแน่ ดูน้ำลายของเขาสิ
หนานหนานออกแรงเช็ดปาก เขาเลิกผ้าห่มออกจากตัว หันไปมองกระเป๋าของตัวเองที่วางอยู่ข้างเตียง จึงหยิบมาแบกไว้โดยไม่ต้องคิด
ช่างเถอะ ท่านแม่บอกว่าคนเราต้องพึ่งลำแข้งตนเอง ออกไปหาไก่ทอดกรอบ ๆ เองก็ได้
หนานหนานเปิดประตูห้องชะโงกหน้าสำรวจ เมื่อเห็นว่าด้านนอกประตูไม่มีใคร คิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากันด้วยความประหลาดใจ สถานที่แห่งนี้…อืม ให้ความรู้สึกลึกลับมาก ถูกต้อง ดูลึกลับมาก ไม่รู้ว่านายท่านอะไรนั่นที่พวกเขาพูดถึงเป็นใคร หากท่านแม่…
หนานหนานชะงักฝีเท้าอย่างฉับพลัน ถูกต้อง เขาลืมท่านแม่ไปเสียสนิทเลย
จบสิ้นแล้ว ตอนนี้ท่านแม่ต้องตามหาเขาอยู่เป็นแน่ เขาต้องรีบกลับไปให้เร็วที่สุด…
แต่ว่า… จะทำเช่นไรกับไก่ทอดกรอบ ๆ หอม ๆ กันเล่า?
ท่านแม่? ไก่ทอดกรอบ ๆ หอม ๆ? ท่านแม่? ไก่ทอดกรอบ ๆ หอม ๆ? สรุปแล้วสิ่งใดสำคัญกว่ากันล่ะ?
หนานหนานถอนหายใจ เริ่มย่อตัวลงนั่งยองด้วยใบหน้าบูดบึ้ง ภายในใจยังตัดสินใจไม่ได้ จนกระทั่งได้กลิ่นหอมจาง ๆ ลอยมาเตะที่ปลายจมูกของเขาอย่างช้า ๆ ดวงตาของเขาพลันเป็นประกายขึ้นทันใด ท่านแม่อะไรกัน ไก่ทอดกรอบ ๆ หอม ๆ อะไรกัน ทั้งหมดถูกเขาโยนทิ้งไว้ข้างหลังแล้ว เขาสูดหายใจเข้า และเดินตามกลิ่นนั้นไปโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
ส่วนคนที่ถูกเขาโยนทิ้งไว้ด้านหลังในตอนนี้ยังคงซ่อนอยู่หลังฉากกั้นภายในห้องของอวี๋จั้วหลิน นางแอบฟังบทสนทนาของเขาและลูกสมุนอย่างเงียบ ๆ
สมองค่อย ๆ เกิดข้อสังเกตบางอย่าง จนกระทั่งท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้ม อวี๋จั้วหลินจึงลุกขึ้นและเดินออกจากห้องไปพร้อมกับลูกสมุน ดูเหมือนจะออกไปกินอาหารค่ำแล้ว
อวี้ชิงลั่วหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนย่องเบาออกจากห้องพัก และเร่งฝีเท้าลงไปด้านล่าง
ชั้นล่างของโรงเตี๊ยมเทียนหม่านมีผู้คนมากมาย ทั้งโรงเตี๊ยมแทบจะเต็มไปด้วยผู้คน
สายตาของนางกวาดมองลงไปข้างล่าง เมื่อไม่เห็นอวี๋จั้วหลินและลูกสมุน ก็ตระหนักได้ว่าเขาไม่ได้ตัดสินใจจะอยู่กินข้าวที่นี่ นางจึงเร่งฝีเท้าออกนอกประตูใหญ่อย่างรวดเร็ว และมองไปบนท้องถนน
เป็นอย่างที่คาดไว้ ผ่านไปได้ไม่นาน ก็พบเงาที่คุ้นตาสองเงานั้น
อวี้ชิงลั่วอยู่ที่เจียงเฉิงแห่งนี้มาครึ่งเดือนแล้ว ย่อมคุ้นชินกับถนนและตรอกซอยมากกว่าอวี๋จั้วหลินอยู่มาก ร่างของนางหายวับไป และเร่งฝีเท้าเข้าไปในตรอกเส้นหนึ่ง ใช้ทางลัดเพื่อเดินไปสกัดด้านหน้าของอวี๋จั้วหลิน
เมื่อเห็นว่าตนเองอยู่ห่างจากทั้งสองคนประมาณยี่สิบถึงสามสิบหมี่[1] อวี้ชิงลั่วจึงย่อตัวลงอย่างรวดเร็ว นางโยนเหรียญทองแดงสองสามเหรียญลงไปในถ้วยของขอทานที่นั่งอยู่มุมกำแพง พลางกล่าวเคล้ารอยยิ้ม “ช่วยข้าหน่อย”
ขอทานเห็นเงิน ดวงตาจึงเป็นประกายขึ้นมาและเอ่ยกระซิบ “คุณหนูเชิญว่ามาเถิด”
“อีกประเดี๋ยวหากสองคนนั้นเดินเข้ามาใกล้แล้ว เจ้าช่วยบอกข้อมูลเขาหน่อย บอกว่าหลังจากนี้อีกห้าวัน หมอปีศาจจะไปรักษาคนป่วยในโรงเตี๊ยมฝูหลงอยู่ทางชานเมืองทิศใต้ของเจียงเฉิง จำกัดแค่ห้าสิบคนเท่านั้น มาก่อนได้ก่อน”
อวี๋จั้วหลินต้องการตามหานางไม่ใช่เหรอ? หลังจากนี้อีกสองวันหากหานางไม่เจอก็จะกลับไม่ใช่หรืออย่างไร?
ในเมื่อเป็นแบบนั้น นางก็ยื้อเวลาให้เขาอยู่นานอีกสักหน่อย ดูซิว่าเขาจะมีความอดทนหรือไม่
ขอทานมองไปตามนิ้วของนาง เมื่อเห็นว่าไม่เหมือนกับคนของเจียงเฉิง เขาก็พลันหัวเราะหึ ๆ และออกแรงพยักหน้า “ได้ ๆ คุณหนูอย่าได้กังวล ข้าจะจัดการให้อย่างเหมาะสมแน่นอน”
อวี้ชิงลั่วพยักหน้ายิ้มตาหยี นางลุกขึ้นยืนและหันไปมองทั้งสองคนนั้นปราดหนึ่ง ก่อนหมุนกายเดินออกจากที่นี่อย่างมีความสุขเพื่อกลับไปที่โรงเตี๊ยมที่บุตรชายรออยู่
ตอนที่นางเพิ่งก้าวเท้าเข้ามาด้านใน ก็พบว่าโรงเตี๊ยมที่วุ่นวายก่อนหน้านี้บัดนี้ได้เงียบสงบลงแล้ว ภายในร้านไม่มีลูกค้าแม้แต่คนเดียว เหลือแค่เถ้าแก่และลูกจ้างที่กำลังเก็บเก้าอี้
อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว ภายในใจเริ่มเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีลอยเข้ามา นางแหงนหน้ามองไปที่คานบ้าน แต่กลับไม่เห็นร่างของบุตรชายแล้ว?
ฉิบหาย…แล้วลูกชายของนางล่ะ?
…………………………
[1] หมี่ (米) หน่วยวัด เมตร
สารจากผู้แปล
หนานหนานเด็กตะกละเอ๊ย เห็นไก่ทอดดีกว่าแม่เหรอ เกิดโดนคนค้ามนุษย์เอาอาหารมาล่อล่ะจะทำยังไง
หม่าม้าต้องเอาไก่มาล่อค่ะลูกถึงจะยอมกลับ
ไหหม่า (海馬)