อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 500 ไม่ได้รอเย่ซิวตู๋มาคนเดียว
ตอนที่ 500 ไม่ได้รอเย่ซิวตู๋มาคนเดียว
ตอนที่ 500 ไม่ได้รอเย่ซิวตู๋มาคนเดียว
เย่ฮ่าวหรานตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันขวับไปมองเย่ซิวตู๋
ให้ตายเถอะ เขาก็นึกอยู่ว่าเหตุใดจู่ ๆ พี่ห้าก็ดูเปลี่ยนไป พี่ห้าได้ยินเขาตำหนิอวี้ชิงลั่วเมื่อสักครู่นี้ แต่กลับไม่ตอบสนอง เขาจึงแปลกใจที่จู่ ๆ พี่ห้าก็ทนฟังคำพูดเหลวไหลของเขาได้
ให้ตายเถอะ พี่ห้ารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าอวี้ชิงลั่วกำลังมา แต่กลับไม่ได้เตือนเขาด้วยซ้ำ
เขา ไม่ ได้ เตือน ข้า เลย ด้วย ซ้ำ
พวกเขาเป็นพี่น้องกันนะ
เย่ฮ่าวหรานอยากจะหลั่งน้ำตา และเมื่อเขาหันไปมองอีกครั้งก็เห็นอวี้ชิงลั่ว เดินนำแม่นมเซียวเข้าประตูมาด้วยท่าทางเย็นชา และกำลังเดินมาหาเขาอย่างแช่มช้า
เย่ฮ่าวหรานกลืนน้ำลาย และก้าวถอยหลังเล็กน้อย
อวี้ชิงลั่วถามเขาด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านอ๋องแปด ท่านคิดว่าทัศนคติของข้าผิดอย่างไร?”
นัยน์ตาของชิวหลานอดฉายแสงเย็นไม่ได้ นางมาถูกเวลา ใช่แล้ว หากอวี้ชิงลั่วได้ยินถ้อยคำเหล่านั้นแล้วยังไม่อารมณ์เสียก็แปลกแล้ว
ฮ่าๆ ก่อนหน้านี้ ทุกครั้งที่เฉินจีซินและอวี้ชิงโหรวได้ยินใครบางคนพูดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับพวกนางต่อหน้าใต้นายท่าน พวกนางก็จะเอะอะโวยวาย
แม้ว่านายท่านอวี้จะขี้ขลาด แต่ชิวหลานก็เห็นได้ชัดว่าบุรุษเกลียดปัญหาไร้สาระเช่นนี้มากที่สุด
ตราบใดที่อวี้ชิงลั่วอาละวาด ไม่ว่าจะเป็นท่านอ๋องแปดหรือท่านอ๋องซิวก็คงจะหมดความอดทนกับนาง
ซึ่งชิวหลานกำลังตั้งตารอช่วงเวลานั้น
เย่ฮ่าวหรานไม่ได้ทำตามความคาดหวังของนาง เขาพูดด้วยความเกรงใจ “เราเพียงรู้สึกว่าองค์หญิงจำเป็นต้องปรับทัศนคติจริง ๆ”
นิ้วของชิวหลานเริ่มกำแน่นอย่างตื่นเต้น
“ด้านใดที่ต้องปรับปรุง?” อวี้ชิงลั่วเหลือบมองชิวหลาน และมองเย่ฮ่าวหรานด้วยสายตาดุร้าย
นางนึกถึงยาที่แม่นมเซียวต้องการจะมอบให้หงเย่ แต่ทันทีที่ออกจากตำหนักก็ไม่คิดว่าจะได้ยินการสนทนาระหว่างแม่นมเซียวและสาวใช้ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่นางมาที่นี่เพื่อจะรับชมเหตุการณ์น่าตื่นเต้น แต่ใครจะรู้ว่านางจะมาได้ยินคำพูดของเย่ฮ่าวหรานที่พูดอย่างไม่เกรงกลัว
ชิวหลานอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย และคิดว่าองค์ชายแปดจะต้องตวาดใส่อวี้ชิงลั่วแน่
ทว่าต่อมาเย่ฮ่าวหรานก็หัวเราะ และพูดกับอวี้ชิงลั่วอย่างจริงใจว่า “เราคิดว่าทัศนคติขององค์หญิงนั้นยอดเยี่ยม การจะคัดเลือกหญิงรับใช้ในจวนนี้ หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเลือกคนที่อดทนต่อความทุกข์ยาก ทำงานหนักไม่ย่อท้อและจงรักภักดีต่อเจ้านาย ดังนั้นหากเจ้าไม่มีความขุ่นเคือง และเชื่อฟังคำสั่งของเจ้านายของเจ้า ก็จะสามารถสะท้อนให้เห็นคุณสมบัติอันสูงส่งที่สุดของคนรับใช้ได้ไม่ใช่หรือ?”
ชิวหลานตกตะลึง ท่านอ๋องแปด… ท่านกำลังพูดถึงเรื่องอะไร?
“เรารู้ดีว่าองค์หญิงสั่งให้คนคุกเข่าสองวันสองคืน มิใช่เพียงเพื่อทดสอบความสามารถของคนรับใช้เท่านั้น แต่ยังเป็นการทำเพื่อประโยชน์ของตำหนักอ๋องซิวในอนาคตอีกด้วย แต่เราคิดว่าองค์หญิงใจดีเกินไป แน่นอนว่าเรารู้ว่าองค์หญิงมีจิตใจดีจึงเมตตาหญิงรับใช้ แต่นี่เป็นเรื่องใหญ่มาก แล้วจะให้คุกเข่าเพียงสองวันสองคืนได้อย่างไร? อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาทดสอบเรื่องนี้สักสามวันสามคืนไม่ใช่หรือ? ทัศนคติเรื่องการคัดเลือกคนรับใช้ขององค์หญิงจึงยังต้องปรับปรุงอีก”
อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้วขึ้นขณะมองเขา พลางคิดว่า ‘แก้ตัวได้ดี’
จากนั้นนางก็มองไปยังชิวหลานที่สีหน้าแข็งทื่อด้วยความตกใจ และหัวเราะออกมา “สิ่งที่ท่านอ๋องแปดต้องการจะสื่อก็คือเราเพิ่งมาที่อาณาจักรเฟิงชางได้ไม่นาน จึงยังไม่ค่อยเข้าใจกฎเกณฑ์ของที่นี่ เนื่องจากมันเป็นคำแนะนำขององค์ชายแปด เราย่อมต้องเชื่อฟังอย่างนอบน้อม ชิวหลาน เจ้าได้ยินสิ่งที่ท่านอ๋องแปดตรัสหรือไม่? มันเป็นไปเพื่อประโยชน์ของตำหนัก แม้ว่าเจ้าจะเคยรับใช้เป่าเอ๋อร์มาก่อน แต่เราก็ไม่อาจลำเอียงได้ ฉะนั้นจากนี้ไป เจ้า จงคุกเข่าไปอีกสองวันสองคืน”
“องค์หญิง ข้า คือข้า…” ชิวหลานไม่อยากจะเชื่อ นางตกใจจนลืมเรียกแทนตัวเองว่า ‘หม่อมฉัน’
อวี้ชิงลั่วพ่นลมหายใจเบา ๆ “ทำไม่ได้หรือ? หากเจ้าทำไม่ได้ เจ้าสามารถบอกเราได้เลย”
“ท่านอ๋อง…” ชิวหลานเงยหน้าขึ้นมองเย่ฮ่าวหรานอย่างจริงจัง
คนข้างหลังนางมองขึ้นไปที่คานเหนือศีรษะ ราวกับว่าไม่ได้ยินเสียงของนาง
ชิวหลานขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน และฝากความหวังสุดท้ายของนางไว้ที่เย่ซิวตู๋ “ท่านอ๋อง เมื่อวานนี้หม่อมฉัน…”
“ชิงเอ๋อร์ คราวหน้าอย่าได้ทำเช่นนี้ที่นี่อีกเลย” เย่ซิวตู๋ไม่แม้แต่จะมองนาง ก่อนจะเดินไปข้างอวี้ชิงลั่วและยกมือขึ้นลูบผมที่ยุ่งเล็กน้อยของนาง ที่มุมปากของเขามีรอยยิ้มจาง “เจ้า คราวหน้าหากเจ้าต้องการทำการทดสอบในห้องโถง ก็บอกให้พ่อบ้านหยางมาบอกข้าก่อน แล้วข้าจะได้เชิญแขกไปคุยกันในห้องอ่านหนังสือแทน เพื่อจะได้ไม่ต้องรบกวนเจ้า”
ชิวหลานหายใจเข้าลึก เขา เขาคือ…ท่านอ๋องซิวจริงหรือ? เป็นท่านอ๋องซิวที่โหดเหี้ยม และบางครั้งก็ขัดขืนคำสั่งของฮ่องเต้จริงหรือ?
เขาจะเชื่อฟังอวี้ชิงลั่วเช่นนี้ได้อย่างไร? เขาจะยกโทษให้นางเช่นนี้ได้อย่างไร? เขายอมขายหน้าด้วยการเปลี่ยนที่รับแขกเป็นห้องอ่านหนังสือ เพราะเห็นแก่นางได้อย่างไร?
อวี้ชิงลั่วยิ้มน้อย ๆ ขณะมองสีหน้าประหม่าของเย่ซิวตู๋ และส่งเสียง “อืม” ออกมาเบา ๆ
“ดูเหงื่อที่หน้าผากของเจ้าสิ ตำหนักของเจ้าอยู่ไกลจากที่นี่มาก เดินมาไม่กลัวเหนื่อยเลยหรือ” เย่ซิวตู๋ยังคิดว่ามันไม่เพียงพอ ดังนั้นเขาจึงหันไปสั่งแม่นมเซียวว่า “แม่นม เมื่อกลับไปแล้วสั่งให้ครัวทำน้ำสาลี่เย็นสักหนึ่งชาม ชิงเอ๋อร์จะได้หายร้อน”
“เพคะท่านอ๋อง”
“…” อวี้ชิงลั่วไม่รู้จะวางสีหน้าอย่างไร “แม่นมเซียวบังคับให้ข้ากินรังนกชามหนึ่งแล้ว และท่านจะให้ข้ากินน้ำสาลี่เย็นอีก พวกท่านทั้งสองกำลังพยายามจะฆ่าข้า”
“องค์หญิงไม่ยอมดูแลตัวเอง หม่อมฉันจึงเป็นห่วงมาก” แม่นมเซียวยังคงมีสีหน้าไร้ความรู้สึก ทัศนคติของนางยังคงเหมือนเดิม
ชิวหลานรู้สึกตกใจเมื่อเห็นดังนั้น ปรากฏว่าแม่นมเซียวผู้นี้ไม่ได้มีสีหน้าบึ้งตึงเมื่ออยู่ต่อหน้าอวี้ชิงลั่วเท่านั้น แต่แม้กระทั่งต่อหน้าท่านอ๋องซิว นางก็ไม่ยิ้มเลย
แต่ไม่ว่าจะเป็นอวี้ชิงลั่วหรือท่านอ๋องซิว พวกเขาก็ไม่ได้สนใจนางเลยแม้แต่น้อย
ปรากฏว่าอวี้ชิงลั่วไม่ใช่คนที่ถูกรังแกได้ง่าย และไม่ใช่ว่าแม่นมเซียวไม่เกรงกลัวต่อเจ้านาย แต่มันเป็นแค่นิสัยของนาง และดูเหมือนนางจะห่วงใยอวี้ชิงลั่วจริง ๆ
ชิวหลานรู้สึกเหมือนศีรษะของตนกำลังหมุนคว้าง ก่อนจะค่อย ๆ ว่างเปล่าและมึนงง
แม้อวี้ชิงลั่วและแม่นมเซียวจะจากไปแล้ว แต่นางก็สังเกตเห็นว่าเย่ซิวตู๋และเย่ฮ่าวหราน ไม่แม้แต่จะชายตามองมาที่นางเลย
นางพลันปวดท้องและวิงเวียนศีรษะเล็กน้อย รู้สึกว่าทั้งตัวไม่มีเรี่ยวแรง
แต่นางเพิ่งจะทนหิวได้แค่วันเดียว… อันที่จริงยังเหลือเวลาอีกสองวัน
จู่ ๆ ชิวหลานก็เริ่มกลัว นางคิดมากเกินไปหรือไม่? ตำหนักท่านอ๋องซิวแตกต่างจากจวนอวี้ ดูเหมือนว่านางจะเล่นงานใครสักคนได้ไม่ง่าย
ถูกต้อง ในตำหนักท่านอ๋องซิว แม้แต่คนรับใช้ก็ไม่อาจถูกนางเล่นงานได้
ชิวหลานเริ่มเสียใจ แต่นางก็รีบส่ายศีรษะทันที เมื่อนางนึกถึงรูปลักษณ์อันสง่างามของเย่ซิวตู๋ และนึกถึงท่าทางอ่อนโยนของเขา นางก็รู้สึกราวกับว่ากำลังจมน้ำ และคิดว่าตราบใดที่นางจะสามารถเป็นสตรีของเขาได้ ต่อให้ต้องจ่ายมากเพียงใดก็คุ้มค่า
นางไม่เชื่อ นางไม่เชื่อว่าท่านอ๋องซิวจะปฏิบัติกับอวี้ชิงลั่ว เพราะความรู้สึกจากก้นบึ้งของหัวใจ นางรู้สึกว่าท่านอ๋องซิวจะหันกลับมามองนางอย่างแน่นอน
แต่ว่า นางไม่คิดเลยว่าการรอให้เย่ซิวตู๋มาคนเดียวจะมีคนตามมาอีกสองคน
………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ท่านอ๋องแปดนับว่าอยู่เป็นนะคะ แสบสีข้างไหมคะนั่น
อย่าหวังท่านอ๋องซิวเลยแม่นาง เขาไม่ชายตามองหล่อนหรอก
ไหหม่า(海馬)