อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 501 หนานหนานเป็นคนรับใช้
ตอนที่ 501 หนานหนานเป็นคนรับใช้?
ตอนที่ 501 หนานหนานเป็นคนรับใช้?
หนานหนานกับเย่หลานเฉิงมาพบกันที่หน้าประตู คนหนึ่งกลับมาจากการแข่งขันใหญ่ของสี่อาณาจักร ส่วนอีกคนกลับมาในสภาพเหงื่อท่วมตัวหลังจากฝึกวิทยายุทธ์
หนานหนานตื่นเต้นมาก ในมือเต็มไปด้วยสิ่งของมากมายจนดูพะรุงพะรัง
เย่หลานเฉิงเงยหน้าขึ้นมองเขา กะพริบตาก่อนถามว่า “หนานหนาน เจ้าได้สิ่งของเหล่านี้มาจากที่ใด?”
“มีคนให้ข้ามา”
“ให้เจ้าหรือ? อืม ใช่คนที่อยู่กับเจ้าเมื่อไม่นานมานี้หรือไม่…”
“ชู่ว” หนานหนานกลัวว่าเขาจะพูดออกมาจึงรีบขยิบตาให้
เย่หลานเฉิงหัวเราะออกมา สายตาของเขาจับจ้องไปยังสิ่งของในอ้อมแขนเหล่านั้นอีกครั้ง เขาเห็นว่ามันคืออาหารจำนวนมาก และหนานหนานก็ดูเหมือนจะไม่ได้อยากได้อะไรนอกจากอาหาร เขาจึงไม่เคยคิดจะซื้อของขวัญประเภทอื่นให้
หนานหนานบอกว่ามันคือการ “ให้” แต่เขารู้สึกว่าใช้คำว่า “รีดไถ” น่าจะเหมาะกว่า
เย่หลานเฉิงคิดได้ดังนั้นก็อดหัวเราะไม่ได้
หนานหนานมองเขาอย่างไม่พอใจ และเดินเชิดหน้าเข้าไป ขณะแกว่งสิ่งที่อยู่ในอ้อมแขนไปมา
เย่หลานเฉิงต้องการจะช่วยเขาถือของ แต่เมื่อมองเห็นสายตาหงุดหงิดเช่นนั้น เขาจึงต้องยอมแพ้
ทั้งสองหันหลังเดินมุ่งหน้าไปยังสวนหลังตำหนัก ทันใดนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงใครบางคนหัวเราะเบา ๆ อยู่ข้างหลังภูเขาจำลอง “เอ๊ะ เจ้าบอกว่าคนที่คุกเข่าอยู่ในห้องโถงนั่นสมควรโดนแล้วหรือ?”
“ใช่แล้ว เห็นนางเพียงแวบแรกก็รู้ว่านางมีความคิดไม่ดี บังอาจเสแสร้งต่อหน้าแม่นมเซียว สงสัยนางจะไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว”
“ข้าได้ยินมาว่านางจะคุกเข่าอยู่ที่นั่นสองวันไม่ใช่หรือ?”
“สมควรแล้ว”
หนานหนานและเย่หลานเฉิงมองหน้ากัน พวกเขาไม่ได้กลับตำหนักแค่วันเดียวแล้วมันเกิดอะไรขึ้น? เหตุใดจึงมีคนคุกเข่าอยู่ในห้องโถง ที่นั่นเป็นสถานที่ที่เข้มงวดมากไม่ใช่หรือ?
หนานหนานเอียงศีรษะขณะมองหน้าเย่หลานเฉิง ก่อนจะหันหลังเดินไปยังห้องโถงด้านหน้า
เย่หลานเฉิงตกตะลึงครู่หนึ่งและรีบตามไป
ก่อนที่ร่างเล็กทั้งสองจะไปถึงประตูห้องโถงด้านหน้า พวกเขาก็เห็นคนผู้หนึ่งนั่งหันหลังคุกเข่าตัวแข็งทื่ออยู่กลางห้องโถง
หนานหนานกำลังตื่นเต้น เขาถือของไว้ในอ้อมแขนแล้ววิ่งไปหาคนผู้นั้น
ชิวหลานได้ยินเสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ นางตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบยับยั้งการแสดงออกของตนอย่างรวดเร็ว และแสดงสีหน้าน่าสงสารอีกครั้ง
ไม่ว่าอย่างไร นางก็จะทำตัวให้ดูเหมือนผู้ถูกกระทำทุกครั้งที่มีคนมา
ทว่าเมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่ตรงหน้านางเป็นเจ้าของรองเท้าเล็ก ๆ ที่เปื้อนดิน นางก็อดไม่ได้ที่จะตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง
หลังจากนั้นนางก็ขมวดคิ้วและค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมอง เมื่อเห็นใบหน้าอันหล่อเหลาของหนานหนานแล้ว คิ้วของนางก็ขมวดทันที
“เจ้าเป็นใคร?”
“เหตุใดเจ้าถึงวิ่งเร็วนัก?” เย่หลานเฉิงพ่นลมหายใจด้วยความเหน็ดเหนื่อย จากนั้นเขาก็ก้าวเข้ามายืนข้างหนานหนาน
เมื่อชิวหลานกะพริบตา รองเท้าขนาดเล็กอีกคู่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้านาง นางเงยหน้าขึ้นมองเย่หลานเฉิงในชุดคลุมยาวสง่างามตรงหน้านาง ใบหน้าของเขาสะอาดสะอ้านและเกล้ามวยผม มองเพียงแวบแรกก็รู้ว่าเขาต้องเป็นลูกชายของตระกูลขุนนางที่ได้รับการเอาใจใส่และมีสถานะสูงส่ง
เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาเป็นลูกชายของอวี้ชิงลั่วและท่านอ๋องซิว?
เหตุใดจึงดูไม่ค่อยเหมือนเลย?
“เหตุใดเจ้าจึงมาคุกเข่าที่นี่?” หนานหนานถามนางด้วยความแปลกใจ พลางพลิกของที่อยู่ในมือ และใช้จมูกถูกับไหล่เพราะรู้สึกคันเล็กน้อย
ชิวหลานมองมาที่เขา และเห็นว่าเขากำลังถือของมากมายอยู่ในมือ นางจึงคิดเขาคงจะเป็นคนรับใช้ของนายน้อยผู้สูงศักดิ์คนนี้
หากคนถามเป็นเพียงคนรับใช้ผู้ต่ำต้อย นางย่อมไม่ตอบเป็นธรรมดา
นางเพียงแค่เงยหน้ามองเย่หลานเฉิงและถามเขาว่า “ท่านคือ… ซื่อจื่อน้อยหรือเพคะ?”
“เอ่อ ก็ใช่ แต่ข้าไม่ใช่ซื่อจื่อน้อยของตำหนักท่านอ๋องซิว ท่านพ่อของข้าคือรัชทายาทองค์ปัจจุบัน” เย่หลานเฉิงตอบตามตรง แต่เมื่อเห็นว่าหนานหนานดูไม่สบายใจ เขาจึงรีบถามอีกครั้งว่า “เหตุใดเจ้าถึงมาคุกเข่าอยู่ที่นี่?”
ไม่ใช่ลูกชายของอวี้ชิงลั่วหรือ?
โอรสของรัชทายาทหรือ?
รัชทายาทหรือ?
นัยน์ตาของชิวหลานเป็นประกายด้วยความหวัง นางเป็นแค่สตรีผู้หนึ่ง จะรู้ถึงการต่อสู้กันในราชสำนักและราชวงศ์ได้อย่างไร ตามความคิดของนางแล้ว ตำแหน่งรัชทายาทมีสถานะสูงที่สุดในบรรดาองค์ชาย แม้ทุกคนจะรู้ว่ารัชทายาทไม่ได้ฉลาด แต่สถานะของเขาก็ยังสูงที่สุดอยู่ดี
และเด็กที่อยู่ข้างหน้านางเป็นโอรสของรัชทายาทจริง ๆ
เย่หลานเฉิงเป็นมิตรมาก เขาเป็นเด็กที่มีจิตใจดีและอ่อนโยน ชิวหลานมองออก
ดังนั้นหลังจากนั้นครู่หนึ่ง น้ำตานางก็ไหลออกมาอีกครั้ง และนางก็สะอื้นไห้ “นี่คือการทดสอบของตำหนักท่านอ๋องซิวเพคะ”
“การทดสอบอะไร?” หนานหนานรู้สึกหนักเล็กน้อยเพราะต้องถือของมากมายในมือ แต่เขาก็ยังพยายามอดทนเพราะความอยากรู้
ชิวหลานขมวดคิ้ว เด็กรับใช้ต่ำต้อยเช่นนี้ไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ได้อย่างไร?
นางทำราวกับว่าไม่ได้ยินคำพูดของหนานหนาน และยังคงสะอื้นไห้เบา ๆ “ซื่อจื่อน้อย หม่อมฉันต้องอดทนมาก”
“มีอะไรเลวร้ายเกิดขึ้นกับเจ้าหรือ?” เย่หลานเฉิงถาม
ชิวหลานพยักหน้าอย่างนอบน้อม “ไม่ใช่ว่ามีอะไรเลวร้ายเกิดขึ้นหรอกเพคะ แค่ชีวิตของหม่อมฉันมีค่าเทียบเท่ากระดาษ ในฐานะคนรับใช้ หม่อมฉันทำได้เพียงเชื่อฟังคำสั่งของเจ้านายได้เท่านั้น เจ้านายสั่งให้ข้าคุกเข่าที่นี่ หม่อมฉันก็ต้องคุกเข่าอยู่ที่นี่ ต่อให้เป็นสามวันสามคืนก็ต้องทำให้ได้เพคะ”
หนานหนานไม่พอใจ เขาไม่พอใจมากๆ เห็นได้ว่าคนผู้นี้สนใจเฉพาะเสี่ยวเฉิงเฉิง และเพิกเฉยต่อเขาอย่างสิ้นเชิง
มีอะไรผิดพลาดกันแน่? คนเช่นอวี้ฉิงหนานดูเหมือนคนที่ง่ายต่อการถูกเพิกเฉยหรือ?
ดีล่ะ เขาจะถามอีกครั้ง หากนางยังไม่ตอบเขา เขาจะจากไปโดยไม่สนใจความเป็นความตายของนางเลย
ทว่าก่อนที่หนานหนานจะทันได้พูด ชิวหลานก็ชิงพูดขึ้นว่า “องค์หญิงตรัสว่าหากหม่อมฉันต้องการทำงานในตำหนักท่านอ๋องซิว ก็จะต้องเรียนรู้ที่จะทนต่อความยากลำบาก และทำงานหนักก่อน จึงสั่งให้หม่อมฉันคุกเข่าที่นี่เป็นเวลาสามวันสามคืน หม่อมฉันรู้ว่ามีกฎเกณฑ์มากมายในตำหนักท่านอ๋องซิวเสมอ และหม่อมฉันมิบังอาจติเตียนได้ ซื่อจื่อน้อย ท่านไม่ต้องกังวลเรื่องหม่อมฉันหรอกเพคะ หม่อมฉัน หม่อมฉันเพียงแค่ไม่กินหรือดื่มเป็นเวลาสามวันก็ทำได้ อดทนได้เพคะ”
ขณะที่นางพูด นางก็ยกมือขึ้นทาบอกของตนและหอบอย่างหนัก ราวกับว่าอาการกำลังย่ำแย่
เย่หลานเฉิงเบิกตากว้าง ตั้งแต่วินาทีที่นางบอกว่าทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่อวี้ชิงลั่วสั่ง สายตาของเขาก็เปลี่ยนไป
นี่คือคำสั่งของท่านน้าชิง เช่นนั้นเขา… ก็ไม่ควรเข้าไปก้าวก่าย
เย่หลานเฉิงเริ่มถอยหลังไปสองก้าว ก่อนจะกระแอมออกมาเบา ๆ แล้วพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “เช่น เช่นนั้นเจ้าก็คุกเข่าอยู่ตรงนี้แหละ พวกเราจะไปก่อน”
“…” จู่ ๆ ชิวหลานก็เงยหน้าขึ้นและเลิกเอามือทาบอก นางจ้องมองเย่หลานเฉิงที่กำลังจะหันหลังเดินจากไป สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความประหลาดใจ อ้าปากค้างและพูดไม่ออกอยู่นาน
หนานหนานพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา “แค่คุกเข่าสามวันสามคืน ต่อให้เจ้าจะบ่นหรือร้องไห้ไปก็ไม่มีประโยชน์”
“เจ้า เจ้าพูดว่าอะไรนะ?” เจ้าเด็กน้อยผู้ไม่รู้อะไรเลย กล้าดีอย่างไรมาเยาะเย้ยนางเช่นนี้?
หนานหนานเชิดคางขึ้นเล็กน้อย และคิดว่าไม่น่ามาดูนางเลย นางกล้าละเลยเขาและยังกล้าพูดจาดูถูกแม่ของเขาด้วย นี่มันทนไม่ได้จริง ๆ
……………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ตัดเส้นเลือดใหญ่ตัวเองแล้วล่ะนังชิวหลาน เด็กรับใช้ในสายตาหล่อนน่ะซื่อจื่อน้อยตำหนักอ๋องซิวนะ
ไหหม่า(海馬)