อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 506 จินหลิวหลีได้รับบาดเจ็บ
ตอนที่ 506 จินหลิวหลีได้รับบาดเจ็บ
ตอนที่ 506 จินหลิวหลีได้รับบาดเจ็บ
ไม่หรือ? อวี้ชิงลั่วตื่นจากความง่วงงุนเล็กน้อย นางใช้มือยันกายขึ้นนั่งบนเตียง และพิงศีรษะเข้ากับหัวเตียง
“แล้วมีเรื่องอะไร?”
“ชิวหลานออกจากห้องโถงแล้ว” เย่ซิวตู๋สูดหายใจอย่างเย็นชา ก่อนจะเข้ามากอดนางและเตรียมหลับต่อ “เอาล่ะ พรุ่งนี้เช้าค่อยคุยกันนะ ตอนนี้นอนก่อน ไม่เช่นนั้นพรุ่งนี้เจ้าจะไม่มีแรง”
อวี้ชิงลั่วก็ง่วงเหมือนกัน แต่ตอนนี้นางมีเรื่องกังวลอยู่ในใจ แล้วจะให้นางนอนได้อย่างไร?
นางสะกิดมือของเย่ซิวตู๋แผ่วเบา เสียงของนางแหบแห้ง “ชิวหลานไปไหน?”
“เรือนตู๋” เย่ซิวตู๋พูดเสียงเบา และคำสองพยางค์นั้นก็ลอดไรฟันของเขาออกมาอย่างเย็นชา
“ฟึ่บ” อวี้ชิงลั่วตาสว่างทันที นางจ้องไปยังเย่ซิวตู๋ตรงหน้านางด้วยดวงตาเบิกกว้าง และถามอีกครั้ง “ท่านบอกว่าที่ไหนนะ?”
“…เรือนตู๋” เย่ซิวตู๋รู้ว่าชิงเอ๋อร์ไม่น่าจะผล็อยหลับไปทันทีหลังจากถามคำถามนี้
“นางจะไปทำอะไรที่เรือนตู๋?” มุมปากของอวี้ชิงลั่วกระตุก ขณะมองไปยังท้องฟ้าที่มืดมิดด้านนอก นางอดไม่ได้ที่จะจับหน้าผากตนเอง “หน้าเรือนตู๋มีแต่องครักษ์ของท่าน ดังนั้นนางจึงไม่น่าจะเข้าไป”
เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของเย่ซิวตู๋ก็เย็นชาขึ้น เขามองตาอวี้ชิงลั่วด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย และเอื้อมมือออกไปบีบแก้มสีชมพูของนางขณะพูดเสียงเบาว่า “เจ้าบอกเองไม่ใช่หรือว่าการจัดการคนชั่วไม่ควรง่ายดายเกินไป และต้องค่อย ๆ เล่นงาน ดังนั้นข้าจึงให้โอกาสนางไปที่นั่นเพื่อยั่วยวนผู้ชายของเจ้าก่อน เจ้าพอใจหรือไม่?”
“…” อวี้ชิงลั่วอ้าปากค้าง และจ้องมองเย่ซิวตู๋ด้วยสายตาว่างเปล่า
ไม่ ไม่มีทาง นางแค่คิดว่าชิวหลานเป็นหัวขโมยขี้ขลาด แต่นางกล้าลงมือจริง ๆ หรือ?
เป็นไปได้หรือไม่ว่าเป็นเพราะในช่วงสองวันที่ผ่านมานางหิวโหยมาก? ทำให้สมองของนางฟั่นเฟือนจนไม่สามารถวิเคราะห์เรื่องพื้นฐานที่สุดได้?
เป็นไปได้อย่างไรที่สาวใช้ที่ไม่รู้จักสถานที่ดีพอ จะบุกเข้าไปในตำหนักที่ท่านอ๋องซิวแห่งตำหนักอ๋องซิวอาศัยอยู่ นางคิดว่าองครักษ์ของตำหนักอ๋องซิวเป็นพระอิฐพระปูนหรือ?
ไม่ใช่…
อวี้ชิงลั่วหันไปมองเย่ซิวตู๋ทันที สายตาของนางเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “ชิวหลาน รู้ที่ตั้งของตำหนักท่านได้อย่างไร? ท่านรู้ได้อย่างไรว่านางจะยั่วยวนท่าน?”
“เสิ่นอิงจงใจเปิดเผยให้นางรู้” เย่ซิวตู๋มองหน้านาง แล้วอดไม่ได้ที่จะยกยิ้ม “ตอนนี้เขาได้ซึมซับความร้ายกาจมาจากเจ้าแล้ว ด้วยความเจ้าเล่ห์เขาจึงนึกสนุกจงใจปล่อยให้นางเข้ามา หากมองอย่างผิวเผินก็จะเห็นว่าเขาต้องการจะดูว่านางมีจุดประสงค์ร้ายอะไร แต่อันที่จริงแล้ว เขาเพียงแค่ต้องการดูเรื่องตลกเท่านั้น”
อวี้ชิงลั่วหัวเราะแม้จะหน้าตาบูดบึ้ง เอาล่ะ เสิ่นอิงนับเป็นเด็กที่ยังสอนได้
อวี้ชิงลั่วรีบหุบยิ้ม และถามอย่างจริงจังว่า “แล้วตอนนี้เล่า? ท่านบอกให้เสิ่นอิงจัดการกับนางอย่างไร?”
“จับตัวนางไปขังไว้ก่อนแล้วค่อยคุย” เย่ซิวตู๋สูดหายใจอย่างเย็นชา แล้วผลักนางให้นอนลงบนเตียง “นอนกัน”
อวี้ชิงลั่วยกมุมปากเล็กน้อย อืม ดูเหมือนว่าชิวหลานจะต้องทนทุกข์ทรมานแล้ว
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ นางก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมา ขยับตัวเล็กน้อยแล้วหลับตาลง
แต่ใครจะรู้ว่าในอีกหนึ่งก้านธูปต่อมาจะมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นจากข้างนอกอีกครั้ง
อวี้ชิงลั่วลืมตาขึ้นทันที นางเคลื่อนไหวเร็วกว่าเย่ซิวตู๋ รีบผลักเขาแล้วบอกว่า “ลุกเร็ว บางทีเสิ่นอิงอาจจะมาอีกแล้ว”
เย่ซิวตู๋สวมเสื้อผ้าอย่างไม่เต็มใจและลุกขึ้นจากเตียง แต่เขาไม่คิดว่าเสิ่นอิงจะกล้ารบกวนเขา
เวลานี้…
เย่ซิวตู๋เม้มปาก สีหน้าของเขาเริ่มจริงจังเล็กน้อย
แน่นอนว่าคนที่ยืนอยู่นอกประตูไม่ใช่เสิ่นอิง แต่เป็นเผิงอิงที่เฝ้าอยู่นอกจวนผู้ตรวจการเมืองหลวงเมื่อก่อนหน้านี้
“ท่านอ๋อง มีข่าวจากใต้เท้าหลี่ว่าเฉินจีซินและลูกสาวของนางถูกสังหารพ่ะย่ะค่ะ”
ดวงตาของเย่ซิวตู๋หรี่ลงทันที แน่นอนว่าเป็นฝีมือของคนที่อยู่เบื้องหลัง
“แล้วจินหลิวหลีอยู่ที่ไหน?”
“แม่นางจินไม่ได้อยู่ในห้องขัง คาดว่านางคงไล่ตามนักฆ่าไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เย่ซิวตู๋พยักหน้าและโบกมือให้เขา
อวี้ชิงลั่วเงี่ยหูฟังและได้ยินสองสามคำ ดังนั้นเมื่อเย่ซิวตู๋กลับมาแล้ว นางก็สวมเสื้อผ้าแล้วลุกขึ้นนั่ง ใบหน้าของนางไร้ซึ่งความง่วง
“ข้ากังวลเล็กน้อยเรื่องหลิวหลี แม้วิทยายุทธ์ของนางจะแข็งแกร่ง แต่ข้าเกรงว่าอีกฝ่ายจะมีคนมากเกินไป” อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว และรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย พวกเขาไม่เคยรู้เลยว่าใครอยู่เบื้องหลังและมีอำนาจเพียงใด จินหลิวหลีไปคนเดียวเช่นนี้อันตรายมากจริง ๆ
นอกจากนี้ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่รบกวนจิตใจของอวี้ชิงลั่ว อวี้ชิงโหรวตายแล้ว เกรงว่าหากอวี้เจี้ยนต๋ารู้เข้าก็คงจะอาการทรุดลงแน่
นางได้สั่งให้พ่อบ้านเหอและท่านลุงเสียงเก็บความลับมาสักพักหนึ่งแล้ว แต่ทางการก็ต้องแจ้งให้อวี้เจี้ยนต๋าทราบเรื่องนี้อยู่ดี แล้วนางจะปกปิดได้อย่างไร?
นางต้องกลับไปที่จวนอวี้เพื่อดูอาการของอวี้เจี้ยนต๋า
“จินหลิวหลีมีประสบการณ์มาก แม้ว่าอีกฝ่ายจะมีลูกสมุนเยอะ แต่นางก็ย่อมมีวิธีหลบหนีได้” เย่ซิวตู๋โอบกอดนางไว้ เขาวางคางไว้บนศีรษะของนาง เสียงของเขาแผ่วเบาและทุ้มพร่า
อวี้ชิงลั่วหลับตาลงเพื่อพักผ่อน แม้ว่านางจะไม่ง่วงแล้ว แต่ร่างกายของนางก็ยังคงเหนื่อยล้า
ทั้งสองนอนกอดกันเช่นนี้เป็นเวลาเกือบสองชั่วโมง และไม่มีใครผล็อยหลับไป
ท้องฟ้าข้างนอกยังไม่สว่าง แต่อวี้ชิงลั่วอดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นจากเตียง เย่ซิวตู๋แอบถอนหายใจและเดินตามออกไปนอกประตู
เมื่อเสิ่นอิงวิ่งมาได้ไม่นาน เขาก็กระแอมเบา ๆ และเล่าเหตุการณ์เมื่อวานอย่างละเอียด “ชิวหลานถูกกักขังในฐานะผู้ลอบสังหาร หลังจากถูกโบยไปสองสามไม้ ตอนนี้นางบอกว่าต้องการพบแม่นางอวี้”
อวี้ชิงลั่วกำลังดื่มชา หลังจากได้ยินคำพูดนั้นนางก็เหลือบมองเขา แล้วหันไปมองไปยังประตูตำหนักก่อนพูดอย่างเกียจคร้าน “ข้าไม่ว่าง”
“…” นี่เรียกว่าไม่ว่างหรือ? เหตุใดจึงบอกว่าไม่ว่าง?
เย่ซิวตู๋ขยิบตาให้เสิ่นอิง “ให้แม่นมเซียวจัดการเรื่องนี้”
เขาพูดพร้อมกับเอื้อมมือออกไปจับมือของอวี้ชิงลั่วบนโต๊ะ เขารู้ว่านางกังวล ไม่เพียงแต่กังวลเรื่องความปลอดภัยของจินหลิวหลีเท่านั้น แต่ยังกังวลด้วยว่า… ใครคือผู้อยู่เบื้องหลังกันแน่?
เสิ่นอิงเหลือบมองทั้งสองคนก่อนจะยักไหล่ และหันกลับไปหาแม่นมเซียว ถึงอย่างไรเขาก็ไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับชิวหลาน และแม่นมเซียวก็มีความคิดบางอย่างเกี่ยวกับสตรีผู้นั้น
อวี้ชิงลั่วดื่มชาอีกสองถ้วย ท้องฟ้าด้านนอกเริ่มสว่างขึ้นเรื่อย ๆ และแสงอาทิตย์ก็ค่อย ๆ สาดส่องสว่างเข้ามาทั่วลานตำหนัก
หนานหนานตื่นแล้วและรีบไปรับประทานอาหารเช้า
อวี้ชิงลั่วเหลือบมองเขา และในที่สุดก็ถูกเขาลากไปที่โถงบุปผา
แต่เมื่อนางเพิ่งกินไปสองคำ พ่อบ้านหยางก็รีบเข้ามาและพูดเบา ๆ ว่า “ท่านอ๋อง แม่นางอวี้ แม่นางจินกลับมาแล้ว”
อวี้ชิงลั่วผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันที และรีบวิ่งออกไปข้างนอกโดยไม่สนใจตะเกียบที่ตก
เดินออกไปได้เพียงสองก้าว นางก็เห็นคนสองคนเดินมาจากระยะไกล
คนหนึ่งคือเผิงอิง ส่วนอีกคนคือ… จินหลิวหลี
เมื่อสายตาของอวี้ชิงลั่วมองไปยังไหล่เปื้อนเลือดของจินหลิวหลี นางก็อ้าปากค้างทันที
นางยัง นางยังได้รับบาดเจ็บหรือ?
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
คนเบื้องหลังนี่ตำแหน่งใหญ่ใช่ย่อยเลย ส่งนักฆ่ามาสังหารสองแม่ลูกคู่นั้นคาคุกแถมทำให้คนฝีมือระดับแม่นางจินบาดเจ็บได้อีก
ไหหม่า(海馬)