อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 507 ตัวตนของผู้อยู่เบื้องหลัง
ตอนที่ 507 ตัวตนของผู้อยู่เบื้องหลัง
ตอนที่ 507 ตัวตนของผู้อยู่เบื้องหลัง
“หลิวหลี เจ้า…” อวี้ชิงลั่ววิ่งไปถึงตัวนางภายในสามหรือสองก้าว
ใบหน้าของจินหลิวหลีซีดลงเล็กน้อย เมื่อเห็นท่าทางกังวลและตื่นตระหนกอวี้ชิงลั่ว นางก็อดยกยิ้มมุมปากไม่ได้และพูดเบา ๆ ว่า “ไม่เป็นอะไรหรอก เหตุใดเจ้าถึงกังวลนัก? ก็แค่เลือดออกนิดหน่อย เจ้าดูจริงจังมากไปได้”
อวี้ชิงลั่วมองนางหัวจรดเท้า คิ้วของนางขมวดเข้าหากัน
เผิงอิงที่คอยพยุงนางอยู่พูดขึ้น “แม่นางจินได้รับบาดเจ็บจากลูกธนูที่ปักอยู่ที่ไหล่ของนาง ข้าตัดก้านของลูกธนูออกไปแล้ว แต่ลูกธนูยังอยู่ข้างใน แม่นางอวี้ค่อนข้างเชี่ยวชาญในเรื่องนี้ ข้าจึงไม่กล้าดึงออกสุ่มสี่สุ่มห้า”
อวี้ชิงลั่วพยักหน้า และรีบให้คนมาช่วยพาจินหลิวหลีไปที่ห้องที่จัดไว้เป็นพิเศษสำหรับนาง เพื่อใช้เป็นห้องผ่าตัด จากนั้นก็ปล่อยให้นางนอนลง
เย่ซิวตู๋พาหนานหนานไปยืนอยู่ที่ประตู เจ้าตัวเล็กไม่มีรอยยิ้มบนใบหน้า และฝ่ามือของเขามีเหงื่อออกเล็กน้อย
“ท่านพ่อ ท่านป้าจินจะไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่”
“ไม่เป็นอะไรหรอก แม่ของเจ้าบอกว่านางเพิ่งได้รับบาดเจ็บที่ไหล่ แค่ผ่าเอาธนูออกแล้วทายาก็หาย” เย่ซิวตู๋ลูบศีรษะของเขา สีหน้าฉายแลดูจริงจังขึ้นเล็กน้อย
พูดตามตรงคือเขาไม่ได้คาดหวังว่าจินหลิวหลีจะได้รับบาดเจ็บ นางมีวรยุทธ์ล้ำเลิศยิ่งกว่าพวกโม่เสียนทั้งสี่คนเสียอีก แล้วคนเช่นนี้จะปล่อยให้ตัวเองถูกธนูยิงอย่างง่ายดายได้อย่างไร?
ใบหน้าของเย่ซิวตู๋ตึงเครียด เขาพาหนานหนานไปนั่งที่โต๊ะ
เขาเดินออกไปและมองเผิงอิงที่เพิ่งกลับมาจากการเปลี่ยนเสื้อผ้า “เกิดอะไรขึ้น?”
“กระหม่อมก็ไม่ทราบเช่นกัน” เผิงอิงส่ายหัว ขมวดคิ้วเล็กน้อย “กระหม่อมทำตามคำสั่งของท่านอ๋อง และเดินออกไปนอกวัง เมื่อหันไปทางประตูทิศใต้ จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงไล่จับคนลอบสังหารจากข้างใน แล้วกระหม่อมก็เห็นแม่นางจินกระโดดออกมาจากกำแพงวัง ซึ่งขณะนั้นแม่นางจินถูกธนูยิงไปแล้ว”
ในเวลานั้นเย่ซิวตู๋คาดเดาว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังคือนางสนมในวังหรือองค์ชายสักคนหนึ่ง ดังนั้นคนที่ลอบสังหารเฉินจีซินและลูกสาวของนางก็ต้องกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ
การปล่อยให้เผิงอิงเดินเตร่ไปทั่ววังเป็นเพียงโอกาส
คาดไม่ถึงว่าเขาจะไปพบจินหลิวหลีออกมาจากที่นั่นจริง ๆ
“กระหม่อมรีบช่วยแม่นางจินหนีทันที แต่มีทหารไล่ตามอยู่ข้างหลัง กระหม่อมจึงไม่กล้าหันหลังกลับไป จากนั้นก็หาที่ซ่อนตัวแล้วพาแม่นางจินกลับมาพ่ะย่ะค่ะ”
เย่ซิวตู๋พยักหน้า “จินหลิวหลีพูดอะไรหรือเปล่า?”
“ไม่” เผิงอิงหงุดหงิดเล็กน้อย “แม่นางจินดูแปลกไปมากราวกับตกอยู่ในภวังค์ กระหม่อมถามคำถามสองสามข้อ แต่นางไม่ได้พูดอะไรเลย นางแค่ส่ายหน้าแล้วบอกว่าตนเองเหนื่อย ต้องรีบกลับไปหาแม่นางอวี้”
“มันดูแปลก ๆ หรือ?” เย่ซิวตู๋หันกลับมามองห้องที่ปิดสนิท
จินหลิวหลีเสียเลือดมาก ทันทีที่ได้ล้มตัวนอนบนเตียง นางก็หมดสติไปอย่างไม่อาจฝืน
อวี้ชิงลั่วให้ผงยาสลบแก่นาง เมื่อมองดูลูกธนูที่ฝังอยู่ในเนื้อ เปลือกตาของนางก็อดกระตุกไม่ได้
ตั้งแต่วินาทีที่นางรู้ว่าเฉินจีซินและลูกสาวถูกฆ่า อวี้ชิงลั่วก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก ตอนนี้มาเห็นจินหลิวหลีที่ได้รับบาดเจ็บ นางก็ตระหนักได้ว่าความไม่สบายใจนี้สมเหตุสมผล
สุดท้าย… นางก็ได้รับบาดเจ็บ
นางหายใจเข้าลึก ๆ แล้วรีบผ่าเปิดบาดแผลโชกเลือดด้วยมีดผ่าตัด ก่อนดึงหัวลูกธนูที่แหลมคมออกมา
อวี้ชิงลั่วเม้มปากแน่น เมื่อมองไปยังจินหลิวหลีที่มีสภาพเช่นนี้ อารมณ์ของนางก็ซับซ้อนกว่าที่เคย
นางรู้ดีกว่าใครว่าทักษะวรยุทธ์ของจินหลิวหลีเป็นอย่างไร และนางไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งจินหลิวหลีจะหน้าซีดถึงเพียงนี้ เห็นได้ชัดว่ามีคนเพียงไม่กี่คนในโลกนี้ที่สามารถทำร้ายนางได้
“เจ้าทำสีหน้าเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? ฮ่า… อวี้ชิงลั่ว ข้ายังไม่ตาย”
เสียงแผ่วเบาลอยเข้าหูของนาง และทันทีที่อวี้ชิงลั่วเงยหน้าขึ้น นางก็เห็นจินหลิวหลีหรี่ตาลงครึ่งหนึ่งและยกยิ้มหยอกล้อนาง
อวี้ชิงลั่วชำเลืองมองนาง ขณะพันผ้าพันแผลที่บาดแผล หลังจากป้อนยาเข้าปากนางแล้ว นางก็พูดเสียงเบาว่า “หากเจ้าหลบไม่ทัน ลูกธนูนี้จะปักเข้าที่คอของเจ้า และข้าจะไม่สามารถช่วยเจ้าได้”
“นี่ยังไม่เรียกว่าบาดเจ็บอีกหรือ?” จินหลิวหลีหัวเราะ ริมฝีปากของนางไม่มีสีเลือด “ข้าไม่สนใจอาการบาดเจ็บนี้หรอก เจ้าเป็นหมอที่คุ้นชินกับความเป็นความตาย เหตุใดเจ้าจึงกังวลมากกว่าข้า ข้าแค่เสียเลือดมากเกินไป”
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าการเสียเลือดมากเกินไปอาจถึงแก่ชีวิตได้”
จินหลิวหลีถอนหายใจยาว ก่อนจะหลับตาลงและยังคงยิ้ม “ไม่ต้องพูดเลย ท่านอ๋องซิวยังคงอยู่ข้างนอก หูของเขาดีนะ ระวังเขาจะไม่ชอบเจ้าและไม่ต้องการเจ้าอีกต่อไป… เมื่อถึงเวลานั้น เจ้าจะต้องตามข้ากลับมาที่เจียงเฉิง และขอให้ข้าเปิดโรงเตี๊ยมเพื่อรองรับเจ้า”
อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้วครู่หนึ่ง แล้วนางก็เงียบจริง ๆ โดยไม่พูดอะไรสักคำ
จินหลิวหลีรออยู่นาน แต่เมื่อได้ยินแต่ความเงียบก็ทำให้นางอึดอัดมาก นางเอียงศีรษะเล็กน้อยและมองด้วยรอยยิ้ม “เจ้าเป็นอะไรไป?”
“หยุดหัวเราะ” สีหน้าของอวี้ชิงลั่วเคร่งขรึม ท่าทางของนางดูเคร่งเครียดมาก “เจ้าหัวเราะแปลกและดูผิดปกติมาก หยุดหัวเราะ บอกข้ามาตามตรงว่ามีอะไรเกิดขึ้น?”
จินหลิวหลีตกตะลึงครู่หนึ่ง และรอยยิ้มของนางก็จางหายไปในทันใด
นางยังนิ่งเงียบ จ้องมองไปที่ผ้าพันแผลอันละเอียดอ่อนด้วยดวงตาที่ว่างเปล่า การแสดงออกของนางก็ดูมึนงง
อวี้ชิงลั่วดึงเก้าอี้มาที่ขอบเตียง แล้วนั่งลงอย่างสงบโดยไม่ตั้งคำถาม
หลังจากผ่านไปนาน เสียงของจินหลิวหลีก็ดังขึ้นช้า ๆ “อวี้ชิงลั่ว ข้าพบบางสิ่งที่น่าทึ่งมาก”
“เอ๊ะ?”
“ปรากฏว่าเย่ฮ่าวหรานผู้เอาแต่หัวเราะสนุกสนานเป็นชายหนุ่มเจ้าสำราญถึงขนาดที่มีสตรีหลายคนรักเขาอย่างสุดซึ้ง แม้ว่า… คนคนนั้นจะเป็นภรรยาของคนอื่นและมีลูกแล้วก็ตาม แม้ว่า… คนผู้นั้นจะเป็นนางสนมของบิดาเขาก็ตาม และนางสามารถทำทุกอย่างเพื่อเย่ฮ่าวหรานได้”
จิตใจของจินหลิวหลีค่อนข้างสับสน และเมื่อนางคิดเรื่องนี้ นางก็รู้สึกปวดหัวมาก
อวี้ชิงลั่วหรี่ตาลงเล็กน้อย “เจ้าหมายถึง… เซียวเฟยหรือ?”
จินหลิวหลีตกตะลึงครู่หนึ่งจากนั้นก็หันศีรษะไปมองรอบ ๆ ทันที “เจ้ารู้ด้วยหรือ?”
“นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เจ้าได้รับบาดเจ็บหรือ?” อวี้ชิงลั่วตระหนักในทันใด นางรู้สึกว่าวันนี้จินหลิวหลีดูแปลกไปมาก ท่าทางของนางดูสับสนเล็กน้อย ซึ่งท่าทางเช่นนี้ไม่ได้เป็นเพราะได้รับบาดเจ็บเลย
จินหลิวหลียิ้มอย่างเจ้าเล่ห์และตอบกลับด้วยเสียง “อืม” เบา ๆ
อวี้ชิงลั่วลอบถอนหายใจ แม้ว่าจินหลิวหลีจะหลบหน้าเย่ฮ่าวหรานตลอดเวลา แต่ในความเป็นจริงนางตกหลุมรักเขาอย่างลึกซึ้งแล้ว
แต่ว่า……
“ดังนั้น หลิวหลี นักฆ่าที่ฆ่าเฉินจีซินและลูกสาวของนางกลับเข้าไปในวังเพื่อไปหาเซียวเฟยหรือ?” ริมฝีปากของอวี้ชิงลั่วเม้มแน่น แม้ว่าเซียวเฟยจะดูน่าสงสัยมาก แต่ตอนนี้ก็ได้รับการยืนยันจริง ๆ แล้ว นางจึงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
“เช่นนั้น ผู้อยู่เบื้องหลังที่เรากำลังมองหาคือเซียวเฟยหรือ?”
…………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
พีคไปอีก ปรากฏไม่ใช่กุ้ยเฟยแฮะ แต่เป็นเซียวเฟย ที่ตอนนั้นทำท่าแปลกๆ ตอนได้ยินชิงลั่วเอ่ยถึงท่านอ๋องแปดแล้ว
ไหหม่า(海馬)