อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 51 นางอวี้ที่ตายไปแล้ว
ตอนที่ 51 นางอวี้ที่ตายไปแล้ว
รูม่านตาของอวี๋จั้วหลินหดลงอย่างฉับพลัน มือทั้งสองข้างแตะไปที่กระบี่ซึ่งแขวนอยู่ข้างเอวโดยไม่รู้ตัว
คนผู้นั้นมองมาที่เขาด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้ว ข้าเองก็แปลกใจอยู่เหมือนกัน ร่างกายของนายพลอวี๋ สรุปแล้วป่วยที่ใดกันแน่ ถึงได้คุ้มค่ามากพอที่นายพลอวี๋จะปลดประจำการ ทิ้งหน้าที่ถ่อมาถึงเจียงเฉิงที่อยู่ห่างไกลเช่นนี้โดยพละการ”
อวี๋เฟิงรีบเขามาขวางตรงหน้าอวี๋จั้วหลิน ใช้สายตาโกรธเคืองมองไปยังบุคคลที่อยู่ตรงหน้า
อวี้ชิงลั่วยืนอยู่บนหลังคาอย่างสบาย ๆ มุมปากกระตุกเป็นเส้นโค้งมากขึ้นเรื่อย ๆ คนที่นางรอคอย ในที่สุดก็ออกมาแล้ว
นี่คือเป้าหมายที่แท้จริงที่นางสั่งให้จินหลิวหลีเชิญหยางต้าซ่านเหริน มีแค่ศัตรูตัวฉกาจของอวี๋จั้วหลินเท่านั้นที่จะคว้าโอกาสนี้ได้อย่างอยู่หมัด และจัดการเขาให้เจ็บปวดสักครั้ง
เย่ซิวตู๋หรี่เหลือบมองสตรีที่อยู่ข้าง ๆ ครั้นเห็นนางกำลังกำลังแย้มยิ้มด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์และเกียจคร้านราวกับแมวที่ขโมยปลา การเต้นของหัวใจพลันหยุดชะงัก
ผ่านไปครู่หนึ่งเขาจึงขมวดคิ้ว ปากเม้มเป็นเส้นตรง และมองลงไปด้านล่างด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ต่อไป
สีหน้าของอวี๋จั้วหลินดูไม่จืดอย่างยิ่งยวด คนเหล่านั้นได้ยินคนข้างกายของหยางต้าซ่านเหรินเรียกชื่อ ต่างก็เกิดความประหลาดใจ “นายพล? เขาคือนายพล?”
“ถูกต้อง” คนคนนั้นยังคงยิ้มแย้ม “ทั้งยังเป็นนายพลหนุ่มได้รับการยกย่องด้วย”
“หลินฝาน ถอยออกไป” อวี๋จั้วหลินหน้าเขียวปั๊ด เขาคิดไม่ถึงเลยว่าสถานที่แห่งนี้ เขาจะได้เจอกับศัตรูตัวฉกาจที่ออกมาสนองพระบัญชาให้กับองค์จักรพรรดิ
หลินฝานหัวเราะจนร่างกายสั่นไปทั้งตัว “เหตุใดนายพลอวี๋ถึงได้รีบร้อนเช่นนี้? รีบร้อนอยากกลับไปงั้นหรือ? ก็ถูก ถึงอย่างไรหากองค์จักรพรรดิทรงทราบเรื่องเจ้าที่ทิ้งหน้าที่โดยพลการ ผลลัพธ์ที่ตามมาย่อมร้ายแรง แต่ถึงอย่างไร ในเมื่อนายพลอวี๋ป่วยจนต้องเดินทางมาขอยาไกลถึงที่นี่ เช่นนั้นขอแค่กราบทูลต่อองค์จักรพรรดิอย่างสัตย์จริง จักรพรรดิผู้เมตตาย่อมต้องเข้าใจเจ้าอยู่แล้ว เพียงแค่ หากนายพลอวี๋ไม่ได้เจ็บไข้ได้ป่วย เช่นนั้นก็คง…หึ ๆๆ”
อวี๋จั้วหลินถลึงตามองเขา การแสดงออกทางสีหน้าดูโหดร้ายเหี้ยมโหด ราวกับอยากจะกลืนหลินฝานลงท้อง
เพียงแต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้สังเกต ทั้งยังแสดงท่าทางเกียจคร้าน “เพียงแต่ นายพลอวี๋ต้องการเจอหน้าหมอปีศาจ แต่กลับใช้เงินถึงหนึ่งหมื่นตำลึงเพื่อให้ได้โอกาสครั้งนี้ ทำให้ประชาชนคนอื่น ๆ ต้องเสียใจที่ผู้ป่วยหนักมิอาจได้รับการรักษาได้ทันเวลา เรื่องนี้ นายพลอวี๋ไปรับผิดต่อองค์จักรพรรดิน่าจะดีกว่า อืม พอดีเลย ข้าเองก็ถึงเวลาต้องกลับไปรายงานต่อองค์จักรพรรดิแล้ว นายพลอวี๋จะกลับไปพร้อมกันหรือไม่?”
ทุกคนต่างชะงักงัน ใช่แล้ว นายพลอวี๋ผู้นี้ไม่ได้เจ็บไข้ได้ป่วย แต่กลับวิ่งมาถึงสถานที่ห่างไกลเช่นนี้ ทั้งยังแย่งแผ่นป้ายจากประชาชนธรรมดาอย่างพวกเขา ฟังขึ้นที่ไหนกัน?
โดยเฉพาะนายพลอวี๋ผู้นี้ที่ดูเหมือนจะหมดความอดทนและคิดจะลงไม้ลงมือกับพวกเขา ภายในใจก็ยิ่งเกิดความไม่พอใจต่อเขารุนแรงยิ่งขึ้น
“นายพลผู้นี้ ท่านไม่สบายตรงไหนกันแน่?”
“นั่นสิ ท่านดูร่างกายของท่านก็ยังแข็งแรงและทรงพลังอยู่ มีทั้งเงินและอำนาจ ต่อให้ไปขอร้องหมอหลวงในวังให้รักษาก็มิใช่เรื่องยาก เหตุใดถึงได้ถ่อมาถึงที่นี่?”
“นายพล ท่านเป็นกามโรคใช่หรือไม่?”
“พรืด…” อวี้ชิงลั่วได้ยินคนที่อยู่ด้านล่างผลัดกันถาม ถึงกับทนไม่ไหวอย่างฉับพลัน
กามโรค? พูดได้ไม่เลวเลย
เส้นเลือดที่บนหน้าผากของอวี๋จั้วหลินปูดรุนแรงขึ้น การคาดเดาเหล่านั้นที่ดังข้างหูทำให้เขารู้สึกอับอายมากขึ้น
อวี๋เฟิงเห็นเช่นนี้ก็เริ่มเกิดอาการกระสับกระส่ายภายในใจขึ้นทันใด เขาแทบจะยกมือขึ้นมาและตำหนิคนที่อยู่ข้าง ๆ
เพียงแค่ตอนที่เพิ่งจะยื่นมือออกไปได้ครึ่งหนึ่ง กลับถูกอวี๋จั้วหลินห้ามไว้ “อย่าได้ทำให้เรื่องยุ่งยากมากไปกว่านี้ พวกเราไปเถอะ”
“ขอรับ นายน้อย” อวี๋เฟิงอดทน เขาดึงมือกลับมา หันข้างเพื่อขวางหลินฝานไว้ข้าง ๆ ในทันที เพื่อให้อวี๋จั้วหลินเดินผ่านซุ้มประตูเล็ก
หลินฝานจ้องแผ่นหลังของเขาที่วิ่งหนีออกไปด้วยใบหน้าเหมือนยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม ตะโกนไปว่า “นายพลอวี๋ รีบร้อนขนาดนี้ไปทำไมกัน? ถึงอย่างไรก็มาถึงขั้นนี้แล้ว คงไม่เร็วไปกว่านี้แล้วกระมัง นี่ รอข้าก่อน พวกเรากลับเมืองหลวงด้วยกันเถอะ”
“ไม่จำเป็น ในเมื่อต่างอุดมการณ์ก็มิอาจหารือ แยกย้ายกันไปนี่แหละดีแล้ว” อวี๋จั้วหลินตอบกลับโดยไม่หันมามอง ก่อนจะกระซิบบอกอวี๋เฟิงว่า “รีบไปเตรียมม้า ของที่อยู่ในโรงเตี๊ยมมีไม่มากไม่ต้องไปเก็บแล้ว พวกเราไปกันตอนนี้เลย ต้องรีบกลับไปรับผิดกับองค์จักรพรรดิที่เมืองหลวงก่อนที่หลินฝานจะไปถึง”
เป็นเพราะเขาก้าวเท้าผิด เดิมทีคิดว่านี่เป็นวันสุดท้ายแล้ว เดิมทีคิดไว้ว่าหลังจากเจอหมอปีศาจเขาจะรีบกลับเมืองหลวงแบบข้ามคืน คิดไม่ถึงเลยว่าในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสุดท้ายกลับมาเจอหลินฝานเสียได้
หากเป็นคนอื่นคงไม่เป็นปัญหา อย่างมากที่สุดเขาก็พอจะยืดหยุ่นได้ ทั้งยังปกปิดบังเรื่องนี้ได้ด้วย
แต่หลินฝานเป็นศัตรูตัวฉกาจของเขา ทั้งสองตระกูลไม่ชอบหน้ากันมาตั้งแต่สมัยก่อน ภายในราชสำนักก็คิดหาวิธีเพื่อที่จะกดอีกฝ่าย
เมื่อไม่นานมานี้บิดาของหลินฝานเพิ่งจะเสียเปรียบอยู่ในเงื้อมมือของเขา ตอนนี้ถูกอีกฝ่ายจับได้ถนัดถนี่ มิเท่ากับว่ากำลังมองหาวิธีเพื่อเอาคืนหรอกหรือ?
บัดซบ หลินฝานปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน?
ฝีเท้าของอวี๋จั้วหลินเร็วขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากอวี๋เฟิงได้รับคำสั่งของเขาก็รีบวิ่งไปด้านหลังโรงเตี๊ยมทันที
ครั้นเห็นว่าเจ้านายและลูกสมุนครู่นั้นหายไปจากประตูแล้ว หลินฝานจึงหรี่ตาลงและยกมือคารวะหยางต้าซ่านเหรินเพื่อขอตัวลา “ท่านลุงหยาง หลายวันมานี้รบกวนท่านหลายอย่าง ตอนนี้ข้ามีเรื่องด่วนต้องกลับเมืองหลวง ข้าขอตัวกลับก่อน”
หยางเยี่ยนเซิงย่อมทราบดีถึงการแข่งขันของพวกเขาภายในราชสำนัก จึงไม่ได้รั้งให้อยู่ เพียงแต่กำชับอย่างละเอียดไปหนึ่งประโยค “ระหว่างทางก็ระมัดระวังตัวให้มาก สัมภาระที่เจ้าวางไว้ที่จวนหยาง ข้าจะให้คนนำไปส่งให้ที่เมืองหลวง”
“ขอบคุณมากขอรับ” หลินฝานพยักหน้าเบา ๆ เสื้อคลุมพลิ้วไสวขณะเดินจากไป
เพิ่งก้าวเท้าได้เพียงหนึ่งก้าว จู่ ๆ ก็ราวกับนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ จึงหันกลับมายิ้มให้จินหลิวหลี ทั้งยังพูดอย่างมีนัยยะ “เถ้าแก่เนี้ยจิน วันนี้ ข้าควรขอบคุณเจ้าใช่หรือไม่?”
มีบางเรื่องที่เขาก็พอจะเข้าใจแล้ว เถ้าแก่เนี้ยจินแจ้งให้หยางต้าซ่านเหรินมาที่นี่ เป้าหมายที่แท้จริงที่แท้ก็คือเขานี่เอง
เหอะ ถึงแม้ว่าจะถูกใช้ประโยชน์ แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย เพราะให้โอกาสเขาได้โจมตีตระกูลอวี๋ เขาจึงเต็มใจอดทนต่อความทุกข์ยาก
เพียงแต่ไม่เข้าใจว่า เถ้าแก่เนี้ยจินผู้นี้มีความแค้นอะไรกับอวี๋จั้วหลินกันแน่
“คุณชายพูดอะไรกันเจ้าคะ ข้าไม่ยักจะเข้าใจ” เถ้าแก่เนี้ยจินแสร้งทำเป็นโง่เขลา กะพริบตาปริบ ๆ เหมือนผู้บริสุทธิ์ด้วยท่าทางไม่เข้าใจอย่างยิ่ง
หลินฝานแค่นหัวเราะหนึ่งเสียง เขาไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น แต่หมุนกายเดินออกจากโรงเตี๊ยมฝูหลงไป
ครั้นเขาเดินจากไป ก็มีเสี่ยวเอ้อของร้านวิ่งมาตะโกนข้าง ๆ จินหลิวหลี “เถ้าแก่เนี้ยอย่าได้เป็นกังวล หมอปีศาจปลอดภัยดี คนที่สร้างปัญหาให้หมอปีศาจถูกพวกเราจับตัวไว้แล้ว เพียงแต่หมอปีศาจเป็นผู้มีจิตใจดี บอกว่าในเมื่อไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ก็ให้ปล่อยเขาไปขอรับ”
จินหลิวหลีมุมปากกระตุกวูบ จิตใจดี? ตอนนี้นังเด็กอวี้ชิงลั่วคิดจะล้างบาปแล้วงั้นหรือ?
สายตาของนางเหลือบมองไปที่ด้านบนหลังคา สองคนที่อยู่บนหลังคายังคงกอดกันอยู่อย่างนั้น คนบางคนดูเหมือนว่าจะไม่รู้ตัวสักนิดว่าท่าทางเช่นนี้ดูคลุมเครือเกินไปแล้ว
จนกระทั่งจู่ ๆ ก็มีเสียงอันตรายของเย่ซิวตู๋ดังขึ้นที่ข้างหู “อวี๋จั้วหลิน ภรรยาเก่าที่ตายไปเมื่อหกปีก่อน ดูเหมือนว่าจะเป็นคนของตระกูลอวี้เสียด้วยสิ”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
วางแผนให้หลัวเก่ามาเจอกับศัตรูคู่ปรับนี่เอง ซวยแล้วอวี๋กระจั๊วหลิน ถึงกับละทิ้งหน้าที่มาหาหมอปีศาจเพื่อพาตัวไปรักษาภรรยาใหม่ โดนทัณฑ์บนสักหน่อยก็สมควรแล้ว
ไหหม่า(海馬)