อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 510 ท่านหมายจะเป็นฮ่องเต้หรือไม่
ตอนที่ 510 ท่านหมายจะเป็นฮ่องเต้หรือไม่?
ตอนที่ 510 ท่านหมายจะเป็นฮ่องเต้หรือไม่?
ลางสังหรณ์ไม่ดีพลันผุดขั้นในหัวใจเสิ่นอิง เขามั่นใจมากว่าลำแสงที่ส่องประกายในแววตาของอวี้ชิงลั่วตอนนี้เรียกได้ว่า ‘ร้ายกาจยิ่ง’
เขาเริ่มก้าวถอยหลังพลางหัวเราะแห้ง “แม่นางอวี้ แท้จริงแล้วข้าโง่เขลายิ่ง ข้ามองไม่ออกเลยว่าท่านหมายจะทำสิ่งใดกับชิวหลาน โปรดปรานหรือเกลียดชังนางเช่นไร ข้าเบาปัญญาจนง่ายที่จะกระทำผิดพลาด เฮ้อ เผิงอิง หนุ่มน้อยเผิงอิงช่างชาญฉลาด ท่านจะหาเขาพบได้ที่ไหน?”
“อย่าดูถูกตนเช่นนั้นเลย เจ้าจัดการกับชิวหลานได้อย่างดีเยี่ยม ยอดเยี่ยมจนทำให้ข้าไว้วางใจในตัวท่านมากขึ้นอีกหนึ่งระดับ”
ขอโปรดหยุดไว้วางใจข้าเถอะ เสิ่นผิงเผยสีหน้าอ้อนวอน การแสดงออกดูซับซ้อนกว่าที่เคย
อวี้ชิงลั่วเผยรอยยิ้มที่เป็นมิตร “นี่ อย่าคิดลดละหรือล่าถอยเล่า เพราะหากทำเช่นนั้นอาจทำให้เจ้าทุกข์ใจมิรู้จบ”
“…” เสิ่นอิงสั่นสะท้าน จ้องมองโดยรอบด้วยความหวาดหวั่น เขากลัวว่าเย่ชิวตู๋จะปรากฏขึ้นที่นี่อย่างกะทันหัน เมื่อได้ยินคำพูดของแม่นางอวี้ เขาพลันรู้สึกริษยาอาฝู เพราะเขาอาจสิ้นชีพอนาถยิ่งกว่าชายผู้นั้น
“เอาเถิด หากแม่นางอวี้มีสิ่งใดก็โปรดเอ่ยต่อข้า” เขาพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่กังวลใจ
เสิ่นอิงยิ้มแหย “ข้าจะเดินบุกน้ำลุยไฟตราบเท่าที่ทำได้ หมายจะช่วยเหลือท่านให้ดี”
“ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงถึงเพียงนั้น” อวี้ชิงลั่วกลอกตา “ข้าเพียงหมายให้เจ้าติดตามหนานหนาน จับตาดูว่าเขากำลังทำสิ่งใดในช่วงเวลานี้”
หัวใจของเสิ่นอิงราวกับเต้นผิดจังหวะ ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอย่างนั้นหรือ? การกระทำเช่นนี้ยิ่งเป็นที่ขุ่นเคืองของเจ้านายทั้งสามคนเลยไม่ใช่หรือ?
ท่านอ๋องกล่าวไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าเรื่องของหนานหนานอยู่ในการดูแลของเขา ไม่จำเป็นต้องกังวล
ชัดเจนว่าหนานหนานไม่ต้องการให้ผู้อื่นทราบถึงสิ่งที่เขากำลังกระทำ เขาถึงกับปฏิเสธที่จะให้ทหารไปเฝ้ายามดูแล
หากเขาเข้ามาก้าวก่ายเรื่องนี้ จะไม่ได้มีเพียงหนานหนานที่ขุ่นเคือง
“โปรดตอบรับข้าโดยเร็ว ข้ารับปากว่าเย่ชิวตู๋จะไม่มีทางล่วงรู้ถึงเรื่องนี้ ท่านอ๋องของพวกเจ้ากำลังทำให้บุตรชายของข้านิสัยเสียมากขึ้น” อวี้ชิงลั่วพลันปวดหัวเมื่อนึกถึงการกระทำของเย่ชิวตู๋ในการให้ท้ายหนานหนาน
หนานหนานจะยิ่งเหิมเกริมมากขึ้นหากว่ามีใครคอยให้ท้าย
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานางยังคงเชื่อว่าหนานหนานจะจัดการทุกสิ่งได้ และรู้สึกได้ว่าจะไม่มีปัญหาใด
ทว่าเมื่อวานขณะที่นางจับชีพจรของเขาก็พลันรู้สึกถึงรัศมีทรงพลังที่ไหลเวียนในร่างกายของเด็กน้อย เด็กน้อยเช่นเขาจะสามารถทนต่อพลังอันดุเดือดเช่นนี้ได้อย่างไร?
ไม่ว่าหนานหนานจะแข็งแกร่งเพียงใด แต่การพัฒนาทางร่างกายของเขายังคงเป็นเช่นเดียวกับเด็กทั่วไป นางไม่เห็นด้วยกับการดึงต้นกล้าให้โตเพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโตของหนานหนาน เพราะนั่นจะเป็นอันตรายต่อเขา
นางต้องรู้ให้ได้ว่าหนานหนานกำลังทำสิ่งใดและกำลังคลุกคลีกับผู้ใดอยู่
เสิ่นอิงรู้สึกลำบากใจยิ่ง แต่เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของอวี้ชิงลั่ว เขาจึงเอ่ยถามอย่างลังเล “มีสิ่งใดผิดปกติกับหนานหนานหรือขอรับ?”
“ไม่มีสิ่งใด เจ้าเพียงติดตามพลางสังเกตว่าเขากำลังทำสิ่งใดอยู่” อวี้ชิงลั่วถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนจะขมวดคิ้วหันกลับเข้าไปในตำหนัก
เสิ่นอิงเอียงศีรษะด้วยฉงน แม่นางอวี้เกรี้ยวโกรธยิ่งในวันนี้ เป็นเพราะจิวหลิวหลีได้รับบาดเจ็บหรือ? หรือว่า… นางได้รับสารใดจากปากแม่นางจิน?
เสิ่นอิงยืนนิ่งอย่างเงียบงัน เหลือบมองไปยังเรือนที่จินหลิวหลีทำการรักษาตัว
จินหลิวหลีลืมตาขึ้นในเวลาบ่าย มองเห็นแววตาเปี่ยมด้วยความประหลาดใจของเย่ฮ่าวหราน
“เจ้าฟื้นแล้วหรือ? รู้สึกเช่นไร เจ็บแผลหรือไม่?” เย่ฮ่าวหรานเฝ้าดูนางเป็นเวลานับชั่วยาม เมื่อเห็นหญิงสาวลืมตา หัวใจของเขาราวกับจมลงสู่พสุธา
เมื่อเห็นว่าจินหลิวหลีหมายจะลุกขึ้นนั่ง เย่ฮ่าวหรานก็ช่วยพยุงพลางวางหมอนแสนอ่อนนุ่มไว้ด้านหลังนางอย่างระมัดระวัง ค่อย ๆ ให้นางนั่งเอนกายพิงอย่างมั่นคง
เขาเอ่ยด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์นัก “เจ้ายังบาดเจ็บอยู่ ควรนอนพัก ไม่ใช่พยายามนั่งให้กดทับบาดแผลเช่นนี้”
ริมฝีปากจินหลิวหลีเม้มแน่น ฟังเสียงพร่ำบ่นของอีกฝ่ายโดยไม่ตอบสิ่งใด
“เจ้าหิวหรือไม่? อยากรับประทานสิ่งใดสักนิดหรือไม่? อวี้ชิงลั่วบอกว่าผู้ป่วยควรรับประทานอาหารอ่อน แต่เจ้ามักรับประทานอาหารรสจัดเสมอ เช่นนั้นแล้วเจ้าก็ไม่มีทางเลือก” เย่ฮ่าวหรานสุขใจยิ่งที่ได้พบนาง “อย่าเศร้าใจเลย หากบาดแผลของเจ้าหายดี ข้าสัญญาจะพาเจ้าไปกินอาหารที่ปรารถนา ข้าคุ้นเคยกับเมืองหลวงที่นี่ สามารถพาเจ้าตามหาทุกสิ่งที่อยากรับประทานได้หมด”
“อีกอย่าง จงอย่าปิดบังสิ่งใดต่อข้าอีก ไม่เช่นนั้นข้าจะผูกเจ้าไว้กับขื่อ ข้าเป็นคนพูดจริงทำจริง หากเจ้าไม่เชื่อก็ลองดู…”
เย่ฮ่าวหรานหยุดลงกะทันหัน รู้สึกได้ว่าแม้ตนจะเอ่ยวาจามากเพียงใด สตรีเบื้องหน้ากลับไม่ตอบกลับสิ่งใด
เย่ฮ่าวหรานเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ เมื่อเห็นว่าจินหลิวหลีจ้องมองเขาด้วยแววตาพิกลไปก็ทำให้รู้สึกประหม่าเล็กน้อย
เย่ฮ่าวหรานเม้มปากแน่น เอนกายเข้าใกล้นางพลางถามเสียงทุ้ม “เกิดสิ่งใดขึ้น? เจ้ารู้สึกไม่สบายใจหรือ?”
“เย่ฮ่าวหราน ท่านต้องตอบคำถามข้าอย่างตรงไปตรงมา”
นางกล่าวเสียงทุ้มพร้อมกับสีหน้าจริงจัง
เย่ฮ่าวหรานตกตะลึง อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายอึกใหญ่ จ้องมองสตรีเบื้องหน้าด้วยท่าทางเคร่งขรึม “พูดมาเถิด”
“ท่านอยากเป็นฮ่องเต้หรือไม่?”
“…” เย่ฮ่าวหรานพลันอ้าปากค้าง จ้องมองสตรีตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ
หมายความว่าอย่างไร? เหตุใดนางจึงถามเช่นนี้? นางรู้ตัวหรือไม่ว่านี่เป็นคำถามที่จริงจังเพียงใด?
เย่ฮ่าวหรานพลันลุกจากเก้าอี้ ฟังการเคลื่อนไหวจากภายนอก เมื่อรู้สึกได้ว่าปลอดภัยและไม่มีผู้ใดผ่านมาจึงขมวดคิ้วพลางนั่งลงอีกครั้ง
“หลีเอ๋อร์ เจ้า เหตุใดจึงถามเช่นนี้?”
จินหลิวหลีขยับริมฝีปากอันซีดเซียว เปล่งน้ำเสียงเคร่งขรึม “ตอบข้ามา ท่านหมายจะเป็นหรือไม่?”
“ไม่ต้องการ” เย่ฮ่าวหรานขมวดคิ้วแน่นด้วยความรู้สึกกังวลใจยิ่ง
ไม่น่าแปลกใจที่หลีเอ๋อร์ผู้พยายามซ่อนตัวจากเขามาโดยตลอดมาขอพบอย่างกะทันหัน ไม่น่าแปลกใจที่นางได้รับบาดเจ็บโดยไม่สามารถอธิบายได้ ต้องมีบางสิ่งเกิดขึ้น ต้องมีบางสิ่งเกี่ยวข้องกับเขาแน่
“ไม่ต้องการจริงหรือ?”
“หลีเอ๋อร์!!” เย่ฮ่าวหรานขุ่นเคืองเป็นอย่างมาก แต่เมื่อเห็นว่านางได้รับบาดเจ็บ เขาพลันสงบสติอารมณ์ “เจ้าไม่เชื่อข้าหรือ?”
จินหลิวหลีเม้มริมฝีปากแน่นพลางจ้องมองไปทางอื่น พยายามเลี่ยงที่จะตอบคำถามของเขา นางลดระดับเสียงลงพร้อมเอ่ยแผ่วเบา “ผู้คนมากมายต่างไขว่คว้าเพื่อจะไปสู่ตำแหน่งนั้น พี่น้องของท่านต่างก็มีความละโมบ ทว่ามีเพียงไม่กี่คนที่จะนั่งในตำแหน่งนั้นได้ ท่านเป็นคนฉลาดและมีความสามารถพอที่จะนั่งในตำแหน่งนั้นได้ ตราบใดที่พยายามกำจัดสิ่งกีดขวางเบื้องหน้าได้สำเร็จ แน่นอนว่าท่านจะไปสู่จุดนั้นได้ เป็นยอดคนเหนือผู้คนนับหมื่น”
“โครม”
……………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ให้ไปติดตามหนานหนานนี่งานช้างยิ่งกว่างานอื่นอีกเสิ่นอิงเอ๊ย
หลิวหลีไปได้ยินเรื่องวงในอะไรมากันนะ
ไหหม่า(海馬)