อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 512 มีคนที่อยากให้เจ้ารู้จัก
ตอนที่ 512 มีคนที่อยากให้เจ้ารู้จัก
ตอนที่ 512 มีคนที่อยากให้เจ้ารู้จัก
ไม่มีความเห็นหรือ?
เย่ซิวตู๋พ่นลมหายใจและค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน
เย่ฮ่าวถิงขมวดคิ้ว เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายลุกขึ้นและทำท่าจะออกไปหลังจากได้ยินคำพูดของตน เขาจึงอดไม่ได้ที่จะขวางไว้และถามว่า “พี่ห้าจะไปไหน? มีเบาะแสเพิ่มเติมหรือ?”
“ข้าพบเบาะแสบางอย่าง แต่มันไม่มีประโยชน์สำหรับข้า มันอาจจะมีประโยชน์สำหรับเจ้า…” เย่ซิวตู๋หยุดชะงักขณะกำลังจะเดินจากไป และเหลือบมองด้วยรอยยิ้มที่ดูเหมือนไม่ยิ้ม
เย่ฮ่าวถิงยิ่งรู้สึกตึงเครียดมากขึ้น มีประโยชน์สำหรับข้าอย่างนั้นหรือ?
“พี่ห้าโปรดอธิบายให้ชัดเจน”
“ในเมื่อผู้บัญชาการเว่ยสามารถทรยศหมู่เฟยได้ แล้วนับประสาอะไรกับคนอื่น ระวังคนรอบข้างด้วย”
เย่ฮ่าวถิงสูดหายใจเข้าลึก หมายความว่าอย่างไร? พี่ชายห้ากำลังบอกว่ามีหมากรุกของคนอื่นแฝงตัวอยู่ข้างกายหมู่เฟยหรือ?
มันคือใคร? คนรอบข้างหรือ? เช่นนั้นต้องเป็นคนที่หมู่เฟยถือเป็นคนสนิท
เย่ฮ่าวถิงเม้มปาก ทันใดนั้นเขาก็จ้องเขม็งไปยังเย่ซิวตู๋ และถามเสียงเบาว่า “แล้วเหตุใดพี่ห้าไม่ทูลหมู่เฟยด้วยตัวเองเล่า?”
“เพราะว่าคนผู้นั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้า ข้าแค่คิดว่ามันจะน่าเชื่อถือมากกว่า หากเจ้าเป็นคนไปบอกและพิสูจน์เอง” เย่ซิวตู๋พ่นลมหายใจเบา ๆ ก่อนจะตบแขนเสื้อลุกเดินออกไป
หมู่เฟยต้องการให้ชิงเอ๋อร์มัวหมอง และต้องการให้ชิงเอ๋อร์เป็นเป้าหมายของการวิพากษ์วิจารณ์ในที่สาธารณะ ความคิดนี้ร้ายกาจเกินไป
ด้วยการคุ้มครองของเขาแล้ว หมู่เฟยจะใช้ชิงเอ๋อร์เป็นโล่กำบังได้อย่างไร?
ทุกวันนี้หมู่เฟยอยู่สุขสบายเกินไป นางจึงคิดจะสร้างปัญหากับพวกเขา เนื่องจากเซียวเฟยเป็นคนในวัง จึงเป็นธรรมดาของหัวหน้าวังหลังที่จะต้องจัดการ
เย่ฮ่าวถิงจ้องมองแผ่นหลังของเย่ซิวตู๋อยู่นาน จนกระทั่งเขาหายลับไปในมุมอุทยานอวี้ฮวา จากนั้นเขาก็นั่งลงบนม้านั่งหินด้วยสายตาเคร่งเครียด
เขากำมือแน่นพลางนึกถึงคนผู้นั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า หลังจากนั้นไม่นาน เย่ฮ่าวถิงก็กัดฟันแน่น นัยน์ตาของเขาดุร้ายและเฉียบคม
“เขาพูดอะไรกับเจ้า?” ครู่หนึ่งเหมิงกุ้ยเฟยก็มาปรากฏตัวอยู่ข้างกายเขา เมื่อเห็นท่าทางเคร่งเครียดของเขา สีหน้าของนางก็เคร่งขรึมมากขึ้น
สุดท้ายเขาก็ยังไม่อาจเก็บอารมณ์ได้ดีเท่าซิวเอ๋อร์ แม้ว่าพวกเขาจะเป็นพี่น้องกัน แต่เขาก็ยังคงด้อยกว่าเล็กน้อย
เย่ฮ่าวถิงตกตะลึงครู่หนึ่ง จากนั้นก็ลุกขึ้นจากม้านั่งหินทันทีด้วยสีหน้าตกตะลึง ตอนนี้เขารู้สึกตกใจมาก เพราะไม่รู้ว่าหมู่เฟยของเขามาหาเขาตั้งแต่เมื่อใด ให้ตายเถอะ หากมือสังหารเข้ามาจู่โจมเขาตอนนี้ ก็เกรงว่าเขาคงจะถูกฆ่าไปแล้ว
เย่ฮ่าวถิงเห็นความผิดหวังและความไม่พอใจอย่างชัดเจนในสายตาของเหมิงกุ้ยเฟย หัวใจของเขาจึงเต้นแรงทันที และรีบช่วยประคองนางให้นั่งลง “หมู่เฟย ท่านมาที่นี่ได้อย่างไร?”
“ฮ่าวถิง หมู่เฟยบอกเจ้าแล้วว่าเจ้าต้องระมัดระวังตัวอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แล้วเหตุใดเจ้าจึง…”
“หมู่เฟย ลูกรู้ว่าตนผิดไปแล้ว แต่คำพูดของพี่ห้าทำให้จิตใจของลูกวุ่นวายอยู่พักหนึ่ง”
ทั้งหมดเป็นข้อแก้ตัว เหมิงกุ้ยเฟยจ้องมองเขา และพยายามระงับความหงุดหงิด ก่อนจะถามอีกครั้ง “เขาพูดว่าอะไร?”
เย่ฮ่าวถิงเหลือบมองข้างหลังนาง หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็โบกมือให้เจี่ยนเซียงและเฟยเกอออกไปก่อน
เหมิงกุ้ยเฟยขมวดคิ้ว จากนั้นนางก็เห็นเย่ฮ่าวถิงเข้ามาใกล้หูของนาง และกระซิบสองสามคำด้วยเสียงแผ่วเบา
จากนั้นคิ้วของเหมิงกุ้ยเฟยก็ขมวดเช่นกัน เรื่องที่ผู้บัญชาการเว่ยทำเช่นนั้น นางไม่ได้คาดหวังว่าคนสนิทของนางจะเข้าหานางอย่างตั้งใจตั้งแต่แรกเริ่ม
ไม่ว่าจะเป็นอาฝูหรือผู้บัญชาการเว่ย เครือข่ายของคนผู้นั้นไม่เล็กเลยจริง ๆ และคนเหล่านั้นก็ถูกจัดวางให้มาอยู่เคียงข้างนางทุกคน
ตอนนี้ฟังจากสิ่งที่เย่ซิวตู๋กำลังจะสื่อ ก็รู้ว่ายังมีคนอื่นอยู่ข้างนางอีก
บ้าจริง นางต้องใช้เวลานี้เพื่อกำจัดเนื้อร้ายออกไปให้หมด
“หมู่เฟย ท่านคิดว่า… น่าจะเป็นใครหรือ?”
เหมิงกุ้ยเฟยชำเลืองมองเขา ก่อนจะหยุดชะงักไปและกระซิบ “ให้คนคอยจับตาดูเจี่ยนเซียงสักพัก”
“เจี่ยนเซียงหรือ? แต่นางกับลูก…”
“เป็นเพราะเจ้าส่งนางมาให้แม่ จึงทำให้นางน่าสงสัยที่สุด ซิวเอ๋อร์บอกไม่ใช่หรือว่าคนผู้นั้นเกี่ยวข้องกับเจ้า?” เหมิงกุ้ยเฟยกำมือแน่น เจี่ยนเซียง…เจี่ยนเซียง เป็นคนที่นางไว้ใจมากที่สุด หากนางรู้ว่าเจี่ยนเซียงเป็นสายลับ นางจะแทงอีกฝ่ายด้วยมีดพันเล่มอย่างแน่นอน
เย่ฮ่าวถิงยังคงคิดว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้ เขารู้จักนิสัยของเจี่ยนเซียงดี เขาซื้อนางมาจากพวกค้ามนุษย์ตั้งแต่นางยังเป็นเด็ก แล้วนางจะเป็นหนอนบ่อนไส้ได้อย่างไร?
ในตอนนี้เย่ฮ่าวถิงยอมรับได้ยากกว่าเหมิงกุ้ยเฟย
“หมู่เฟย บางทีนี่อาจเป็นสิ่งที่พี่ห้าจงใจบอกเรา เพื่อจะยุแยงตะแคงรั่ว บางที…”
“เฮอะ” สีหน้าของเหมิงกุ้ยเฟยมืดมนทันที มือของนางที่มีเล็บเรียวยาวคว้าแขนของเขาอย่างแรง แล้วบีบมันแน่น นัยน์ตาของนางเบิกกว้าง รูม่านตาหดตัวเล็กน้อย และนางก็พูดกับเขาด้วยน้ำเสียงที่น่าเกรงขาม “อย่ามาทำนิสัยเฉกเช่นสตรีกับข้า พี่ห้าของเจ้าจะไม่ใช้วิธีดังกล่าว เพื่อสร้างความแตกแยกให้พวกเราในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อนี้”
“หมู่ หมู่เฟย…” เย่ฮ่าวถิงรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อยจากแรงบีบของนาง แต่เมื่อเขาเห็นสายตาของนาง เขาก็อดตัวสั่นสะท้านไม่ได้
หมู่เฟยเชื่อใจพี่ห้ามากจริง ๆ
ทันใดนั้นเย่ฮ่าวถิงก็รู้สึกสับสนเล็กน้อย แม้ว่าหมู่เฟยจะดูสนใจในตัวเขา แต่ในคำพูดของนางก็ยังแสดงถึงความเชื่อใจพี่ห้าแฝงอยู่เสมอ บางทีลึก ๆ ในใจของหมู่เฟย เขาอาจไม่ได้แข็งแกร่งและมีความสามารถเท่าพี่ห้า
“อย่างไรเสียก็จงทำตามคำแนะนำของข้า คราวนี้ข้าจะกำจัดเนื้อร้ายที่แฝงอยู่ออกไปให้หมด ข้าต้องการจะดูว่าใครบังอาจริทำการใหญ่เช่นนี้ ด้วยการคิดจะกำจัดบุตรชายทั้งสองคนของข้าในคราวเดียว
น้ำเสียงของเหมิงกุ้ยเฟยเย็นยะเยือกถึงกระดูก เย่ฮ่าวถิงที่อยู่ข้างนางสูดหายใจเข้าลึกและพยักหน้า ก่อนจะเดินลงศาลาตามนางไป
หลังจากที่ทั้งสองออกจากอุทยานอวี้ฮวา ร่างของเย่ซิวตู๋ก็ค่อย ๆ โผล่ออกมาจากด้านหลังภูเขาจำลอง
สายตาของเขาจ้องมองไปยังแผ่นหลังของพวกเขาที่จากไป และสีหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แสดงถึงความครุ่นคิดมากขึ้นเรื่อย ๆ ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็ถอนหายใจและหันหลังเดินออกจากอุทยานไป
เมื่อเขากลับมาถึงตำหนักอ๋องซิว สายฝนก็เริ่มโปรยปรายลงมาจากฟ้าอีกครั้ง
เมื่อพ่อบ้านหยางเห็นเขาก็รีบทำความเคารพแล้วพูดว่า “ท่านอ๋อง มีแขกอยู่ในห้องหนังสือพ่ะย่ะค่ะ”
เย่ซิวตู๋ปัดน้ำฝนบนไหล่ของเขา แล้วพยักหน้าเมื่อเขาได้ยินคำพูดนั้น ก่อนจะหยิบร่มในมือพ่อบ้านแล้วเดินไปที่ห้องหนังสือ
เมื่อเขาเดินไปที่ห้องโถงด้านหน้า เขาก็เห็นอวี้ชิงลั่วถกชายกระโปรงขึ้นขณะเดินหลบฝนมาตามทางเดิน ทันทีที่นางเห็นเขา ใบหน้าของนางก็มีรอยยิ้ม
เย่ซิวตู๋ส่ายศีรษะแล้วก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว ก่อนจะยืนข้างนางเพื่อบังละอองฝนที่สาดเข้ามาจากด้านนอกทางเดินให้นาง
“ฝนตกเช่นนี้ เหตุใดไม่อยู่ในที่ร่ม?”
“ข้าได้ยินว่าท่านกลับมาแล้ว และข้ามีบางอย่างต้องคุยกับท่าน” นางกังวลเรื่องจินหลิวหลีและเย่ฮ่าวหรานตลอดทั้งวัน และนางต้องการระบายให้เขาฟัง
เย่ซิวตู๋หัวเราะ แล้วเอียงร่มไปทางนาง “พอดีเลย ข้าก็มีใครบางคนที่อยากจะแนะนำให้เจ้ารู้จักด้วย”
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ยังมีลาสต์บอสอยู่เบื้องหลังอีกเหรอ การเมืองในวังนี่มันวุ่นวายจริงๆ
ไหหม่า(海馬)