อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 514 เขาตายไปแล้ว
ตอนที่ 514 เขาตายไปแล้ว
ตอนที่ 514 เขาตายไปแล้ว
“ทุกวันนี้สถานการณ์ในราชสำนักไม่อาจคาดเดาได้ และการต่อสู้ระหว่างองค์ชายก็เริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ท่านอ๋องซิวไม่มีเจตนาจะขึ้นครองบัลลังก์ หากข้ายังคงดำรงตำแหน่งนี้ต่อไป ไม่ช้าก็เร็วข้าก็จะจบลงเหมือนผู้ตรวจการเมืองหลวงคนล่าสุด”
หลี่เจ๋อเคยพูดคุยเรื่องนี้กับเย่ซิวตู๋อย่างละเอียด ซึ่งเย่ซิวตู๋ก็แนะนำเขาเช่นนี้ด้วยเช่นกัน
อย่างน้อยที่สุดเขาก็จำเป็นต้องปกป้องคนร่วมสายเลือดของอวี้ชิงลั่ว เพื่อไม่ให้ถูกตัดขาดไปอย่างสมบูรณ์
อวี้ชิงลั่วคิดถูกแล้ว ครั้งล่าสุดเย่โฉวถูกเซียวเฟยใช้งาน จึงเป็นการยากที่จะรับประกันได้ว่าจะไม่มีใครใช้กลอุบายเก่า ๆ อีกครั้ง เพื่อโจมตีหลี่เจ๋อ
หลี่เจ๋อไม่ได้มีความทะเยอทะยาน และการเป็นผู้ตรวจการเมืองหลวงก็เป็นไปเพื่อล้างแค้นให้น้องสาวของเขาเท่านั้น ซึ่งตอนนี้ความกังวลของเขาหมดลงแล้ว เขาจึงอยากกลับบ้านไปดูแลพ่อแม่
อวี้ชิงลั่วย่อมเคารพการตัดสินใจของเขา แต่ก็ขอให้หลี่เจ๋อบอกที่อยู่ไว้ให้ เพราะนางไม่สามารถตัดการติดต่อกับญาติผู้ใหญ่เพียงคนเดียวของนางได้
ทั้งสามคนพูดคุยกันครู่หนึ่งในห้องอ่านหนังสือ และอวี้ชิงลั่วก็ขอให้เขาร่วมรับประทานอาหารเย็นด้วยกัน แต่ความสัมพันธ์ของเขากับตำหนักอ๋องซิวนั้นได้สิ้นสุดลงแล้ว ในที่สุดเขาก็ปฏิเสธและจากไปเงียบ ๆ
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมามีปัญหาเกิดขึ้นบ่อยครั้ง แต่การปรากฏตัวของหลี่เจ๋อทำให้อวี้ชิงลั่วรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่หาได้ยาก
เย่ซิวตู๋มองรอยยิ้มงดงามของนาง และดวงตาของเขาก็อ่อนโยนลง “ไปกันเถอะ ไปรับประทานอาหารเย็นที่โถงบุปผากัน”
“อืม” อวี้ชิงลั่วตอบเสียงเบา แต่หลังจากก้าวไปหนึ่งก้าวก็มีจดหมายหล่นออกมาจากแขนเสื้อของนาง
เย่ซิวตู๋ที่เดินตามหลังนางหนึ่งก้าวตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก้มลงไปหยิบมันขึ้นมา “นี่คืออะไร?”
อวี้ชิงลั่วหันหน้าไปมอง หลังจากเห็นสิ่งที่เขากำลังถืออยู่ นางก็ยกมือตบหน้าผากตัวเอง “ข้านี่จริง ๆ เลย… ข้าเกือบลืมบอกท่านเรื่องนี้ หลิวหลีทิ้งจดหมายนี้เอาไว้ ดูเหมือนว่านางจะไปกับเย่ฮ่าวหรานแล้ว”
สีหน้าของเย่ซิวตู๋เปลี่ยนไปกะทันหัน “หมายความว่าอย่างไร?”
“น่าจะหมายถึง… หนีตามกัน” อวี้ชิงลั่วยักไหล่และจ้องมองเขาอย่างทำอะไรไม่ถูก
“เหตุใดเจ้าแปดจึงโง่เขลานัก?” ใบหน้าของเย่ซิวตู๋ซีดเผือด เขาขยำกระดาษในมือเป็นก้อน และมุมปากของเขากระตุกอย่างรุนแรง
หนีตามกันหรือ? เขาเป็นองค์ชาย แล้วโทษของการหนีไปจะร้ายแรงเพียงใด? ถึงเวลานั้น ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้นที่จะถูกตำหนิ แต่จินหลิวหลีจะต้องทนทุกข์ด้วย
อวี้ชิงลั่วดึงแขนเสื้อของเขาและถามว่า “ตอนนี้เราควรทำอย่างไรดี? เห็นได้ชัดว่าทั้งสองกำลังจะทิ้งความยุ่งเหยิงนี้ไว้ให้พวกเราเก็บกวาด ท่านจะทูลต่อฝ่าบาทว่าอย่างไร?”
“ทูลว่าอย่างไรงั้นหรือ? ฮึ่ม ก็แค่ทูลไปตามความจริง”
“เย่ซิวตู๋ อย่าพูดเป็นเล่นไปนะ”
เย่ซิวตู๋เหลือบมองนางและพ่นลมหายใจเบา ๆ “เจ้าแปดไม่อาจทำให้ข้าพูดเล่นได้หรอก” อวี้ชิงลั่วรู้ดีเสมอว่าเขาพูดเล่นหรือไม่
“ข้าไม่อาจปกปิดเรื่องนี้ได้ เจ้าแปดหายไปครั้งนี้ ข้าเกรงว่าเขาคงไม่ได้กลับมาในเร็ว ๆ นี้แน่ หลังจากที่เขาจากไป เสด็จพ่อย่อมต้องตามหาเขา หว่านเฟยก็จะตามหาเขา และแม้แต่เซียวเฟยในวังก็ต้องการเจอเขา”
อวี้ชิงลั่วเอียงศีรษะครุ่นคิด ถูกต้อง เย่ฮ่าวหรานยังมีหน้าที่รับผิดชอบการแข่งขันใหญ่ของสี่อาณาจักรด้วย ดังนั้นการหายตัวไปอย่างกะทันหันเช่นนี้ ย่อมไม่มีเหตุผลอันสมควร
แต่ไม่ว่าเหตุผลอันสมควรจะเป็นอะไร มันก็ไม่สำคัญเท่าพระราชโองการของฮ่องเต้
องค์ชายผู้สูงศักดิ์ได้รับพระราชโองการจากฮ่องเต้ให้ทำหน้าที่สำคัญ แต่เขากลับละทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลัง และจากไปตามใจตัวเอง โดยไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้น
อวี้ชิงลั่วถอนหายใจ ตัวปัญหาสองคนนี้ช่างน่าตีเสียจริง
“ไม่ต้องกังวล ตอนนี้การแข่งขันใหญ่ของสี่อาณาจักรยังคงถูกจัดขึ้น และทูตของอีกสามอาณาจักรยังคงอยู่ที่นั่น แม้เสด็จพ่อจะทรงพิโรธ แต่พระองค์ก็จะปกปิดเรื่องนี้ไว้ หากพวกเราไม่บอก เสด็จพ่อก็ย่อมหาเหตุผลที่สมเหตุสมผลที่ทำให้เจ้าแปดออกจากเมืองหลวงได้ และเมื่อในเวลานั้น ข้าเกรงว่าแม้แต่หว่านเฟยและเซียวเฟยก็จะไม่รู้เรื่องของพวกเขา และจะไม่ไปตามหาพวกเขา เสด็จพ่อคงจะส่งเพียงใครสักคนไปแอบตามหาเขา และคนผู้นั้นก็น่าจะเป็นข้า”
เมื่ออวี้ชิงลั่วได้ยินคำพูดนั้น นางทำได้เพียงพยักหน้า
“แต่เมื่อการแข่งขันใหญ่ของสี่อาณาจักรสิ้นสุดลง เสด็จพ่อก็จะโกรธจัด ข้าเกรงว่าเย่ฮ่าวหรานและหลิวหลีจะทนไม่ไหว”
ตั้งแต่สมัยโบราณ ราชโอรสและราชธิดาของฮ่องเต้ต่างก็ตกเป็นเหยื่อของการแต่งงานเพื่อการเมืองมาโดยตลอด ด้วยความที่เย่ฮ่าวหรานมีสถานะเช่นนี้ เขาย่อมไม่อาจเลือกสตรีในยุทธจักรได้ และหว่านเฟยก็อาจคัดเลือกสตรีที่มีพรสวรรค์ในใจไว้แล้ว และเกรงว่าฮ่องเต้จะมีคนที่ต้องการให้เป็นพระชายาของเขาอยู่ในใจแล้ว
ไม่เพียงแต่เย่ฮ่าวหราน แต่ยังรวมถึงเย่ซิวตู๋ที่ได้รับความไว้วางใจและความโปรดปรานจากฮ่องเต้ด้วย คงไม่ได้หมายถึงหลิ่วเซียงเซียงในตอนแรกใช่หรือไม่?
หากสถานะปัจจุบันของนางไม่ใช่องค์หญิงแห่งอาณาจักรเทียนอวี่ และหากนางยังไม่มีหนานหนาน นางก็คงไม่อาจเป็นพระชายาของเย่ซิวตู๋ได้
เย่ซิวตู๋เลิกคิ้วขึ้น และเอื้อมมือไปลูบหว่างคิ้วของนาง “เจ้ากังวลอะไรถึงเพียงนั้น? ถึงเวลานั้นจริงเราก็บอกว่าเจ้าแปดตายแล้วได้ แค่บอกว่าเจ้าแปดทุกข์ทรมานด้วยอาการเจ็บป่วยขณะอยู่ข้างนอก และเสียชีวิตลง เท่านี้เสด็จพ่อก็ไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว”
ปากของอวี้ชิงลั่วเป็นวงกลมด้วยเสียงอุทานว่า ‘โอ้’ จากนั้นนางก็ยกนิ้วให้เย่ซิวตู๋ “ท่านช่าง… ร้ายกาจกับเย่ฮ่าวหรานจริง ๆ”
“ฮึ่ม” กล้าสร้างความเดือดร้อนให้ด้วยการหายตัวไปในตำหนักของเขา คำพูดเมื่อสักครู่นี้ยังถือว่าเบาอยู่
อวี้ชิงลั่วเม้มปากและยิ้มให้เขา นางรู้สึกดีมาก บุรุษของนางยังคงฉลาดมากใช่หรือไม่?
หลังจากวางหินก้อนใหญ่ในหัวใจลงได้ อวี้ชิงลั่วก็รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น และก้าวออกจากห้องอ่านหนังสืออย่างสบายใจ
หลังอาหารเย็น นางกลับไปที่ตำหนักคนเดียว และหยิบตำราทางการแพทย์ของท่านหมอเริ่นขึ้นมาอ่าน
นางอ่านหนังสือทั้งเจ็ดเล่มอย่างละเอียด แต่ก็ยังไม่มีอะไรน่าสงสัย ให้ตายเถอะ หมอคนนี้ซ่อนสิ่งที่คุกคามชีวิตไว้ที่ไหน?
เมื่อวางหนังสือลง อวี้ชิงลั่วก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองประตูห้องหนังสือที่ถูกเปิดออกในขณะนี้
แม่นมเซียวเดินมาข้างนาง และพูดด้วยเสียงที่แผ่วเบาว่า “องค์หญิง ท่านเสิ่นกลับมาแล้ว ตอนนี้เขาอยู่นอกตำหนักและบอกว่าต้องการพบท่านเพคะ”
เสิ่นอิงหรือ?
อวี้ชิงลั่วชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะโยนหนังสือลงบนโต๊ะตรงหน้า และเหยียดตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ยาวนุ่ม
“ให้เขาเข้ามา”
หลังจากจัดระเบียบเสื้อผ้าที่มีรอยยับเล็กน้อยของตนแล้ว อวี้ชิงลั่วก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก และเดินออกไปที่ห้องด้านนอก
ใบหน้าของเสิ่นอิงเต็มไปด้วยฝุ่น และสีหน้าของเขาดูเหนื่อยล้าเล็กน้อย
เมื่อเห็นอวี้ชิงลั่วเดินมานั่ง ดวงตาของเขาก็สว่างขึ้นในทันใด และครู่ต่อมาก็หรี่ลงอีกครั้ง
“นั่งสิ” อวี้ชิงลั่วรินชาให้เขา แล้วผลักถ้วยไปตรงหน้าเขา
มุมปากของเสิ่นอิงกระตุก เขาประหม่าเกินกว่าจะหยิบมันขึ้นมา “แม่นางอวี้ ข้ายืนได้และข้าไม่ดื่มชา”
“ก็ได้” อวี้ชิงลั่วเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยกชาขึ้นมาดื่มให้ชุ่มคอ ด้วยท่าทางราวกับจะบอกว่า ‘ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ดื่มมันอยู่แล้ว’
มุมปากของเสิ่นอิงกระตุกอย่างแรง แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาจะพูดต่อไป เขาก็จำต้องระงับความหงุดหงิดไว้ในใจ
“เจ้าได้เบาะแสอะไรจากการติดตามหนานหนาน?” อวี้ชิงลั่ววางถ้วยลง แล้วเลิกคิ้วขึ้นถามเขา
………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
สองคนนั้นหนีไปทำอะไรกันนะ น่าจะมีแผนอะไรอยู่ในใจแหละ ไม่น่าจะหนีไปอย่างโง่เขลา
ดูจากสภาพท่านเสิ่นแล้วน่าจะไม่ได้อะไรล่ะค่ะนอกจากโดนหนานหนานเล่นงาน
ไหหม่า(海馬)