อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 516 อันธพาล
ตอนที่ 516 อันธพาล
ตอนที่ 516 อันธพาล
อากาศด้านนอกยังคงชื้นเล็กน้อย สายลมสดชื่นที่พัดโชยทำให้ผู้คนรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาก
อวี้ชิงลั่วถามผู้เฝ้าประตูว่าหนานหนานหายไปในทิศทางใด ก่อนจะไล่ตามเขาไป
เมื่อรถม้าแล่นมาถึงตรอกแห่งหนึ่ง อวี้ชิงลั่วก็สั่งให้หยุดรถ จากนั้นหยิบขวดกระเบื้องเคลือบใบน้อยในอุ้งมือมาเปิดจุกและเทแมงป่องที่อยู่ด้านในออกมา
เจ้าแมงป่องเดินวนอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินตรงไปข้างหน้า
“ตามมันไป” อวี้ชิงลั่วสั่งสารถีที่กำลังมีสีหน้าตกตะลึง
สารถีพยักหน้ารัวเร็ว ก่อนกระโดดขึ้นไปบนรถม้าและคุมบังเหียนให้รถเคลื่อนไปข้างหน้า
รถม้าเคลื่อนไปข้างหน้า ขณะที่อวี้ชิงลั่วเอนตัวพิงรถม้าพลางหลับตาลงและกลอกตาไปมา
ด้านนอกหน้าต่างมีผู้คนมากมายเคลื่อนไหวขวักไขว่ เพราะอยู่ระหว่างการแข่งขันสี่อาณาจักร ทั่วทั้งเมืองหลวงจึงดูมีชีวิตชีวาและพลุกพล่าน โชคดีที่ตอนนี้นางเพิ่งออกจากตำหนักอ๋องซิวอันอยู่ในเขตพระราชฐาน ทำให้ผู้คนดูบางตาลงเล็กน้อย
แต่ในขณะที่อวี้ชิงลั่วคิดเช่นนี้ เสียงเซ็งแซ่ด้านนอกก็พลันดังอื้ออึงมากขึ้น ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องตะโกนไม่ขาดสาย พร้อมกับรถม้าที่ชะลอความเร็วลงเรื่อยๆ
อวี้ชิงลั่วย่นคิ้วเล็กน้อย ก่อนแหวกม่านหน้าต่างรถม้าและมองลอดออกไป และพบว่าในตอนนี้รถม้ากำลังมุ่งหน้าออกนอกเมือง
“แม่นางอวี้ แมงป่องนั่นออกจากเมืองไปแล้วขอรับ” น้ำเสียงร้อนใจของสารถีดังขึ้นจากด้านนอก ที่นี่เต็มไปด้วยผู้คนมากมายเบียดเสียดยัดเยียด และแมงป่องนั่นก็เคลื่อนที่เร็วมากเสียจนจะคลาดสายตาไปในอีกไม่นาน
อวี้ชิงลั่วมองประตูเมืองที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล และสีหน้าก็ดูเคร่งขรึมมากขึ้น
ออกนอกเมือง? หนานหนานถึงกับออกนอกเมืองเชียวหรือ? เขาไปทำอะไรกันแน่?
“ช่างเถอะ ออกนอกเมืองกัน แมงป่องคงเดินช้าลงหลังจากได้ออกไปแล้ว”
“ขอรับ” สารถีได้ฟังดังนั้นก็วางใจ เขากลัวเหลือเกินว่าจะมีเหตุไม่คาดฝันจนหลงทาง ทุกคนในตำหนักล้วนรู้ดีว่าต้องระมัดระวังตัวเป็นอย่างยิ่งยามจะปฏิบัติสิ่งใดให้แม่นางอวี้
อวี้ชิงลั่วคลี่ม่านปิดก่อนเอนตัวพิงเบาะนุ่ม
รถม้าเคลื่อนที่ไปยังประตูเมืองช้า ๆ จากนั้นนายทวารบาลก็หยุดรถไว้ สารถีจึงยื่นตราประจำตำหนักให้ดู สีหน้านายทวารบาลพลันเปลี่ยนไปทันที และยอมหลีกทางให้ด้วยความเคารพ
“เป็นรถม้าจากตำหนักอ๋องซิวนี่เอง เชิญผ่านได้”
สารถีพยักหน้าและเก็บตราประจำตำหนักลง ก่อนกุมบังเหียนออกรถอีกครั้ง
แต่ใครจะคาดคิดว่าเพียงม้าย่างเดินสองก้าวจะมีหอกยาวเล่มหนึ่งพุ่งลงมาปักตรงหน้าอย่างกะทันหัน จนม้าตื่นตกใจยกเท้าคู่หน้าขึ้นพร้อมกับส่งเสียงร้องยาว
สีหน้าสารถีเปลี่ยนไปอย่างมาก เขารีบดึงบังเหียนเพื่อควบคุมม้าให้สงบลง จากนั้นถลึงตามองชายตรงหน้าพลางร้องตวาด “เจ้าช่างกล้านัก กระทั่งรถม้าจากตำหนักท่านอ๋องซิวก็ยังกล้าหยุด”
อวี้ชิงลั่วถึงกับโคลงเคลง รีบเอาศอกยันกายไว้แล้วชะโงกผ่านหน้าต่างรถพลางระวังไม่ให้ศีรษะกระแทกกับขอบหน้าต่าง
นางย่นคิ้วขณะแหวกม่านรถม้าออก ก่อนจะได้เอ่ยวาจาใด นางก็ได้ยินเสียงคุ้นเคยดังจากด้านล่าง “เพราะเป็นรถม้าจากตำหนักอ๋องซิวจึงยิ่งต้องระวัง ช่วงนี้มีอันธพาลหลายกลุ่มกำลังอาละวาดโดยอาศัยความวุ่นวายตอนนี้ และมักยึดรถม้าของผู้สูงศักดิ์ออกนอกเมือง พวกข้าในฐานะนายทวารบาลจึงมีหน้าที่อันยิ่งใหญ่ จะปล่อยออกไปง่าย ๆ ได้อย่างไร?”
“เจ้า…” สารถีรู้สึกขุ่นเคืองนัก แต่ก็ไม่อาจเอ่ยวาจาโต้กลับในสิ่งที่ได้ยิน
อวี้ชิงลั่วหัวเราะ ก่อนกระโดดลงจากรถม้าอย่างนุ่มนวล เงยหน้ามองอวี๋จั้วหลินที่ถือหอกยาวขวางอยู่ด้านหน้ารถม้า พลางเอ่ยด้วยเสียงหัวเราะ “นึกว่าจะเป็นผู้ไร้ชื่อเสียงเรียงนามคนใด? ที่แท้ก็เป็นใต้เท้าอวี๋นี่เอง ใต้เท้าอวี๋สบายดีหรือไม่? ท่านกำลังรีบออกไปทำภารกิจอันใดหรือ? โอ้ ใต้เท้าอวี๋แต่งตัวเช่นนี้แล้วช่างดูดียิ่ง”
“อวี้! ชิง! ลั่ว!”
อวี๋จั้วหลินไม่คาดคิดเลยว่าคนที่ลงมาจากรถม้าจะเป็นอวี้ชิงลั่ว เขาถึงกับเอ่ยลอดไรฟันทีละคำเมื่อได้เห็นนาง ขณะที่ดวงตาจ้องถลึงราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
ไม่เจอกันนาน นางเหมือนจะดูร่าเริงสดใสยิ่งกว่าก่อนเก่า
เหตุใดสตรีผู้นี้จึงร้ายกาจนัก? นางยืนอยู่ตรงหน้าเขาราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้อย่างไร และยังบอกว่าเขาดูดีในชุดทหารผู้น้อยอีก?
อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้ว “ใต้เท้าอวี้ช่างอุทิศตนในหน้าที่ยิ่งนัก จนข้าเองก็อยากให้ความร่วมมือ เช่นนั้นก็ได้โปรดตรวจสอบว่ามีอะไรอยู่บนรถม้าเถิด”
อวี๋จั้วหลินกำด้ามหอกแน่น จ้องอวี้ชิงลั่วเขม็ง
หลังจากนั้นครู่หนึ่งจึงค่อย ๆ ย่างสามขุมทีละก้าว
นายทวารบาลอีกคนรีบมาคว้าตัวเขาไว้และเอ่ยเสียงทุ้ม “ใต้เท้า ขอให้แล้วกันเถิด เราจะขัดแย้งกับทางราชสำนักไม่ได้นะขอรับ”
ใต้เท้า? อวี้ชิงลั่วหรี่ตาลงเล็กน้อย ดูเหมือนว่านายทหารเหล่านี้จะรู้ความเช่นกัน รู้ว่าอวี๋จั้วหลินถูกถอดจากอำนาจชั่วคราว ไม่ช้านานเขาก็จะกลับมาเป็นแม่ทัพอีกครั้ง
แต่ถึงอย่างนั้นทหารเหล่านี้ก็ไม่รู้ความอยู่ดี พวกเขารู้ว่าอวี๋จั้วหลินท้าทายตำหนักอ๋องซิว กลับยังมีความเชื่อมั่นเช่นนี้ในตัวเขาอยู่อีก
เป็นเพราะเย่ซิวตู๋อยู่ในวังหลวงอย่างโดดเดี่ยวมาสี่ปีจนไม่มีผู้ใดรู้นิสัยของเขาอย่างนั้นหรือ? หรือเป็นเพราะเย่ซิวตู๋ในช่วงนี้ไม่ทำตัวให้เป็นที่โดดเด่นต่อสายตาใคร?
เฮ้อ นางควรให้คำแนะนำบางอย่างกับเขายามกลับไปถึงที่หรือไม่?
อวี๋จั้วหลินโบกมือสั่งให้ทหารนายนั้นถอยออกไป ขณะที่เขาถลึงตามองอวี้ชิงลั่ว ก่อนก้าวเท้ามาข้างหน้าและเลิกม่านรถม้าขึ้น
สภาพภายในรถม้าดูเป็นระเบียบเพียงแค่เหลือบมองครั้งเดียว ทั้งสะอาดและสบายตาเหมือนกับอวี้ชิงลั่ว
อวี๋จั้วหลินหลับตาเล็กน้อยพลางสูดหายใจลึก กลิ่นที่คุ้นเคยและไม่คุ้นเคยพลันกระทบนาสิก ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของอวี้ชิงลั่ว
เขารู้สึกว่าตนเองกำลังกระทำเรื่องโง่งม ทั้งที่รู้ว่าอวี้ชิงลั่วกลับมาคราวนี้ก็เพื่อมาแก้แค้น เห็นชัดว่านางมาเพื่อเล่นงานตนให้มีจุดจบเช่นนี้ แต่ลึกลงไปในใจแล้วเขากลับยังมีความหวังอันเลือนรางอย่างหนึ่ง ว่าเหตุที่นางเกลียดชังเขาเป็นเพราะนางรักเขา จึงกลับมาแก้แค้นเขาอย่างสาสมเช่นนี้
“ใต้เท้าอวี๋ ท่านตรวจเสร็จหรือยัง จะให้องค์หญิงผู้นี้ผ่านไปได้แล้วหรือไม่?” น้ำเสียงเย็นเยือกของอวี้ชิงลั่วพลันดังจากเบื้องหลัง
อวี๋จั้วหลินนิ่งงันไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็ได้สติ พร้อมกับใบหน้าเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำ หลังได้ยินนางแทนตนเองว่าองค์หญิง สีหน้าก็แปรเปลี่ยนเป็นซับซ้อน ก่อนที่เขาจะก้าวถอยหลังไปสองก้าวด้วยสีหน้าเย็นชา
“องค์หญิงจะไปที่ใดพ่ะย่ะค่ะ?”
อวี้ชิงลั่วแค่นเสียงเบา “นี่เป็นครั้งแรกทีเดียวที่เราได้ยินว่านายทวารบาลของเมืองมีหน้าที่เช่นนี้ด้วย”
“หากว่าเป็นประชาชนในอาณาจักรเฟิงชาง ข้าคงไม่มีสิทธิ์ได้แทรกแซงการเข้านอกออกในเมือง แต่องค์หญิงเป็นคนของอาณาจักรเทียนอวี่ แม้พระองค์จะได้รับอภิเษกสมรสพระราชทานกับท่านอ๋องซิว แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่เหมาะสมต่อการออกไปไหนมาไหนได้ตามอำเภอใจภายใต้นามของตำหนักอ๋องซิวโดยที่พระองค์ยังไม่ได้เป็นพระชายาอย่างสมบูรณ์”
อวี๋จั้วหลินโต้กลับ เหตุใดนางจึงไม่ยอมรับเสียทีว่านางคืออวี้ชิงลั่ว? คิดจะใช้สถานะองค์หญิงมาตบตาต่อหน้าเขากระนั้นหรือ?
ในเมื่อนางเป็นองค์หญิง จะเข้านอกออกในเมืองหลวงตามอำเภอใจได้อย่างไร?
อวี๋จั้วหลินแค่นเสียงพลางโบกมือไปทางด้านหลัง “พวกเจ้า คุ้มกันองค์หญิงแห่งอาณาจักรเทียนอวี่กลับเรือนรับรองให้ดี หากมีอะไรเกิดขึ้นกับองค์หญิงขณะอยู่ในอาณาจักรเฟิงชาง พวกเราทุกคนก็อย่าหมายจะมีชีวิตรอด”
นายทหารที่อยู่เบื้องหลังเขาต่างมองหน้ากันด้วยความลังเล แต่ยังคงเดินไปหาอวี้ชิงลั่วด้วยความเคารพ “องค์หญิง ทรงประทับบนรถม้าเถิดพ่ะย่ะค่ะ อย่าทำให้พวกกระหม่อมต้องลำบากเลย”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เจอหน้าโจทก์เก่าอีกแล้ว แถมยังหลงตัวเองว่าชิงลั่วแก้แค้นเพราะรักอีกนะ
ไหหม่า(海馬)