อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 518 ไม่ทำเด็ดขาด
ตอนที่ 518 ไม่ทำเด็ดขาด
ตอนที่ 518 ไม่ทำเด็ดขาด
เขาอยากรู้ว่าอวี้ชิงลั่วออกจากประตูเมืองเพื่อไปทำอะไร นางไม่มีใครคุ้มกันแม้แต่คนเดียว ไม่ต้องพูดถึงเย่ซิวตู๋ที่ไม่เคยมีสาวใช้หรือแม่นมติดตามเลยสักคน แสดงว่าสิ่งที่นางจะกระทำต้องเป็นเรื่องลับเฉพาะมากๆ
คิดดังนี้ อวี๋จั้วหลินก็อดไม่ได้ที่จะกำมือแน่น ในใจรู้สึกขัดแย้งขึ้นอีกครั้ง เขาอยากใช้โอกาสนี้ในการสังหารอวี้ชิงลั่วเหลือเกิน แต่อีกใจหนึ่งก็…ไม่เต็มใจจะทำ
ความรู้สึกนี้ช่างซับซ้อนนัก ตอนนี้เขาทั้งรักและชังอวี้ชิงลั่ว ทั้งอยากเห็นหน้านาง และอยากทรมานอยากแก้แค้นนางในขณะเดียวกัน ความทรมานใจเช่นนี้กำลังผสมปนเปจนเขม็งเป็นเกลียว ทำให้อวี๋จั้วหลินรู้สึกรำคาญใจและอึดอัดใจยิ่ง
รถม้าเคลื่อนที่อย่างเชื่องช้า แม้จะออกจากประตูเมืองมาแล้วก็ยังเคลื่อนไปข้างหน้าช้าๆ ไม่มีทีท่าว่าจะเร่งความเร็วแม้แต่น้อย
อวี๋จั้วหลินไม่เข้าใจนัก แต่เป็นเช่นนี้ก็นับว่าสะดวกต่อเขา อย่างน้อยเขาก็ตามทัน
แต่คนที่ตามติดมาอย่างลับ ๆ อีกคนหนึ่งกลับมีสีหน้าลำบากใจยิ่ง
ฉินซ่งได้รับคำสั่งจากเย่ซิวตู๋มาแต่ต้นว่าตราบใดที่อวี้ชิงลั่วออกไปข้างนอกโดยไม่มีผู้คุ้มกันอยู่รอบ ๆ ก็ให้เขาเป็นคนปกป้องนาง
แต่หลังจากที่ความสัมพันธ์ระหว่างเย่ซิวตู๋และอวี้ชิงลั่วประจักษ์ชัด นางก็ขอกับเย่ซิวตู๋อย่างเปิดเผยว่าให้ถอนกำลังคุ้มกันของผู้พิทักษ์ทมิฬ เนื่องจากนางไม่ชอบให้ใครคอยติดตาม ซึ่งเย่ซิวตู๋ตอบตกลงไปต่อหน้า ทว่าลับหลังนึกเป็นห่วงสวัสดิภาพของนางและสั่งให้เขาแอบตามติดนางอย่างลับ ๆ ทุกเวลา
หากในตอนนี้เขาออกไปเตือนอวี้ชิงลั่วว่าอวี๋จั้วหลินตามมาข้างหลัง แม่นางอวี้ก็คงจะรู้ถึงความเป็นห่วงอย่างลับ ๆ ของท่านอ๋อง และย่อมกลับไปคิดบัญชีกับท่านอ๋องเป็นแน่
แต่ถ้าไม่เตือนนาง ก็คงไม่ใช่เรื่องดีที่ปล่อยให้อวี๋จั้วหลินทำร้ายแม่นางอวี้มิใช่หรือ? คนผู้นี้ไม่ใช่คนดี ใครเล่าจะรู้ว่าในใจของเขาคิดอะไรอยู่?
ฉินซ่งอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เมื่อเห็นว่ารถม้าเคลื่อนห่างออกไปเรื่อย ๆ พร้อมกับแมงป่องตรงหน้าที่ชะลอช้าลงเรื่อย ๆ เขาก็ไม่มีเวลาที่จะคิดทบทวนอะไรอีก
หากเขาไม่อาจเตือนแม่นางอวี้ได้ เขาก็ต้องลองเสี่ยงหยุดยั้งอวี๋จั้วหลินไว้
หลังจากรถม้าเคลื่อนห่างไปอีกหนึ่งร้อยหมี่ ฉินซ่งก็กระโจนลงจากกิ่งไม้และพุ่งไปหาอวี๋จั้วหลิน
คนที่กระโจนลงมายื่นมือพุ่งเป้าไปที่ลำคออวี๋จั้วหลิน อีกฝ่ายตกใจมากและก้าวถอยไปหนึ่งก้าวใหญ่ ก่อนยกมือขึ้นสกัดรับเพื่อป้องกันตนเอง
“เจ้าเป็นใคร?” อวี๋จั้วหลินถลึงตาอย่างโกรธเคืองใส่บุรุษที่ปรากฏตัวอย่างฉับพลัน รีบชักดาบจากข้างเอวในทันทีและตวัดชี้ใส่หน้าฉินซ่ง
ฉินซ่งแค่นเสียง โดยไม่เอ่ยอะไรแม้ครึ่งคำ เขาก็ยกมือขึ้นตวัดฟันไปตรงหน้า
ทั้งสองประมือกันอย่างรวดเร็ว ฉินซ่งเป็นผู้อารักขาลับที่เย่ซิวตู๋เป็นคนเลือกกับมือ ส่วนอวี๋จั้วหลินก็เป็นยอดฝีมือที่ฮ่องเต้เป็นผู้รับรอง วรยุทธ์ของทั้งสองอยู่ในระดับไร้เทียมทาน ทำให้การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด
แต่เป็นเพราะเรื่องนี้ การต่อสู้จึงบังเกิดเสียงดังขึ้นทุกขณะ
อวี้ชิงลั่วที่กำลังเอนพิงกายกับหมอนพลันลุกขึ้นนั่ง สีหน้าฉายแววเย็นชา นางรีบเลิกผ้าม่านขึ้นและหันไปมองภาพเบื้องหลังที่มีเสียงชิ้งๆๆๆ ดังแว่วแต่ไกลพร้อมกับฝุ่นทรายฟุ้งตลบจนดูพร่ามั่ว จนมองไม่เห็นว่าเป็นใครที่ต่อสู้กันอยู่
อวี้ชิงลั่วหมดความอดทนแล้ว นางสั่งให้สารถีหยุดรถทันที
นางกระโดดลงจากรถม้า หยิบขวดกระเบื้องเคลือบออกมาเก็บแมงป่องเข้าไปข้างใน ก่อนเอ่ยด้วยสีหน้าว่างเปล่า “ไปจวนอีกแห่งของท่านอ๋องซิว”
สถานที่แห่งนี้เป็นที่พำนักในอดีตของเย่ซิวตู๋ขณะอยู่นอกเมืองหลวง นางเคยมาแล้วครั้งหนึ่ง และยังคงจำตำแหน่งที่ตั้งได้อย่างแจ่มชัด
สารถีตวัดแส้เฆี่ยนอย่างแรง เจ้าม้ารู้สึกเจ็บปวดจึงเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น ทำให้รถม้าแล่นตะบึงไปข้างหน้า
ภายในไม่ถึงหนึ่งเค่อ รถม้าก็ได้มาหยุดอยู่ที่หน้าประตูจวนอีกแห่งหนึ่ง พ่อบ้านของจวนแห่งนี้เพิ่งออกมาอยู่หน้าประตูในเวลาไม่นานนัก เมื่อเห็นอวี้ชิงลั่วก็อึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนรีบกุลีกุจอเชิญนางเข้าไป
อวี้ชิงลั่วโบกมือและเอ่ยถาม “เจ้าเสือดำอยู่ที่ใด?”
“เสือดำเพิ่งกลับมาจากการล่าเหยื่อที่ภูเขาด้านหลัง ตอนนี้กำลังพักอยู่ในเรือนพยัคฆ์ขอรับ” พ่อบ้านก้าวเท้าก้าวหนึ่ง ก่อนหยุดมองอวี้ชิงลั่วอย่างประหลาดใจ
“เอาล่ะ ข้าจะไปที่เรือนพยัคฆ์ด้วยตัวเอง เจ้าไปทำงานของเจ้าเถอะ” อวี้ชิงลั่วรู้ว่าแม้เจ้าเสือดำจะอยู่ที่นี่มานาน แต่คนรับใช้ในจวนนี้ก็ยังหวาดกลัวมันอยู่บ้าง หากไม่มีเหตุอันใดเป็นการเฉพาะ ก็ไม่มีใครกล้าย่างกรายไปที่เรือนพยัคฆ์เลยสักคน
อีกอย่างหนึ่งสถานที่แห่งนี้ก็อยู่ติดกับภูเขาทางด้านหลัง เจ้าเสือดำสามารถออกไปล่าเหยื่อเองได้ เมื่อล่าเหยื่อเสร็จแล้วก็จะกลับมาเอง ซึ่งบางครั้งก็จะคาบเหยื่อไปไว้ในห้องครัวในตอนที่ทุกคนไม่อยู่
เจ้าเสือดำตัวนี้หยิ่งทระนงอย่างยิ่ง มันถูกเย่ซิวตู๋เลี้ยงมาคนเดียว ดูเหมือนว่านอกจากเย่ซิวตู๋แล้วก็มีไม่กี่คนเท่านั้นที่เข้าหามันได้
เอ่อ หนานหนานก็เป็นคนหนึ่ง
อวี้ชิงลั่วเข้าไปในเรือนพยัคฆ์โดยลำพัง ขณะที่นางกำลังย่างเท้าเข้าไปก็ได้ยินเสียงคำรามต่ำอย่างระแวดระวังภัยดังมาจากเจ้าเสือดำ
นางหัวเราะก่อนจะผลักประตูเปิดออก
เกือบจะในทันทีที่ย่างเท้าเข้าไป เงาดำเงาหนึ่งพลันกระโจนลงมาอยู่ตรงหน้าและพุ่งตัวเข้าหานางทันที
“เจ้ากล้ากระโจนใส่ข้าอีกครั้ง ข้าจะถอนขนบนร่างเจ้าให้หมด”
เจ้าเสือดำเหมือนจะชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนถอยหลังหนีไปสามก้าวอย่างรวดเร็วพลางส่ายศีรษะ และหลบไปหมอบอยู่ตรงมุมห้อง
มันรู้สึกว่ากลิ่นนี้ช่างคุ้นเคยนัก และมันก็เป็นกลิ่นของนางจริงๆ ด้วย…
เจ้าเสือดำส่งสายตาไม่พอใจราวกับไม่ต้องการเห็นหน้านาง
อวี้ชิงลั่วกระตุกมุมปาก เดินไปอยู่ข้าง ๆ มันก่อนสัมผัสขนสีดำอย่างเชื่องช้า พลางหัวเราะในลำคอ “ต่อให้ข้าจะไม่ใช่แม่เสือสาว เจ้าก็ไม่ควรผิดหวังอย่างนี้ไม่ใช่หรือ? เอาล่ะ อย่าเศร้าไปเลย เดี๋ยวข้าจะหาแม่เสือสาวมาให้เจ้าเป็นการคลายกำหนัดก็แล้วกัน”
เจ้าเสือดำเงยหน้าขึ้นมองนางอย่างขุ่นเคือง นางกับหนานหนานช่างสมกับเป็นแม่ลูกกันจริงๆ ถอดแบบความสามารถในการพูดจาเข้าข้างตัวเองมาอย่างไม่ผิดเพี้ยน มันดูเหมือนขาดแม่เสือสาวขนาดนั้นเชียวหรือ? เสือดำผู้ยิ่งใหญ่สง่างามอย่างมันดูเหมือนขาดคู่มากนักหรืออย่างไร?
“แต่ถึงอย่างนั้น ก่อนหน้านี้เจ้าต้องพาข้าไปที่ไหนสักแห่ง” อวี้ชิงลั่วลูบศีรษะของมันพลางหรี่ตาเอ่ยอย่างใจดี
เจ้าเสือดำเบี่ยงหลบจากมือนางในทันที มันไม่จำเป็นต้องสุภาพด้วย ไม่ว่าจะเป็นทรราชหรือหัวขโมย ไม่ใช่สิ สตรีนางนี้ยังไม่สุภาพต่อมันเลย แต่กลับกล้าใช้มันไปทำเรื่องต่าง ๆ กระนั้นหรือ?
“เอาล่ะ หยุดโมโหได้แล้ว ไปกัน ไปหาหนานหนานกันเถอะ”
เจ้าเสือดำพลันกระโดดโหยงจากพื้น เจอนางคนเดียวยังไม่พอหรืออย่างไร? ยังต้องไปเจอเจ้าปีศาจน้อยนั่นอีก?
ไม่ทำ ไม่ทำเด็ดขาด
ดวงตาของอวี้ชิงลั่วสว่างวาบ นางตบหลังมันขณะขึ้นไปนั่ง “ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะอยากเจอหนานหนานมากขนาดนี้”
“….” นางมองอย่างไรหรือถึงเห็นว่ามันอยากจะเจอหนานหนาน? อีกอย่าง ลงจากหลังของมันเดี๋ยวนี้
“ไปกันเถอะ ข้าสังหรณ์ใจว่าหนานหนานจะได้รับอันตราย เขาเป็นบุตรชายเจ้านายของเจ้านะ เจ้าคงไม่อยากให้เจ้านายต้องเศร้าหรอกใช่ไหม หืม?”
เจ้าเสือดำหยุดส่ายศีรษะทันที เจ้าปีศาจน้อยกำลังตกอยู่ในอันตรายหรือ? เหตุใดจึงไม่บอกให้เร็วกว่านี้?
อวี้ชิงลั่วไม่ได้เอ่ยอะไรอีก เจ้าเสือดำก็กระโจนออกนอกห้องอย่างรวดเร็ว มันกระโจนขึ้นไปบนกำแพงและวิ่งตรงไปข้างหน้า
เจ้าแมงป่องฝืนตัวเองออกจากขวดอีกครั้ง ในครั้งนี้มันก็เคลื่อนที่เร็วขึ้นกว่าแต่ก่อน โดยเฉพาะตอนที่รู้สึกราวกับว่ามียักษ์ใหญ่คอยจับมันอยู่ มันก็มุ่งหน้าไปยังจุดหมายอย่างรวดเร็วราวกับท้องฟ้ากำลังจะถล่ม
การเคลื่อนไหวของเสือดำช่างสง่างามนุ่มนวล มันไม่ได้ใช้พละกำลังในการรับน้ำหนักของอวี้ชิงลั่วแม้แต่น้อย ไม่นานนักแมงป่องที่อยู่ตรงหน้าก็สะบัดหาง ราวกับว่า…รู้จักมักคุ้นกับเจ้าตัวน้อยยิ่งนัก
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ทรมานน้องเสืออีกแล้ว คราวนั้นโดนหนานหนานใช้เป็นพาหนะจนเข็ดเลย
ไหหม่า(海馬)