อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 522 เอากระดานซักผ้า
ตอนที่ 522 เอากระดานซักผ้า
ตอนที่ 522 เอากระดานซักผ้า
“ขึ้นมาสิ”
ทันทีที่หนานหนานพูดจบ เสียงเย็นชาของอวี้ชิงลั่วก็ดังมาจากด้านหลังม่านรถม้า
ดวงตาของเด็กน้อยเป็นประกาย เขาเดินขึ้นไปโดยไม่ได้เอ่ยคำใดสักคำ จากนั้นก็ยกม่านรถม้าขึ้นแล้วเข้าไป นั่งหลังตรงวางมือลงบนหัวเข่า เขานั่งบนที่ฝั่งตรงข้ามอวี้ชิงลั่ว และมองหน้าของนางอย่างระมัดระวัง
คนขับถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะดึงบังเหียนขึ้นแล้วออกเดินทางไปยังเมืองหลวง
แต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือ หนานหนานที่ช่างพูดคุยโดยไม่ยอมหยุดปากอยู่เสมอ เงียบมากระหว่างทาง เขาเงียบราวกับว่าเขาไม่แม้แต่จะขยับนิ้วของเขาเลยด้วยซ้ำ ท่าทางขององค์ชายน้อยในตอนนี้แปลกเกินไป
รถม้าแล่นเร็วกว่าขาไปเล็กน้อย หลังจากนั้นไม่นาน มันก็เข้าสู่ประตูเมือง
อวี้ชิงลั่วที่นั่งหลับตาอยู่ข้างหน้าต่างรถขยับตัว นางใช้มือข้างหนึ่งเปิดม่านรถม้าออกเล็กน้อย และเหลือบมองไปยังทหารที่คุ้มกันอยู่ที่ประตูเมือง
จริงด้วย… อวี๋จั้วหลินไม่อยู่
นางยกยิ้มอย่างเย็นชา ดูเหมือนว่าเขาจะตามนางไปจริง ๆ และคนที่ขวางทางเขาไว้ก็น่าจะเป็นองครักษ์ลับที่เย่ซิวตู๋จัดไว้ให้นาง
หนานหนานเงยหน้าขึ้นทันที และจ้องมองอวี้ชิงลั่วที่ในที่สุดก็มีความเคลื่อนไหว เขาเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของนาง แต่ในวินาทีต่อมา เขาก็พบว่าสีหน้าของนางยิ่งดูมืดมนกว่าเดิม
หัวใจของหนานหนานเต้นไม่เป็นจังหวะ เกิดอะไรขึ้น? ท่านแม่ดูโกรธมากกว่าเดิมอีก มีอะไรข้างนอกที่ทำให้นางรู้สึกแย่หรือ?
เขาครุ่นคิดในใจและเปิดม่านรถฝั่งของเขาเองด้วย แต่ก็มองไม่เห็นอะไรชัดเจน
ทหารที่เฝ้าประตูเมืองมองป้ายที่คนขับส่งมาให้แล้วปล่อยไป รถม้าแล่นไปข้างหน้าอีกครั้ง หนานหนานที่ชะเง้อคอมองไม่พบอะไรเลย เขาจึงทำได้เพียงกลับมานั่งที่ด้วยความหงุดหงิด
เมื่อเขาหันหลังกลับก็บังเอิญเหลือบไปเห็นแววตากึ่งยิ้มกึ่งบึ้งของอวี้ชิงลั่ว เขาสะดุ้งทันทีและหัวเราะแห้ง ๆ “ท่าน ท่านแม่ ท่านเหนื่อยหรือไม่? ให้ข้านวดขาให้ท่านดีหรือไม่?”
อวี้ชิงลั่วเหลือบมองเขาแล้วหลับตาลงอีกครั้ง โดยไม่ได้เอ่ยคำใด
หนานหนานถอยกลับไปทรุดตัวลงนั่งในมุมอย่างน่าเวทนา เขาร้องไห้และทำอะไรไม่ถูก
รถม้าแล่นไปครู่หนึ่ง และในที่สุดก็จอดที่ด้านนอกจวนท่านอ๋องซิว
“แม่นางอวี้ องค์ชายน้อย ถึงจวนแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
อวี้ชิงลั่วกระโดดลงจากรถไปทันที แล้วเดินเข้าประตูไปยังตำหนักของนางด้วยท่าทางเย็นชา
หนานหนานรีบตามนางไป เขาเดินตามอย่างระมัดระวัง แต่ไม่กล้าพูดอะไร
เสิ่นอิงที่กำลังเดินมาทางนี้บังเอิญเห็นร่างเล็ก ๆ เดินผ่าน เขาจึงรีบก้าวเข้ามาหาแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “หนานหนาน เหตุใดวันนี้กลับมาเร็วจัง? ไม่ใช่ว่า… เอ๊ะ แม่นางอวี้หรือ?”
เสิ่นอิงเดินมาอยู่ข้างหนานหนาน จากนั้นเขาก็พบว่าอวี้ชิงลั่วกำลังเดินอยู่ข้างหน้าเขา และดูเหมือนว่า… สีหน้าของนางไม่ค่อยดีนัก
เขาเหลือบมองสีหน้าของหนานหนานทันที และเหลือบมองสีหน้าของอวี้ชิงลั่วอีกครั้ง สัมผัสที่หกอันแข็งแกร่งของเขาได้บอกเขาว่าสถานการณ์กำลังเลวร้ายมาก
มุมปากของเสิ่นอิงกระตุก เขาก้าวถอยหลัง “ดูเหมือนว่าพวกท่านคงจะยุ่งกันอยู่ ข้ามีเรื่องสำคัญมากต้องทำ ดังนั้นข้าขอตัวไปก่อนนะ”
หลังจากพูดจบเขาก็หันหลังกลับทันที และเลี้ยวเข้าไปในซุ้มประตูเล็ก ๆ โดยไม่ได้เอ่ยคำใด เขาเอาหลังพิงกำแพงเขาขณะลูบหน้าอกของตนอย่างแรง แล้วถอนหายใจยาว
แม่นางอวี้และหนานหนานอยู่ด้วยกัน สีหน้าของแม่นางอวี้บึ้งตึง หนานหนานน่าสงสาร เขาร้องไห้ด้วยความโศกเศร้า
สถานการณ์นี้แสดงให้เห็นว่าแม่นางอวี้แอบติดตามหนานหนาน และคงจะพบแล้วว่าหนานหนานไปทำอะไรในทุกวันนี้ นางจึงโกรธมาก
เสิ่นอิงอดขมวดคิ้วไม่ได้ ไม่ได้ สถานการณ์ไม่ค่อยดีแล้ว เขาควรไปบอกองค์ชาย บางทีแม่นางอวี้อาจจะตีเจ้าตัวเล็กนั่นก็ได้ แม้ว่าเขาจะไม่เคยเห็นอวี้ชิงลั่วทำอะไรกับหนานหนาน แต่… หนึ่งหมื่นไม่กลัว กลัวหนึ่งในหมื่น
เสิ่นอิงไม่ลังเลอีกต่อไป และรีบเดินไปที่ห้องอ่านหนังสือ
เย่ซิวตู๋กำลังสั่งให้องครักษ์ลับตรวจสอบที่อยู่ของเย่ฮ่าวหรานและจินหลิวหลี ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
เขาโบกมือให้องครักษ์ลับออกไป แล้วพูดว่า “เข้ามา”
“องค์ชาย” เสิ่นอิงเข้าประตูมาและรีบก้าวมาข้างหน้า แล้วพูดด้วยน้ำเสียงวิตกกังวล “องค์ชาย หนานหนานกลับมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“แล้ว?” เขาจะเอะอะทำไม ก็แค่หนานหนานกลับมาไม่ใช่หรือ?
เสิ่นอิงถอนหายใจและรีบอธิบาย “แม่นางอวี้พาเขากลับมาด้วยตนเองพ่ะย่ะค่ะ”
“!!!” ชิงเอ๋อร์… พากลับมาหรือ?
เสิ่นอิงรีบเล่าเหตุการณ์ที่เขาเพิ่งเห็นที่ทางเดินเมื่อสักครู่นี้ จากนั้นจึงคาดเดาโดยไม่ลังเล
เย่ซิวตู๋ขมวดคิ้วและเหลือบมองเขา
“ชิงเอ๋อร์จะไม่ตีหนานหนาน” เขาแน่ใจในเรื่องนี้ ชิงเอ๋อร์รักเจ้าตัวเล็กนั่นมากกว่าใคร
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ดูเหมือนจะไม่ค่อยดีนัก คำอธิบายของเสิ่นอิงไม่ได้ดูเกินจริง และเขาอยู่กับชิงเอ๋อร์และหนานหนานมานานแล้ว ดังนั้นเขาจึงรู้นิสัยของพวกเขาดี ถ้ามันทำให้เขารู้สึกกังวลได้ ก็แสดงว่าบรรยากาศของทั้งสองคนต้องย่ำแย่มาก
เขารีบออกไปดู
เย่ซิวตู๋ลุกขึ้นและรีบออกจากห้องอ่านหนังสือ เสิ่นอิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่เขาก็ยังรักชีวิตของเขาอยู่ เขาจึงตัดสินใจไม่ตามไป
ภายในตำหนักของอวี้ชิงลั่วนั้นเงียบมาก เงียบจนน่าขนลุก
ทันทีที่เย่ซิวตู๋เข้าไปในตำหนัก เขาก็พบว่าไม่ว่าจะเป็นแม่นมเซียวหรือหญิงรับใช้คนอื่นของอวี้ชิงลั่ว ทุกคนต่างก็มายืนอยู่ที่ประตูตำหนักโดยไม่พูดอะไรสักคำ
เมื่อเห็นเขามา แม่นมเซียวก็เป็นผู้นำโค้งคำนับด้วยความเคารพ จากนั้นจึงจากไปพร้อมกับเหล่าหญิงรับใช้
เย่ซิวตู๋ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง และทำได้เพียงเดินเข้าไปข้างใน
ทันทีที่เขาเดินไปที่ประตูห้องของอวี้ชิงลั่ว เขาก็เห็นหนานหนานยืนอยู่ข้างประตู และกำลังจับกรอบประตูด้วยมือทั้งสองข้าง ขณะจ้องมองอวี้ชิงลั่วในห้องอย่างประหม่า
เย่ซิวตู๋อดไม่ได้ที่จะหรี่ตาลง เขายกมือขึ้นแตะศีรษะเด็กน้อย และถามด้วยเสียงเบาว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
หนานหนานหันศีรษะเมื่อได้ยินเสียงนั้น และเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อ เขาก็ถอนหายใจเหมือนผู้ใหญ่ตัวน้อย แต่ก็ส่ายหัวและไม่พูดอะไร
“…” มุมปากของเย่ซิวตู๋กระตุก หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ก้าวเข้าไปในประตู
“เจ้ามาทำอะไรที่นี่?” เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าข้างหลังนาง อวี้ชิงลั่วก็วางขวดยาที่กำลังซ่อมอยู่ลง แล้วหันศีรษะมามองเขาด้วยสายตาเย็นชา “ออกไป”
เย่ซิวตู๋ไม่คิดว่านางจะโกรธถึงเพียงนี้ เขากำมือแน่นและกระแอมออกมาเบา ๆ “ชิงเอ๋อร์ ไม่ว่าหนานหนานจะทำผิดพลาดอะไร ก็ให้บทเรียนกับเขาเถอะ เขายังเด็ก…”
“ข้าบอกให้เจ้าออกไป!!” อวี้ชิงลั่วหรี่ตาลงและชี้ไปที่ประตู แล้วพูดคำต่อคำ “หนานหนานยังเด็ก แต่เจ้าไม่เด็กแล้ว เป็นไปได้หรือไม่ที่ข้าจะสอนบทเรียนให้เจ้า?”
เย่ซิวตู๋ตกตะลึง เขาเกี่ยวอะไรด้วย?
ก่อนที่เขาจะสามารถหาเหตุผลได้ ร่างกายของเขาก็ถอยออกไปแล้ว เพราะถูกอวี้ชิงลั่วผลักออกมานอกประตู
“ชิงเอ๋อร์”
“ปัง” ประตูปิดลงต่อหน้าสองพ่อลูก
ปลายจมูกของเย่ซิวตู๋เกือบถูกกระแทก สีหน้าของเขาบิดเบี้ยวเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ก้มลงไปมองหนานหนาน
ผ่านไปครู่หนึ่ง หนานหนานก็จับมือเขาแล้วพูดว่า “ท่านพ่อ ไปห้องครัวกันเถอะ”
“ไปทำอะไรในห้องครัว?”
“เอากระดานซักผ้า”
……………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ชิงลั่วโกรธแล้วค่ะ รีบง้อเร็วเข้า
ไหหม่า(海馬)