อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 524 ข้าแค่ใจเย็นเกินไป
ตอนที่ 524 ข้าแค่ใจเย็นเกินไป
ตอนที่ 524 ข้าแค่ใจเย็นเกินไป
หนานหนานส่งเสียงจุ๊จุ๊จุ๊ “ท่านพ่อ ข้าแค่จะบอกว่าสิ่งที่ทำให้ท่านแม่ขุ่นเคืองนั้น แน่นอนว่าคือการเพิกเฉยต่อคำพูดของท่านแม่ ด้วยการสั่งให้คนอื่นคอยติดตามนาง”
เย่ซิวตู๋กลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง และจ้องมองหนานหนานด้วยใบหน้าซีดเผือด ก่อนจะใช้นิ้วบีบแก้มป่องสีชมพูของเด็กน้อยที่กำลังเยาะเย้ย “เจ้ายังจะมีหน้ามาพูดเยาะเย้ยอยู่อีกหรือ? หากแม่ของเจ้ารู้เรื่องนี้ในวันปกติ มากสุดนางก็คงจะแค่ดุและตักเตือนเท่านั้น ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องที่เจ้าทำให้นางโกรธมากในวันนี้ พ่อก็คงไม่โดนไปกับเจ้าด้วยหรอก”
แต่สุดท้ายฉินซงก็ขัดขวางอวี๋จั้วหลินเพื่อช่วยชิงเอ๋อร์ไว้ได้ จึงถือว่าคุ้มค่าอยู่และอีกสักพักคงดีขึ้น เพราะนางโกรธหนานหนานมาก นางจึงพาลมาโกรธเรื่องของเขาจนทำให้เกิดเป็นเรื่องใหญ่
เย่ซิวตู๋ไม่รู้จะทำเช่นไร เขาทำได้เพียงลูบหน้าผาก โชคร้ายมาไม่หยุดหย่อนจริง ๆ
หนานหนานรู้สึกขุ่นเคือง แม้ว่าท่านพ่อจะพูดความจริง แต่เขาก็อดบีบแก้มของพ่อไม่ได้ และบอกว่าเขาไม่หล่ออีกต่อไปแล้ว
“ท่านพ่อ เราจะไปเอาไม้หนามกันอยู่หรือไม่?”
“…” เจ้าตัวเล็กนี่คิดแต่เรื่องไม้หนามหรืออย่างไร? “พ่อขอคิดดูอีกที”
การแบกไม้หนามนั้นเป็นไปไม่ได้แน่ หากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไปว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา ชิงเอ๋อร์จะถูกเสด็จพ่อและเสด็จแม่ของเขาฆ่าตายแน่นอน
เย่ซิวตู๋เม้มริมฝีปาก สีหน้าของเขาเคร่งเครียด และหันกลับไปมองตำหนักของอวี้ชิงลั่ว แต่เขาทำอะไรไม่ได้
ฉินซงที่ยังคงคุกเข่าอยู่บนพื้นไม่กล้าเอ่ยคำใดสักคำ และไม่กล้ายืนขึ้นด้วย
ทั้งสามคนเงียบอยู่นาน จากนั้นแม่นมเซียวก็เดินอย่างแช่มช้ามาพร้อมกับหญิงรับใช้สองสามคน
เมื่อเห็นภาพนี้ นางก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยกมือขึ้นเพื่อหยุดหญิงรับใช้ที่ถือถาดอาหารอยู่ข้างหลังนาง และทำความเคารพเย่ซิวตู๋ “องค์ชาย”
“นางจะกินข้าวในตำหนักหรือ?” เย่ซิวตู๋มองดูสิ่งที่อยู่ในมือของหญิงรับใช้ และรู้ได้ว่าอวี้ชิงลั่วคงไม่สามารถใจเย็นลงได้ในเวลาอันสั้น
“เพคะ” แม่นมเซียวพยักหน้าตอบ
เย่ซิวตู๋เหลือบมองจานอาหารทั้งสองอีกครั้งและชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงก้าวเข้าไปรับจานเหล่านั้น “เปิ่นหวางจะยกไปให้นางเอง”
แม่นมเซียวตกตะลึง และมองเย่ซิวตู๋ที่กำลังเขินอาย
นางเข้าใจอารมณ์ของอวี้ชิงลั่วเช่นกัน หากเป็นวันปกติ ไม่ว่านางจะจู้จี้เรื่องอะไร อวี้ชิงลั่วก็มักจะไม่ได้ใส่ใจมากนัก แต่วันนี้ต่อให้เป็นคนตาบอดก็เห็นได้ว่านางอารมณ์ไม่ดี ซึ่งในสถานการณ์เช่นนี้ แม่นมเซียวจึงไม่กล้าจู้จี้จุกจิก
เย่ซิวตู๋โบกมือ “ออกไป”
“เพคะ องค์ชาย” แม่นมเซียวแอบถอนหายใจ อวี้ชิงลั่วเป็นเจ้านาย และองค์ชายก็เป็นเจ้านายแห่งจวนท่านอ๋องซิวแห่งนี้
นอกจากนี้ นางยังหวังว่าพวกเขาจะสามารถคืนดีกันได้ และอย่าได้ลังเลอีกต่อไปเลย เมื่อเห็นท่าทางที่น่าสงสารของหนานหนาน นางก็รู้สึกเป็นทุกข์
แม่นมเซียวโบกมือให้หญิงรับใช้ทุกคนลงไป หลังจากหันหลังเดินไปได้สองก้าว นางก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหันกลับมาพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “องค์ชาย องค์ชอบให้ใช้ไม้อ่อนเพคะ”
“เปิ่นหวางรู้”
เย่ซิวตู๋คนเดียวบอกให้ฉินซงออกไปด้วย แล้วพาหนานหนานกลับไปที่ตำหนักของอวี้ชิงลั่ว
มือน้อยของหนานหนานบีบแรง ๆ แล้วแหงนหน้ามองพ่อของเขา “ท่านจะเอาเข้าไปส่งให้จริงหรือ? แน่ใจนะว่าจะไม่ไปเอาไม้หนามก่อนแล้วค่อยเข้าไป? ข้าคิดว่าแบบนี้ไม่ค่อยดีเลย”
“เข้าไปข้างในแล้วยอมรับผิดเสีย” เย่ซิวตู๋จ้องมองเขา
หนานหนานรู้สึกผิดที่สุด เห็นได้ชัดว่าทำผิดพลาดกันทั้งสองคน พ่อจะผลักให้ข้าเข้าไปตาย ข้าดูเหมือนท่านพ่อหรือ? ไม่มีท่าทางหรอก ฮึ่ม
หนานหนานไม่พอใจ แต่ทั้งสองก็เดินไปที่ประตูห้องของอวี้ชิงลั่วทีละคน
เย่ซิวตู๋เคาะประตู และเสียงเย็นเยียบจากภายในก็ดังขึ้น “เข้ามา”
“แอ๊ด” เสียงประตูถูกเปิดออก
ทันทีที่อวี้ชิงลั่วเงยหน้าขึ้น นางก็เห็นคนตัวแสบสองคนยืนอยู่ที่ประตู ทันใดนั้นเสียงคำรามก็ดังขึ้นอีกครั้ง เจ้าบ้าทั้งสองยังมีหน้ามาปรากฏตัวต่อหน้าข้าอีกหรือ?
“อ๊าก ท่านแม่ ข้าจะไปเอาไม้หนาม ข้าจะไปเดี๋ยวนี้” สายตาของหนานหนานว่องไวมาก เขารีบปล่อยมือของเย่ซิวตู๋และไม่ได้เอ่ยคำใดสักคำ และหายตัวไปในพริบตา ทิ้งพ่อของเขาไว้ที่นี่อย่างไร้ความปรานี
“…” เย่ซิวตู๋อยากจะตีเขาจริง ๆ แต่เจ้าตัวเล็กนั่นช่างว่องไวเสียจริง
เขากระแอมออกมา ก่อนจะแตะจมูกและวางจานอาหารลงบนโต๊ะ “แม่นมเซียวบอกว่าเจ้าจะกินข้าวในห้องนี้ ข้าจึงยกมาให้เจ้า”
“ข้าเบื่ออาหารแล้ว เอามันออกไป” อวี้ชิงลั่วหันหลังเดินกลับไปที่ห้องชั้นใน
เย่ซิวตู๋ขมวดคิ้วเพียงลำพังและรีบตามเข้าไป “ชิงเอ๋อร์ ต่อให้เจ้าจะโกรธเพียงใด แต่ก็ไม่ควรละเลยร่างกายไม่ใช่หรือ? เจ้าบอกเองไม่ใช่หรือ ว่าควรกินอาหารที่มีโภชนาการครบถ้วนให้ครบสามมื้อ? เช่นนั้นก็กิน…”
“เอ๊ะ เจ้ายังจำสิ่งที่ข้าพูดได้ด้วยนี่ ข้าคิดว่าเจ้าสองคนลืมไปนานแล้ว” อวี้ชิงลั่วหันกลับมาทันที และก้าวเข้ามาหาเขาด้วยท่าทางประชดประชัน “ข้าคิดว่าตัวเองคิดมากไป และสิ่งที่ข้าพูดก็ไม่เคยทิ้งร่องรอยไว้ในใจของพวกเจ้าเลย เจ้าช่างน่าทึ่งนัก เป็นองค์ชาย องค์ชายผู้มีทัศนคติสูงส่ง แล้วข้าเป็นใคร องค์หญิงจอมปลอม หญิงแพศยาคนที่เกือบถูกจับใส่กรงหมูถ่วงน้ำ เมื่อข้าพูดก็ไม่ต่างจากการผายลม เวลาข้าพูดอะไรก็เข้าหูซ้ายทะลุออกหูขวาของพวกเจ้าเสมอ พูดแล้วก็ไม่มีประโยชน์ใช่หรือไม่?”
เย่ซิวตู๋ขมวดคิ้ว “ชิงเอ๋อร์ อย่าพูดเช่นนั้น”
“ไม่ให้พูดเช่นนั้นแล้วจะให้ข้าพูดอะไร? มันไม่ใช่ความจริงหรือ?” สีหน้าของอวี้ชิงลั่วเย็นชายิ่งกว่าเดิม “เฮ้ พวกเจ้าน่าทึ่งมาก มีทั้งทักษะ ความสามารถและสถานะสูงส่ง แต่ข้าเป็นสตรีผู้มีผมยาวแต่มีความรู้สั้น มีสิทธิ์อะไรไปก้าวก่ายเรื่องของพวกเจ้า ใช่หรือไม่? หากพวกเจ้าไม่พอใจข้า ข้าก็จะจากไป ไม่จำเป็นต้องมากวนประสาทข้าเช่นนี้ ข้า…”
“ชิงเอ๋อร์!!” เย่ซิวตู๋ก้มหน้าและคว้าข้อมือนางไว้ทันที ก่อนจะดันนางไปที่กำแพง สายตาของเขาจริงจังมาก “เจ้าขาดสติเกินไป ใจเย็นก่อน”
“ข้าไม่ใจเย็นแล้ว ข้าแค่ใจเย็นเกินไป พวกเจ้าจึงไม่เคยคิดว่าข้าจริงจังเลย” ใบหน้าของอวี้ชิงลั่วซีดลง พวกเขาไม่เข้าใจว่านางกังวลเพียงใด เมื่อนางรู้ถึงอันตรายที่หนานหนานอาจต้องเผชิญ และไม่เข้าใจว่านางหวาดกลัวเพียงใดเมื่อเห็นหนานหนานดูเหมือนกำลังจะตายเมื่อราวหนึ่งปีที่แล้ว
ไม่สำคัญว่าในวันปกติเขาจะก่อกวนนางอย่างไร เพราะนางไม่ต้องกังวลว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บ
แต่ผลข้างเคียงของกำลังภายในนั้นร้ายแรงเพียงใด หากถึงเวลานั้นจริง ๆ ต่อให้นางจะมีความสามารถเทียมสวรรค์ และมีทักษะทางการแพทย์ดั่งเทพเจ้า นางก็ไม่อาจช่วยชีวิตลูกชายสุดที่รักของนางได้
“อืม…” จู่ ๆ ก็มีแรงกดเบา ๆ ที่ริมฝีปากของนาง เย่ซิวตู๋จับศีรษะของนางไว้ ทำให้ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เลย
อวี้ชิงลั่วตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วผลักเขาอย่างแรง
“เย่ซิวตู๋ เจ้ากล้าดีอย่างไร… อืม…”
เย่ซิวตู๋ใช้แขนข้างหนึ่งโอบรอบเอวนาง แรงกอดนั้นทรงพลังมากจนเอวของนางเกือบหัก
อวี้ชิงลั่วพยายามผลักเขาออกไป แต่ก็ไม่สามารถทำได้ นางยกเท้าขึ้นหมายจะกระทืบเท้าเขาอย่างแรง แต่แล้วขาของนางก็ถูกเขาตรึงเอาไว้
นางรู้สึกเหมือนถูกมัดไว้กับผนัง มีเพียงความเจ็บปวดและอาการชาในปากของนางเท่านั้นที่ทำให้นางเวียนหัว
ในขณะนี้ หนานหนานที่หมอบอยู่ใต้หน้าต่างกำลังก้มหน้าปิดปากตัวเอง และร้องไห้เงียบ ๆ
……………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
หนานหนานลูกกกก ออกไปจากตรงนั้น มันไม่ดีนะคะ
ไหหม่า(海馬)