อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 525 มีเรื่อง
ตอนที่ 525 มีเรื่อง
ตอนที่ 525 มีเรื่อง
หลังจากผ่านไปนาน อวี้ชิงลั่วก็รู้สึกว่าจู่ ๆ แรงกดบนร่างกายของนางคลายลง อากาศที่ถูกปิดกั้นกลับเข้าสู่ปลายจมูกของนางอีกครั้ง และสมองของนางก็ค่อย ๆ ฟื้นตัว
เย่ซิวตู๋ยังคงกอดนางแน่นไม่ยอมปล่อย หน้าผากของเขาแนบกับของนาง เสียงของเขาแหบแห้ง “ชิงเอ๋อ อย่าพูดเช่นนั้นอีก ข้าขอโทษเจ้าได้หรือไม่?”
อวี้ชิงลั่วคว้าเสื้อของเขาไว้แน่นด้วยมือทั้งสองข้าง หน้าอกของยุบขึ้นลงเพราะยังคงหายใจแรง
ขาของนางอ่อนแรงเล็กน้อย ที่นางยังยืนได้เป็นเพราะเย่ซิวตู๋ช่วยพยุงนางไว้
“หนานหนานไม่ได้ไม่เชื่อฟังเจ้า เขาเป็นคนดีและรักเจ้ามาก แล้วเขาจะไม่ฟังเจ้าได้อย่างไร?” เย่ซิวตู๋ใช้แขนโอบรอบเอวของนางไว้ เพื่อพยุงร่างที่อ่อนแรงของนาง เสียงของเขาเบาลง “ มันเป็นความผิดของข้าเอง ข้าไม่ได้ดูแลเขาให้ดี และข้าจะไม่ทำอีกในอนาคต”
อวี้ชิงลั่วเงยหน้าขึ้นเหลือบมองเขาเล็กน้อย
นิ้วของเย่ซิวตู๋ลูบไล้ผ่านดวงตาของนางเบา ๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นอวี้ชิงลั่วเปราะบางเช่นนี้ ความตื่นตระหนกฉายแววชัดในดวงตาคู่นั้น เกรงว่านางจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันรุนแรงเพียงใด
เขาละเลยมากเกินไป เขาไม่ควรปล่อยให้หนานหนานปกปิดเรื่องนี้ได้
“ไม่ ข้าไม่อนุญาตเจ้าให้ตัดสินใจเองโดยพลการ และปล่อยให้หนานหนานไปหาคนมองโกลเพื่อเป็นทายาท ไม่เช่นนั้นข้าจะฆ่าเจ้าเสีย” ในที่สุดอวี้ชิงลั่วก็หายใจได้สะดวก นิ้วของนางจับเสื้อบนหน้าอกของเขาแน่นขึ้นทันที ขณะกัดฟันพูดคำต่อคำ
นางไม่รู้ว่ากฎของชาวมองโกลเป็นอย่างไร และไม่รู้ว่าเย่ซิวตู๋เชื่อฟังเหมิงลู่หรือไม่ แต่คำพูดของเหมิงลู่ก่อนที่เขาจะจากไปทำให้นางกังวล เขาพูดอย่างมั่นใจว่าเย่ซิวตู๋จะยอมตกลงยกหนานหนานให้เป็นทายาทของเขา ดังนั้นนางจึงกังวลว่าในใจของเย่ซิวตู๋นั้นจะให้ความสำคัญกับภารกิจเรื่องบ้านเมืองมากกว่าเลือดเนื้อเชื้อไข
ผีเท่านั้นที่รู้ว่าชาวมองโกลมีความเชื่อและความลับที่ยุ่งเหยิงอย่างไรบ้าง แต่ถ้า เย่ซิวตู๋กล้าแสดงความคิดเห็นโดยไม่คำนึงถึงความปรารถนาของหนานหนาน นางจะไม่ยอมปล่อยเขาไปอย่างแน่นอน
เย่ซิวตู๋แอบถอนหายใจ ชิงเอ๋อร์โกรธเขาเพราะเรื่องนี้ต่างหาก ไม่ใช่เรื่องที่เขาสั่งให้คนคอยติดตามนาง ยิ่งกว่านั้นคือเขาเกรงว่าสิ่งที่นางเพิ่งพูดไปอาจจะมีความหมายลึกซึ้งอยู่เบื้องหลัง
“เจ้าต้องมั่นใจในตัวข้าบ้าง” เย่ซิวตู๋ยกมือขึ้นลูบใบหน้าของตน “ชาวมองโกลมีกฎที่บัญญัติไว้ว่าหัวหน้าเผ่าที่ได้รับการสืบทอดจะต้องเป็นชายที่มีปานรูปดอกไม้ และต้องเป็นผู้ที่ถูกคัดเลือกโดยหัวหน้าคนก่อน และต้องเป็นที่ยอมรับจากทุกคนด้วย หลายร้อยปีมาแล้ว มีคนที่มีปานรูปดอกไม้มากมายนับไม่ถ้วนที่ต้องการเป็นหัวหน้า และการแข่งขันอันมืดมนในหมู่พวกเขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าการแข่งขันในราชวงศ์เลย”
อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว แน่นอนว่าชาวมองโกลไม่ใช่คนที่มีคุณธรรมสูงส่ง
เย่ซิวตู๋ขมวดคิ้วและกล่าวต่อ “ชายคนใดในกลุ่มชาติพันธุ์มองโกเลียที่มีปานรูปดอกไม้อยู่บนร่างกายของเขา ก็จะถือว่าเขาเป็นคนมองโกเลียตลอดชีวิต ตราบใดที่ชาวมองโกเลียขาดแคลนคน เขาจะต้องกลับไปเพื่อช่วยเหลือ แต่ว่านะชิงเอ๋อร์ สำหรับข้านั้น คนมองโกลไม่ได้สำคัญเท่าเจ้าและหนานหนาน ไม่มีใครสำคัญเท่าพวกเจ้าอีกแล้ว”
“ดังนั้นก็จงเชื่อมั่นในตัวข้า ข้าจะไม่บังคับหนานหนานให้ทำในสิ่งที่เขาไม่ต้องการจะทำ เว้นแต่ว่าเขาจะอยากเป็นหัวหน้าด้วยตัวเขาเอง และมีความสนใจเช่นนั้น แต่ข้าจะไม่ปลูกฝังความคิดของชาวมองโกลเหล่านั้นให้เขา”
อวี้ชิงลั่วเผลอกะพริบตา เมื่อเห็นท่าทางของเย่ซิวตู๋อ่อนโยนลงอย่างมาก
อีกฝ่ายครุ่นคิด แล้วริมฝีปากบางของเขาก็ขยับไปข้างหน้าเพื่อจุมพิตปลายจมูกของนาง
อวี้ชิงลั่วพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา ก่อนจะผลักเขาออกไปแล้วก้าวไปด้านข้าง “คราวนี้เป็นโอกาสดีที่สุดที่เจ้าจะรักษาคำพูด เจ้าออกไปเถิด ข้าหิวแล้ว ข้าจะกินข้าว”
เย่ซิวตู๋ตบหน้าผากตัวเอง ดูเหมือนว่าความกังวลของนางจะหมดไป แต่ความโกรธของนางยังคงอยู่
มันไม่ง่ายเลยจริง ๆ ที่จะทำให้นางสงบลงได้ชั่วขณะหนึ่ง แต่โชคดีที่ความโกรธและความหงุดหงิดของนางน้อยลง
“ชิงเอ๋อร์ ข้าก็หิวแล้วเหมือนกัน ขอกินด้วยหน่อยซี”
“ฟึ่บ” อวี้ชิงลั่วตบตะเกียบลงบนโต๊ะ แล้วพูดกับเขาว่า “ออกไปไม่ได้หรือ?”
“…” ร่างของเย่ซิวตู๋ที่เพิ่งนั่งลงลุกขึ้นยืนอีกครั้ง “… เจ้าค่อย ๆ กิน”
อวี้ชิงลั่วส่งเสียงในลำคอเบา ๆ ก่อนจะจ้องมองเขาเดินออกไปและปิดประตู แล้วหยิบตะเกียบขึ้นมาอีกครั้ง
ทันทีที่เย่ซิวตู๋ออกมาจากตำหนัก เขาก็เห็นหนานหนานนั่งยอง ๆ จ้องมองไปยังก้อนหินด้วยสายตาว่างเปล่า
เขารู้ว่าตอนนั้นเด็กน้อยอยู่นอกหน้าต่าง และอาจได้ยินคำพูดของชิงเอ๋อร์
เย่ซิวตู๋กอดหนานหนานอย่างระมัดระวัง “หิวหรือยัง ไปกินอาหารเย็นกัน”
“ท่านพ่อ ข้าไม่เชื่อฟังคำพูดของท่านแม่” หนานหนานคว้าชายเสื้อของเขามาบีบแน่น แล้วค่อย ๆ ปล่อยมือ
“พ่อรู้ แต่เจ้าก็รู้ว่าที่แม่ของเจ้าพูดออกมาเมื่อสักครู่นี้เป็นเพราะความโกรธ” เย่ซิวตู๋ลูบหัวเด็กน้อย ก่อนจะมองตาแดงก่ำของเขา แล้วพูดเบา ๆ “แม่ของเจ้าก็แค่เป็นห่วงเจ้า จึงต้องการสอนบทเรียนของให้เจ้า เจ้าก็รู้ดีว่านางอารมณ์ร้อนเพียงใด และวันนี้นางเหนื่อยมากแล้ว ปล่อยให้นางพักผ่อนให้สบาย แล้วค่อยเจอกันพรุ่งนี้ดีหรือไม่?”
หนานหนานพยักหน้า แต่อารมณ์ของเขาก็ยังคงหดหู่อยู่เล็กน้อย เขาเอาแขนโอบรอบคอของเย่ซิวตู๋ และหัวเล็ก ๆ ของเขาก็ซบอยู่บนไหล่ของพ่อ
เย่ซิวตู๋ก็ไม่คุ้นเคยกับท่าทางหดหู่ของหนานหนานเช่นกัน เขาใช้ฝ่ามือลูบหลังเบา ๆ แล้วเดินไปยังโถงบุปผา
เป็นครั้งแรกที่หนานหนานกินน้อยจนแทบจะนับเมล็ดข้าวได้ เย่หลานเฉิงที่เฝ้าดูอยู่เห็นเช่นนั้นก็รู้สึกไม่สบายใจ
วันนี้บรรยากาศในจวนอึมครึมอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ผู้คนไม่กล้าพูดอะไรสักคำ
บัดนี้เสิ่นอิงและคนอื่น ๆ รู้แน่ชัดแล้ว ว่าคนที่ใหญ่ที่สุดในจวนแห่งนี้ตัวจริงคือใคร
เฮ้อ จะต้องไม่ยั่วโมโหแม่นางอวี้อีกในอนาคต
เย่ซิวตู๋ไม่ได้กลับไปที่ตำหนักของอวี้ชิงลั่วในคืนนั้น แต่คืนนั้นอวี้ชิงลั่วกลับนอนไม่สนิทเลย ราวกับว่า… มีบางอย่างขาดหายไป และนางไม่ชินกับมัน
ดังนั้นเมื่อนางตื่นขึ้นในเช้าวันรุ่งขึ้น ก็เห็นได้ชัดว่านางดูไม่สดชื่นและเซื่องซึม
อาหารเช้าของนางยังคงถูกแม่นมเซียวส่งมาที่ตำหนัก นางยังคงอ่านตำราทางการแพทย์เงียบ ๆ ตลอดเช้า และไม่แม้แต่จะก้าวออกจากประตู
หนานหนานก็ตื่นแต่เช้าเช่นกัน แต่เขาก็ไม่รู้ว่าตนจะต้องทำอย่างไรต่อ และกินข้าวอย่างรีบร้อน
และในบรรยากาศที่แปลกประหลาดของจวนท่านอ๋องซิว ท้องฟ้าของเมืองหลวงก็เปลี่ยนไปเช่นกัน
บรรยากาศภายนอกมืดมนมาก อวี้ชิงลั่วเปิดหน้าต่างทุกบานแล้ว แต่ก็ยังคงรู้สึกว่าบรรยากาศมืดหม่นมาก ราวกับว่าพายุกำลังจะมาในไม่ช้า
หลังอาหารกลางวัน ฝนก็เทลงมา ผืนดินและหลังคาเปียกทันที
เมื่อเสียงฟ้าร้องดังขึ้น แม่นมเซียวรีบเข้ามาจากด้านนอกและกระซิบว่า “องค์หญิง มีเรื่องเกิดขึ้นแล้วเพคะ”
นางวางตำราในมือลงบนโต๊ะ อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้วเล็กน้อย นางไม่ชอบบรรยากาศเช่นนี้จริง ๆ
“เกิดอะไรขึ้น?” สีหน้าของแม่นมเซียวจริงจัง ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย
……………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
จะเกิดอะไรขึ้นอีกไหมคะเนี่ย ขออย่าให้ร้ายแรงเลยนะคะ
ไหหม่า(海馬)