อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 526 เหตุใดยังไม่มาอีก
ตอนที่ 526 เหตุใดยังไม่มาอีก
ตอนที่ 526 เหตุใดยังไม่มาอีก
แม่นมเซียวเหลียวซ้ายแลขวา ไม่นานก็ลดเสียงลงและกระซิบข้างหูของนางว่า “อุปราชแห่งอาณาจักรจิงเหลยถูกลอบสังหารเพคะ”
ซ่างกวนจิ่นหรือ?
อวี้ชิงลั่วตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง คนผู้นี้มีวิทยายุทธ์ล้ำเลิศและระมัดระวังตัวยิ่ง รอบกายของเขาถูกรายล้อมไปด้วยเหล่ายอดฝีมือ หากเขาถูกลอบสังหาร คนที่ลงมือก็จะต้องเป็นคนที่อยู่รอบกายของเขาอย่างแน่นอน
“ตายแล้วหรือ?”
แม่นมเซียวส่ายหัว “ยังไม่ตายเพคะ แต่ยังไม่พ้นขีดอันตราย หมอหลวงประจำราชสำนักก็ช่วยอะไรไม่ได้ จึงเกรงว่าอาจจะรอดยาก หม่อมฉันเพิ่งเข้ามาเห็นว่ามีคนจากวังเข้ามาคุยกับท่านอ๋องซิวในตอนนี้เพคะ”
แม่นมเซียวไม่แปลกใจเลย ตอนนี้ทุกคนรู้ตัวตนของหมอปีศาจแล้ว และพวกเขารู้ว่าหมอปีศาจอยู่ในจวนท่านอ๋องซิว ซึ่งหมอหลวงก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องมาหานาง
อวี้ชิงลั่วหรี่ตาลงทันที จริงจังเพียงนี้เชียวหรือ?
“ท่านอ๋องตรัสว่าอย่างไรบ้าง?”
“ดูเหมือนว่าท่านอ๋องจะไม่เห็นด้วยกับท่าน ก่อนที่หม่อมฉันจะมาที่นี่ ก็ได้ยินท่านอ๋องเพียงแค่ตรัสว่าท่านไม่สบาย และในวังก็เต็มไปด้วยคนที่มีพรสวรรค์ อีกทั้งอุปราชก็ได้พาหมอหลวงมาเองด้วย ดังนั้นอุปราชย่อมจะไม่เป็นอะไร”
อวี้ชิงลั่วพ่นลมเบา ๆ เย่ซิวตู๋เริ่มพูดมากอีกแล้ว
ทว่าเขาไม่ต้องการให้นางไปเช่นนั้นหรือ?
นางหลับตาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้ยาวทันที “แต่งตัวให้ข้า”
แม่นมเซียวตกตะลึง “องค์หญิงกำลังคิดจะไปที่เรือนรับรองของอาณาจักรจิงเหลยหรือเพคะ?”
อวี้ชิงลั่วที่กำลังเดินเข้าไปในห้องชั้นในชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันกลับมามองแม่นมเซียวด้วยรอยยิ้มจาง “เจ้านำเรื่องนี้มาบอกข้า ไม่ใช่ว่าต้องการให้ข้าไปรักษาซ่างกวนจิ่นหรอกหรือ?”
แม่นมเซียวดูประหม่าเล็กน้อย เมื่อถูกพูดแทงใจเช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่จะแสดงท่าทางเก้อเขินออกมา
นางก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว แล้วอธิบายด้วยเสียงเบาว่า “องค์ชายรองสั่งให้คนมาบอกหม่อมฉันว่าอาการของอุปราชไม่ปกติ หากเป็นวันธรรมดาก็ไม่สำคัญว่าเขาจะเป็นหรือตาย แต่ถ้าเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นในอาณาจักรเฟิงชาง ในช่วงที่มีการแข่งขันใหญ่ของสี่อาณาจักร ก็เกรงว่าฮ่องเต้แห่งอาณาจักรจิงเหลยจะพิโรธ และในเวลานั้นอาณาจักรเฟิงชางจะน่าสงสัยมากที่สุด และอาจนำมาซึ่งความขัดแย้งของสองอาณาจักรได้เพคะ”
แม่นมเซียวอธิบายจบแล้วก็เห็นว่าสีหน้าของอวี้ชิงลั่วไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก นางจึงเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อผ้าสะอาดสำหรับออกไปข้างนอกมาวางลงบนเตียง
“และองค์ชายรองยังบอกด้วยว่า ตอนนี้ทุกคนในโลกรู้ความสัมพันธ์ระหว่างองค์หญิงกับท่านอ๋องซิวแล้ว และยังรู้ด้วยว่าองค์หญิงเป็นหมอปีศาจ หากองค์หญิงไม่ลงมือช่วย คนแรกที่จะถูกอาณาจักรจิงเหลยสอบสวนก็คือท่านอ๋องซิว และเป็นไปได้ที่จะนำมาเป็นข้ออ้างในการเริ่มสงคราม ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น ท่านอ๋องซิวจะกลายเป็นคนบาปแห่งอาณาจักรเฟิงชางเพคะ”
อวี้ชิงลั่วเย้ยหยัน “ถังป๋ายชือชอบคิดแทนคนอื่นจริง ๆ เย่ซิวตู๋ไม่สนใจหรอกว่าตนจะกลายเป็นคนบาปแห่งอาณาจักรเฟิงชางหรือไม่ แต่เขากลับสนใจมาก”
แม่นมเซียวเผยรอยยิ้มที่แทบมองไม่เห็นที่มุมปาก และก้าวเข้าไปช่วยใส่ผ้ารัดเอวให้อวี้ชิงลั่ว พร้อมพูดเสียงล้อเลียน “องค์หญิงก็ไม่สนใจท่านอ๋องซิวด้วยหรือเพคะ? หากองค์หญิงก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้เช่นเดียวกัน ด้วยนิสัยขององค์หญิงแล้ว เหตุใดท่านต้องเข้าไปมีส่วนร่วมในเรื่องนี้ด้วยเล่าเพคะ?”
อวี้ชิงลั่วพบว่าคำพูดของแม่นมเซียวในวันนี้ชวนหงุดหงิดอย่างยิ่ง และน่ารำคาญมากกว่ากฎจู้จี้จุกจิกก่อนหน้านี้เสียอีก
นางจ้องเขม็งไปยังแม่นมเซียว “เจ้ามาที่นี่ในฐานะคนโน้มน้าวใจหรือ เย่ซิวตู๋สั่งให้เจ้ามาหรือ?”
“องค์หญิงคิดมากเกินไปแล้ว ท่านอ๋องจะเห็นหม่อมฉันในสายตาได้อย่างไร? หม่อมฉันแค่ไม่อยากให้องค์หญิงโกรธ เราทุกคนเห็นความกรุณาของท่านอ๋องที่มีต่อองค์หญิง แม้ท่านจะทำอะไรที่ทำให้องค์หญิงไม่มีความสุขก็เป็นเรื่องที่ให้อภัยได้ แต่เราไม่อาจเพิกเฉยต่อเจตนาที่แท้จริงของท่านอ๋องได้ใช่หรือไม่เพคะ?”
แม่นมเซียวเป็นคนใจแข็ง จึงเป็นเรื่องยากที่จะเกลี้ยกล่อมอวี้ชิงลั่วด้วยน้ำเสียงเช่นนี้
อวี้ชิงลั่วจะไม่เข้าใจเจตนาที่แท้จริงได้อย่างไร? นางแค่อยากจะทวนความจำของสองพ่อลูก นางจะโกรธพวกเขาได้อย่างไร?
หลังจากแต่งตัวเสร็จแล้ว อวี้ชิงลั่วก็ถามแม่นมเซียวเกี่ยวกับการลอบสังหารซ่างกวนจิ่น และสถานการณ์โดยรวมที่เกิดขึ้น นางเชื่อว่าถังป๋ายชือต้องอธิบายให้นางฟังอย่างละเอียดแล้ว
ความคิดบางอย่างผุดในใจ อวี้ชิงลั่วจึงไปหยิบยาสองสามขวดที่ตู้ ก่อนจะเดินนำแม่นมเซียวออกจากจวนท่านอ๋องซิวไป
เมื่อองครักษ์มารายงานเย่ซิวตู๋เรื่องอวี้ชิงลั่ว ทั้งสองก็เดินทางออกไปแล้ว
ใบหน้าของเย่ซิวตู๋เปลี่ยนเป็นสีดำคล้ำ ชิงเอ๋อร์ช่างงี่เง่านัก เห็นชัดว่าซ่างกวนจิ่นมีเจตนาไม่ดีต่อนาง แต่นางกลับไปยังหน้าประตูเรือนของเขาด้วยตนเอง ไม่รู้ว่าคนผู้นั้นรับผลประโยชน์แล้วจะรับผิดชอบหรือไม่ด้วยซ้ำ
บ้าที่สุด
เมื่อเหมียวเชียนชิวที่มาส่งข่าวที่ตำหนักได้ยินว่าอวี้ชิงลั่วไปแล้ว เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะปาดเหงื่อและรีบออกไป
เขารู้ว่ามันคงเป็นเรื่องยากที่จะกระจายข่าวนี้ออกไป ท่านอ๋องซิวไม่ชอบทำตามคำสั่งใคร และแม่นางผู้นั้นก็รักอิสระมากกว่า ใครจะรู้ว่าอีกฝ่ายจะมาที่นี่เพื่อรักษา ด้วยเหตุผลที่ว่าผู้ป่วยเป็นอุปราช
โชคดีที่… แม่นางชิงมีสามัญสำนึก ไม่เหมือนกับองค์ชาย… ที่ไม่ได้มองเขาให้ดีตั้งแต่แรก
เหมียวเชียนชิวกำลังยุ่งและออกจากตำหนักท่านอ๋องซิวเงียบ ๆ เพราะเกรงว่าเรื่องนี้จะทำให้เย่ซิวตู๋โกรธ
ถือว่าได้ทำบุญเสร็จสิ้นแล้ว ถึงเวลารีบกลับได้เสียที
เหมียวเชียนชิวรีบเข้าไปในรถม้า เพื่อมุ่งหน้าไปยังเรือนรับรองของอาณาจักรจิงเหลย
เสียงฝนตกกระทบหลังคารถม้าดังซ่าๆ อยู่ด้านนอก อวี้ชิงลั่วหลับตาลง พร้อมกับร่างกายโยกไปมาตามจังหวะของรถม้า
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม ในที่สุดรถม้าก็มาจอดที่ประตูเรือนรับรอง
เมื่อเห็นว่าเป็นรถม้าจากตำหนักอ๋องซิว ขันทีที่รออยู่ที่ประตูก็ตาสว่างทันที และรีบนำร่มมารับอวี้ชิงลั่วออกจากรถม้าอย่างระมัดระวัง
เพียงแต่เมื่อมองเข้าไปข้างในอีกครั้ง เขาก็ไม่พบร่างของท่านอ๋องซิว เขาจึงตกตะลึงไปทันที แต่ก็หันกลับมาพาอวี้ชิงลั่วและแม่นมเซียวเข้าไปอย่างรีบเร่ง
ไม่ว่าในกรณีใด กุญแจสำคัญที่ฝ่าบาทรับสั่งไว้ก็คือหมอปีศาจจะมาหรือไม่
บรรยากาศในเรือนรับรองตึงเครียดมาก โดยเฉพาะภายในเรือนอาศัยของซ่างกวนจิ่นที่รายล้อมไปด้วยเหล่าองครักษ์ แม้ฝนจะเทลงมาในตอนนั้น แต่ก็ไม่มีใครกล้าขยับตัว
เมื่อเห็นอวี้ชิงลั่วเข้ามาใกล้ หัวหน้าหน่วยรักษาพระองค์ก็หรี่ตาลงเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเขาจะลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่แล้วก็ปล่อยให้นางเข้ามา
ขณะที่อวี้ชิงลั่วเดินยกชายกระโปรงเดินไปตามทางเดิน นางก็เห็นสาวใช้ออกมาพร้อมกับถาดเลือด และหมอหลวงหลายคนก็ยืนเหงื่อท่วมตัวอยู่ข้างประตูด้วยกายอันสั่นสะท้าน
เมื่อเข้าไปใกล้ นางก็ได้ยินเสียงคำรามอย่างโกรธเคืองของฮ่องเต้ “พวกเจ้าทุกคนเป็นสวะกันหมดหรือ? ข้าจะเลี้ยงพวกเจ้าไว้เพื่ออะไร เหตุใดไม่คิดหาวิธีเล่า? หากไม่สามารถรักษาอุปราชได้ พวกเจ้าทุกคนจะต้องชดใช้ด้วยชีวิต…”
ทันทีที่พระองค์ตรัสจบ นางก็ได้ยินเสียงหมอหลวงทุกคนร้องขอความเมตตา ฟังจากน้ำเสียงอันสั่นเทานั้น เกรงว่าพวกเขาคงจะตกใจมากเป็นแน่
มุมปากของอวี้ชิงลั่วกระตุก หมอหลวงเหล่านี้ไม่มีอะไรต้องตำหนิ
อวี้ชิงลั่วส่ายศีรษะเบา ๆ ก่อนจะปัดละอองฝนที่ชายกระโปรงแล้วเข้าไปข้างใน
ขาของนางเพิ่งก้าวเข้าไปได้หนึ่งก้าว นางก็ได้ยินพระสุรเสียงหงุดหงิดของฮ่องเต้อีกครั้ง “เหตุใดเชียนชิวยังไม่กลับมาอีก? องค์หญิงเทียนฝูยังไม่มาอีกหรือ?”
“ฝ่าบาท หม่อมฉันอยู่นี่แล้วเพคะ” ไม่จำเป็นต้องคำรามขนาดนั้นก็ได้ เหตุใดต้องทำให้นางตกใจด้วย?
……………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ชิงลั่วจะทำอย่างไรดีนะ เกิดเหตุอะไรขึ้นกับอุปราชนี่เดี๋ยวได้กลายเป็นเรื่องระหว่างสองอาณาจักรอีก
ไหหม่า(海馬)