อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 535 การฟาดฟันของบุรุษสองคน
ตอนที่ 535 การฟาดฟันของบุรุษสองคน
ตอนที่ 535 การฟาดฟันของบุรุษสองคน
ซ่างกวนจิ่นส่งแววตามาดร้ายให้ชายที่ติดตามอวี้ชิงลั่วซึ่งยืนอยู่ที่ประตู พลางยกมือขึ้นกอดอกและกล่าวค่อนแคะ “ท่านอ๋องซิวช่างมีเวลาว่างยิ่งนัก”
เย่ซิวตู๋ขยับมือดันตัวกวนอู๋ที่ขวางทางตนเอง ก่อนเดินทอดน่องเข้ามายังเก้าอี้ด้านในและนั่งลง แววตาอ่อนโยนลงเมื่อหันไปหาอวี้ชิงลั่ว น้ำเสียงแฝงความนัย “ช่วยไม่ได้ที่ชิงเอ๋อร์เป็นคู่ครองของเรา นางจากบ้านมา ข้าย่อมต้องเติมเต็มความรับผิดชอบของนางในฐานะคู่ครอง”
ซ่างกวนจิ่นพลันหรี่ตาลงพลางเอ่ยเรียบเรื่อย “หรือท่านอ๋องซิวจะกังวลว่าข้าจะทำร้ายนาง ตอนนี้นางเป็นผู้ช่วยชีวิตเรา เราซาบซึ้งนักที่นางมีเวลามาหา แล้วข้าจะทำร้ายนางได้อย่างไร”
เขาเอ่ยกำกวม สายตาจดจ้องไปยังอวี้ชิงลั่วยิ่งกว่าเดิม
อวี้ชิงลั่วเปิดกระเป๋าพยาบาลขณะนั่งอยู่ข้างเตียง นางขมวดคิ้วเล็กน้อยและสะบัดข้อมือที่พันแผลเอาไว้ตรงหน้าเขา
ซ่างกวนจิ่นชะงัก สีหน้าเขาบูดบึ้งเล็กน้อย เอาเถิด เขาเป็นคนทำให้นางข้อมือบาดเจ็บนี่
ทว่ายามนั้นเขายังไม่มีสติ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนตรงหน้าเป็นใคร นับประสาอะไรกับการคว้าข้อมือนางไว้
หากรู้เรื่องนี้ตั้งแต่เช้า เขาไม่มีทางออกแรงอย่างแน่นอน
พวกเขาทั้งคู่เผชิญหน้ากัน เย่ซิวตู๋ไม่เห็นปฏิกิริยาที่มีต่อกัน ได้ยินเพียงเสียงพึมพำของชิงเอ๋อร์เท่านั้น
ซ่างกวนจิ่นทำตัวว่าง่าย เขานิ่งเงียบไม่พูดไม่จา
อวี้ชิงลั่วถลกแขนเสื้อสีขาว ก่อนตรวจดูแผลบนแขนที่ได้มาจากเมื่อวาน เมื่อเห็นว่าสีจางลงไปเล็กน้อยก็รู้ดีแก่ใจ
“เมื่อคืนมีอาการผิดปกติหรือเปล่า” อวี้ชิงลั่วเงยหน้าถามเขา
ซ่างกวนจิ่นพยักหน้า “รู้สึกตัวร้อน หมอหลวงหลูมาช่วยระงับอาการให้เรา เมื่อเช้าจึงดีขึ้นเล็กน้อย”
อวี้ชิงลั่วหลุบตาต่ำ มีแผลมากมายบนตัวแบบนี้ทำให้ไข้ขึ้นได้ง่าย แต่มันก็เพียงแค่คืนเดียว อีกทั้งฝีมือทางการแพทย์ของหมอหลูยังล้ำเลิศ กอปรกับพื้นฐานร่างกายที่แข็งแรงของซ่างกวนจิ่น
ได้รับการรักษาดี พื้นฐานร่างกายดี นางจึงไม่ต้องใช้เวลานาน
อวี้ชิงลั่วลดมือลงแตะอังหน้าผากเขา
เย่ซิวตู๋พลันเม้มปากแน่น ก่อนพุ่งตัวไปโดยไม่ยั้งคิดและดึงมือนางกลับมา
ซ่างกวนจิ่นรู้สึกเย็นสบายกับสัมผัสบนหน้าผาก ไม่ทันได้มีความสุขความเย็นนั้นก็จางหายไป
เขาลืมตาโพลงตวัดมองเย่ซิวตู๋ตรงหน้า ก่อนกล่าวเหน็บแนม “ท่านอ๋องซิวทำแบบนี้หมายความว่าอย่างไร หรือเพราะท่านไม่เห็นชอบให้นางตรวจอาการเรา หรือคิดจะให้ข้าตายในอาณาจักรเฟิงชาง ในใจท่านอ๋องมีเจตนาอันใดกันแน่”
ซ่างกวนจิ่นเอ่ยเสียจนกวนอู๋ที่ยืนอยู่ด้านนอกอดยกยิ้มเมื่อได้ยินไม่ได้ รู้สึกเหมือนคนพูด… งี่เง่าผิดปกติ
เย่ซิวตู๋เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ขณะสบตาฉายแววตกใจของอวี้ชิงลั่ว “ชิงเอ๋อร์ เจ้าเป็นหมอปีศาจ ทั้งยังเป็นองค์หญิงสูงศักดิ์ หากมีสิ่งใดต้องการก็แค่เอ่ยปากบอกให้คนอื่นทำ หากเจ้าต้องการวัดอุณหภูมิบนหน้าผากอุปราช เราอยู่นี่จะช่วยเจ้าเอง”
อวี้ชิงลั่วอ้าปากค้าง ไม่ทันได้ตอบก็เห็นอีกฝ่ายทาบมือลงบนหน้าผากซ่างกวนจิ่น ก่อนเจ้าตัวจะพยักหน้าอย่างไม่น่าเชื่อถือนัก “อืม ไม่ร้อนไม่เย็น ไม่มีอาการผิดปกติแม้แต่น้อย ดูเหมือนจะหายดีแล้ว ชิงเอ๋อร์ ตอนนี้เรากลับกันเถิด”
“…” อวี้ชิงลั่วปิดปากกลั้นขำ ก่อนปั้นหน้าบึ้งตึง
ซ่างกวนจิ่นหน้าเสีย เขาปัดมือเย่ซิวตู๋ออกจากหน้าผากพร้อมอารมณ์กรุ่นโกรธ “เราต้องพิษ ไม่เกี่ยวว่าจะตัวร้อนหรือไม่ นางมาที่นี่เพื่อล้างพิษ ในเมื่อท่านอ๋องไม่ใช่แพทย์ก็ไปนั่งรออยู่ข้าง ๆ ดีกว่า”
“ต้องพิษหรือ” เย่ซิวตู๋พ่นลมถากถาง “แต่เราเห็นอุปราชทำหน้าตาโอหังได้ ใบหน้าดูมีสีเลือดฝาด ไม่มีวี่แววว่าจะต้องพิษแต่อย่างใด”
“ท่านอ๋องซิวดูท่าจะช่ำชองการแพทย์เสียเหลือเกิน” อีกฝ่ายกล่าวประชดกลับ
อีกคนกลับบอกหน้าตาเฉย “ข้าอยู่กับชิงเอ๋อร์มานาน พอเข้าใจบ้างเล็กน้อย อย่างที่ว่ากันว่าคนใกล้ชาดติดสีแดง คนใกล้หมึกติดสีดำ* หากอุปราชเชื่อใจเรา ให้ข้าลองตรวจอาการป่วยก็ได้”
*คนใกล้ชาดติดสีแดง คนใกล้หมึกติดสีดำ = คนที่อยู่ในสิ่งแวดล้อมแบบไหนหรือใกล้กับอะไรก็จะติดนิสัยหรือสิ่งนั้นมาด้วย
อวี้ชิงลั่วถึงกับนิ่วหน้า อาการหลงตัวเองหน้าไม่อายของหนานหนานต้องได้เชื้อมาจากเย่ซิวตู๋อย่างแน่นอน
พูดจาแบบนี้ยังไม่มีท่าทางกระดากอายหรือหายใจติดขัด
ซ่างกวนจิ่นโต้กลับ “เราไม่เชื่อใจท่านอ๋องซิว”
“โธ่ น่าเสียดาย อุปราชอาจพลาดโอกาสที่จะหายในเร็ววันไปแล้ว”
“กวนอู๋!” ซ่างกวนจิ่นรำคาญเต็มทน ทว่าร่างกายต้องพิษ ทั้งยังเจ็บแผลและเริ่มเวียนศีรษะ ในสถานการณ์เช่นนี้ไหนเลยจะรับมือศัตรูอย่างเย่ซิวตู๋ได้ แม้แต่การขึ้นเสียง
คนถูกเรียกที่ยืนอยู่หน้าประตูเป็นห่วงว่าท่านอ๋องซิวจะเป็นอันตรายต่อซ่างกวนจิ่น เขารอท่าจะเข้าไปอยู่แล้ว เมื่อได้ยินเช่นนี้จึงก้าวไปด้านในทันที “ข้าน้อยรับทราบ”
“ท่านอ๋องซิว ได้โปรดออกไปจิบชาด้านนอกเถิด สาวใช้ได้เตรียมเอาไว้ให้ท่านแล้ว”
“ก็ได้”
เย่ซิวตู๋เหลือบมองกวนอู๋ “เจ้าคิดตั้งตัวเป็นปริปักษ์กับเราหรือ”
“แล้วท่านอ๋องต้องการก่อเรื่องอะไรในห้องเล่า”
อวี้ชิงลั่วมองสลับไปมา ในใจคิดว่าตนเหมือนกำลังรับชมฉากหนึ่งในโรงละคร บรรยากาศมาคุนี้ส่งผลกระทบต่อคนไม่รู้เรื่องรู้ราวอย่างนางได้ง่าย
“เอาละ ๆ ทำอะไรกัน ข้ามาที่นี่เพื่อล้างพิษ ไม่ได้มาเพื่อฟังพวกท่านทะเลาะกัน ขอข้าอยู่อย่างสงบหน่อยเถิด”
นางชำเลืองมองเย่ซิวตู๋ด้วยสายตาคล้ายบอกให้เขาถอยไปอยู่กับที่ ก่อนหันไปหาซ่างกวนจิ่นเหมือนให้เขาหยุดหาเรื่องสักพัก
ก่อนโบกมือให้กวนอู๋ออกไป
เย่ซิวตู๋กับซ่างกวนจิ่นเชื่อฟังแต่โดยดี พวกเขามองกันขณะปิดปากเงียบอย่างว่าง่าย
กวนอู๋มองซ่างกวนจิ่นก่อนก้มศีรษะให้และค้อมกายก้าวออกไป
ทั้งห้องเงียบลง มีเพียงอวี้ชิงลั่วที่พูด ส่วนบุรุษทั้งสองไม่ได้ส่งเสียง ทำเพียงจ้องหน้ากันและกันเท่านั้น
ซ่างกวนจิ่นมีเรี่ยวแรงจำกัด อาการบาดเจ็บของเขายังสาหัส ตอนนี้จึงได้แต่ข่มโทสะต่ออีกฝ่ายไว้ ส่วนเย่ซิวตู๋ภาวนาให้นางตรวจเสร็จโดยเร็วจะได้ออกไปจากที่แห่งนี้เสียที
โชคดีที่ซ่างกวนจิ่นมีหมอหลวงหลูอยู่ด้วย และเขาเองก็ให้ความร่วมมือ อวี้ชิงลั่วตรวจอยู่พักหนึ่งก็ถอนหายใจโล่งอก ก่อนเดินทางกลับจากเรือนรับรองแขกอาณาจักรจิงเหลย
ตั้งแต่วันนั้นเย่ซิวตู๋ก็ไม่ไปการแข่งขันใหญ่สี่อาณาจักรอีก กลับไปเรือนรับรองของซ่างกวนจิ่นเป็นเพื่อนอวี้ชิงลั่วทุกวัน แม้บอกว่าไปปกป้องนาง ทว่าแท้จริงอยากจะทำให้อาการป่วยของซ่างกวนจิ่นทรุดลงและบาดเจ็บสาหัสจนตาย
อย่างไรก็ตามให้หลังจากนั้นสองวัน ข่าวคราวหนึ่งก็ถูกส่งมาจากพระราชวัง
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ปวดหัวแทนชิงลั่ว เหมือนเจ้าของสุนัขที่ต้องมาคอยห้ามสุนัขตัวโตสองตัวที่กำลังแยกเขี้ยวใส่กันเลย
ไหหม่า(海馬)