อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 536 นับว่าเป็นการใหญ่
ตอนที่ 536 นับว่าเป็นการใหญ่
ตอนที่ 536 นับว่าเป็นการใหญ่
นอกจากข่าวนั้นแล้ว ยังมีเทียบเชิญส่งมาอีกฉบับ
อวี้ชิงลั่วมองเทียบเชิญในมือตนขณะเอนหลังพิงเก้าอี้นวมนุ่มพลางใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง ทว่าคิดไม่ตกว่าเหมิงกุ้ยเฟยพยายามทำสิ่งใดอยู่กันแน่
เย่ซิวตู๋คว้าเทียบเชิญจากมือนางไปพร้อมส่งเสียงฟึดฟัด ก่อนโยนมันไปอีกมุมหนึ่ง
“นี่ ทำอะไรของท่าน”
“เจ้าจะไปหรือ” เย่ซิวตู๋เลิกคิ้วถามและอุ้มนางขึ้นจากเก้าอี้ให้นั่งบนตักตนเองแทน เขาชำเลืองมองเทียบเชิญขณะส่งเสียงค่อนแคะเบาๆ
อวี้ชิงลั่วดิ้นในอ้อมแขนเขาอย่างไม่สบายตัว กระทั่งถูกอีกฝ่ายหยิกจึงชะงักการกระทำพลางปั้นหน้าบูดบึ้ง ก่อนยอมอยู่ในวงแขนเขาอย่างว่าง่ายราวครึ่งนาทีโดยไม่กล้าขยับอีก
จากคำอธิบายของขันทีราชสำนักที่มาส่งเทียบเชิญ ได้ความว่าเกิดเรื่องวุ่นวายมากมายระหว่างการแข่งขันใหญ่ของสี่อาณาจักรครั้งนี้ อย่างแรกคืออวี้ชิงลั่วถูกปองร้าย อย่างต่อมาคือหนานหนานได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้ซ่างกวนจิ่น อุปราชจากอาณาจักรจิงเหลยยังถูกลอบสังหารแทงอีกต่างหาก
เหมิงกุ้ยเฟยจึงจัดการให้นางสนมและองค์หญิงทั้งหลายในราชสำนักฝ่ายใน รวมถึงบรรดานายหญิงในเมืองไปสวดภาวนาที่วัดหลิงไท่ เพื่อขอให้การแข่งขันใหญ่ของสี่อาณาจักรจบลงได้ด้วยดี แน่นอนว่ามันเป็นช่วงการจัดการแข่งขัน ไม่ควรจัดงานเอิกเกริกรบกวนผู้อื่น การสวดภาวนาครั้งนี้จึงไม่ใช่งานใหญ่นัก แต่สำหรับคนทั่วไปแล้วมันก็ยังเป็นภาพที่ครึกครื้น
เรื่องทำนองนี้ฮ่องเต้ย่อมทรงเห็นชอบด้วย คนในยุคโบราณเชื่อในภูตผีและเทพเจ้า อีกทั้งเหตุที่เกิดมากมายในการแข่งขันใหญ่ของสี่อาณาจักรก็ทำให้ฮ่องเต้เหนื่อยล้าและรำคาญใจ
เหมิงกุ้ยเฟยไม่ได้เชิญเพียงนายหญิงในเมือง แต่รวมถึงอวี้ชิงลั่วด้วย
ยิ่งไปกว่านั้นยังได้เป็นคนสำคัญที่สุดในบรรดาพวกนาง ถึงอย่างไรนางก็ไม่ได้ประสบเหตุเพียงครั้งสองครั้ง จึงเป็นผู้ที่ควรสวดภาวนามากที่สุด
อวี้ชิงลั่วกลอกตาเมื่อได้ยินเช่นนั้น นางรู้สึกว่าแผนของเหมิงกุ้ยเฟยคงไม่ธรรมดา คนอย่างอีกฝ่ายจะคิดสวดภาวนาเพียงเพราะเรื่องของซ่างกวนจิ่นได้อย่างไร มันออกจะแปลกเกินไปเล็กน้อย
เย่ซิวตู๋ไม่เห็นด้วยอย่างถึงที่สุด “เจ้าก็รู้ว่าหมู่เฟยเจ้าแผนการ ไม่ใช่เพียงการสวดภาวนาธรรมดาแน่ ยังคิดจะไปอีกหรือ”
ไม่เรียกว่าเป็นการหาเรื่องให้ตนเองหรอกหรือ
สายตาอวี้ชิงลั่วจ้องเขม็ง ก่อนยกยิ้มหลังผ่านไปครู่หนึ่ง “ถ้าไม่ไปคนคงตำหนิข้ากันไม่ใช่หรือ? เหมิงกุ้ยเฟยกล่าวว่าทำไปเพื่อขับไล่โชคร้าย หากข้าไม่ไปคนจะไม่บอกว่าไม่รู้จักดีชั่วหรอกหรือ? อีกอย่างการไม่เคารพญาติผู้ใหญ่ฝั่งสามีคงไม่ดีกับตัวท่านด้วยไม่ใช่หรือ?”
“เจ้าสนใจเสียงนกเสียงกาเหล่านี้ด้วย?”
“สนใจสิ ไม่รู้ว่าใส่ใจมันมากขนาดนี้มาก่อนเลย” อวี้ชิงลั่วถือโอกาสนี้ลุกขึ้นจากตักเขาก่อนเอ่ยเกินจริง “ข้าเองก็ให้ความสำคัญกับชื่อเสียงของข้ามากนะ”
“หือ” เย่ซิวตู๋ท้วงขึ้น นางต้องให้ความสำคัญกับชื่อเสียงอยู่แล้ว และไม่อาจปล่อยให้มีข่าวลือว่าหมอปีศาจเย่อหยิ่งและเอาแน่เอานอนไม่ได้ “บอกความจริงข้ามาเสีย”
นางเอ่ย “คราวนี้ข้าหลบซ่อนได้แค่ครั้งหน้าไม่อาจทำได้อยู่ดี แม้ไม่ใส่ใจชื่อเสียงตนเอง แต่ก็ไม่ใช่คนที่จะหนีปัญหาเมื่อเกิดเรื่องขึ้น หากเหมิงกุ้ยเฟยวางแผนทำร้ายข้าจริงและข้าไม่ยอมไป นางคงมีข้ออ้างอื่นมาเล่นงานข้าอีก สู้ไปดูให้รู้ว่านางจะมาไม้ไหน และเตรียมการรับมือดีกว่า”
เย่ซิวตู๋จ้องนางนิ่ง แม้คิดว่าคำพูดของอีกฝ่ายเป็นความจริงแต่ก็ยังรู้สึกว่ามีเรื่องผิดปกติ
ราวกับว่า… นางไม่ได้บอกเหตุผลที่แท้จริงกับเขา
อวี้ชิงลั่วหัวเราะและหันหลังไปค้นหาบางอย่างในตู้
นางย่อมไม่บอกเหตุผลที่แท้จริงกับเขา หนานหนานถามถึงแม่นมเก๋อเมื่อสองวันก่อน นางจึงนึกได้ว่าแม่นมเก๋อคงไม่อาจยับยั้งไว้ได้อีกต่อไปแล้ว
ช่วงนี้เกิดเรื่องไม่หยุดหย่อน นางชะล่าใจและมัวแต่คิดถึงเรื่องอื่น ยามนี้ไม่รู้ว่าแม่นมเก๋ออยู่ที่ใดหรือเป็นอย่างไร นางเพียงนึกเป็นห่วงหญิงที่ตนนับถือเป็นมารดา กังวลว่าจะเกิดเรื่องอันตรายขึ้นกับหญิงชราที่พบเจอเป็นคนแรกในโลกนี้
หากนางพลาดโอกาสช่วยเหลือแม่นมเก๋อเพราะความกลัว คงได้เกลียดตนเองไปตลอดชีวิต
การตบตาคราวก่อนยังทิ้งเบาะแสไว้บ้าง ไม่รู้ว่าเหมิงกุ้ยเฟย… จะทราบหรือไม่ว่านางมีความเกี่ยวข้องกับแม่นมเก๋อ
หรือตอนนี้แม่นมเก๋อจะอยู่ในมือของเหมิงกุ้ยเฟยแล้ว
เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้นั้นขึ้นมา อวี้ชิงลั่วก็อยู่ไม่สุข ไหนเลยจะพลาดโอกาสดูท่าทีของเหมิงกุ้ยเฟย
ดังนั้นในการสวดภาวนาครั้งนี้ นางจึงอยากไปและต้องไปให้ได้ นอกจากจะหาโอกาสลองใจเหมิงกุ้ยเฟย ยังต้องการดูท่าทีว่าอีกฝ่ายจะมาไม้ไหน
อวี้ชิงลั่วหมายมั่นในใจแล้ว และเย่ซิวตู๋ไม่อาจคัดค้านได้
“ข้าจะให้ฉินซ่งตามเจ้าไปด้วย ครั้งนี้ห้ามปฏิเสธเด็ดขาด” เย่ซิวตู๋ไม่สบายใจและไม่ยอมให้นางไปเสี่ยงตามลำพัง “จินหลิวหลีไม่อยู่ที่นี่ แม้หงเย่จะฝีมือดีแต่ก็มีตัวคนเดียว ข้าจะให้ฉินซ่งกับเสิ่นอิงแอบตามเจ้าไป”
อวี้ชิงลั่วกระตุกยิ้มก่อนพยักหน้า “ก็ได้”
มีคนไปด้วยมากหน่อยคงไม่เป็นไร นางเองสามารถปรับตัวกับคนอื่นได้อยู่แล้ว
“ข้าเดาว่าคราวนี้หมู่เฟยน่าจะจัดการเซียวเฟย” เย่ซิวตู๋นิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนพึมพำเสียงค่อย
คราวก่อนเขาเตือนเย่ฮ่าวถิงไปเมื่อไม่กี่วันที่แล้ว ไม่มีทางที่หมู่เฟยจะอยู่เฉยแน่นอน
จากสิ่งที่เห็นในตอนนี้ นางยังไม่คิดยอมแพ้และตั้งใจใช้อวี้ชิงลั่วเป็นโล่กำบัง ทั้งยังคิดปล่อยให้นางออกหน้าทำเรื่องร้ายกาจแทน
อวี้ชิงลั่วเห็นด้วยกับเขาเช่นกัน นางรู้เรื่องนี้ดีแก่ใจ แต่ไม่รู้ว่าเหมิงกุ้ยเฟยตั้งใจจะให้ตนเองจัดการกับเซียวเฟยอย่างไร มันไม่ใช่เรื่องง่าย ทั้งยากจะควบคุมอวี้ชิงลั่วเช่นกัน
ระหว่างครุ่นคิด ใครคนหนึ่งก็วิ่งพรวดพราดเข้ามาจากด้านนอก ไม่นานร่างเล็กนั้นก็โผเข้าหาอ้อมแขนอวี้ชิงลั่ว
“ท่านแม่ ข้าอยากไปด้วย”
“ไปหรือ? ไปไหน?” นางชะงักกับการกระทำไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยขณะซวนเซแทบล้ม
โชคดีที่เย่ซิวตู๋ตาไวมือไวและโผเข้าประคองสองร่าง ก่อนก้มมองเจ้าตัวน้อยในทันใด
หนานหนานแลบลิ้นพลางเกาศีรษะ เขาหัวเราะและรีบก้าวถอยออกมา สายตาจับจ้องมารดาพร้อมคำพูดขึงขัง
“ข้าจะพลาดการใหญ่ขนาดนี้ได้อย่างไร ข้าเองก็อยากไปด้วย”
อวี้ชิงลั่วนิ่งเงียบเสหน้าหนี ช่างเหลวไหลนัก
“เจ้าจะไปทำอะไร เป็นเด็กดีไปชมการแข่งขันที่สนามประลองเสีย ซูจู้*ที่เจ้าชอบดูจะแข่งในอีกสองวัน เจ้าคุ้นเคยกับผู้เล่นดีไม่ใช่หรือ ไม่อยากไปเจอหรืออย่างไร”
*ซูจู้ = กีฬาฟุตบอลในสมัยจีนโบราณ
หนานหนานพ่นลม คุ้นเคยอะไรกัน พวกนั้นเป็นเพียงคนขี้ขลาด เมื่อก่อนเคยรังแกเขาเพราะคิดว่าเป็นเด็กตัวเล็กๆ ตอนนี้เขาได้ชื่อว่าเป็นบุตรชายคนเล็กของท่านอ๋อง ทุกครั้งที่พบก็จะคอยประจบสอพลอ นี่แหละหนาชีวิตคนเรา
หากแต่…
“ท่านแม่ ข้าพบกับพวกเขามามากพอแล้ว ข้าจะไปสวดภาวนาพรุ่งนี้ด้วย มันเป็นที่ที่จะได้พบปะผู้คนได้ดีที่สุดแล้ว”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
นังกุ้ยเฟยมีแผนจะทำอะไรอีกเนี่ย ต้องมีแผนอะไรที่ไม่ธรรมดาแน่ๆ
ไหหม่า(海馬)