อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 539 ข้าจะเล่นงานเจ้า
ตอนที่ 539 ข้าจะเล่นงานเจ้า
ตอนที่ 539 ข้าจะเล่นงานเจ้า
หนานหนานจ้องเขาเขม็ง ก่อนค่อย ๆ ปล่อยมือออก
ในที่สุดเย่หลานเว่ยก็หายใจหายคอได้เสียที ทว่ายังอดนิ่วหน้าไม่ได้ “เจ้าปล่อยข้า ข้าอึดอัด”
“ไม่ เจ้านิสัยไม่ดี ข้าไม่เชื่อเจ้า” หนานหนานไม่ยอม
“…”เย่หลานเว่ยแทบกระอักเลือด นิสัยของเขามันเป็นอย่างไร เจ้าบ้านี่ คอยดูเถิด หากพ้นพันธนาการเมื่อไรจะตามคิดบัญชีเสียให้เข็ด
การถูกจับเอาไว้แบบนี้ทำให้เขาไม่อาจวิ่งหนีหรือขอให้ใครมาลากตัวอีกฝ่ายออกไปได้
สีหน้าเย่หลานเวยบูดบึ้ง มุมปากเม้มปิดแน่น ก่อนจำใจถามอีกฝ่าย “เจ้ามาทำอะไรที่นี่ มาหาข้าทำไม?”
“มาบอกให้เจ้าไปสวดภาวนาที่วัดหลิงไท่พรุ่งนี้”
เขาเบิกตากว้าง ไปสวดภาวนาที่วัดหลิงไท่พรุ่งนี้หรือ เสียสติไปแล้วหรืออย่างไร
การสวดภาวนาเป็นเรื่องของเหล่าหมู่เฟยไม่ใช่หรอกหรือ เกี่ยวอะไรกับเด็กอย่างเขากัน
อีกทั้งพวกเขายังไม่ได้เป็นสหายหรือญาติมิตรกัน ไม่ ควรเรียกว่าเป็นปรปักษ์กันด้วยซ้ำ แล้วอยู่ ๆ จะมาบอกให้ศัตรูมาสวดภาวนาอย่างนั้นหรือ
แผนการ ต้องเป็นแผนการแน่ บางทีฝ่ายตรงข้ามอาจฉวยโอกาสนี้เล่นงานเขา อาจต้องการฆ่าเขาก็เป็นได้
เมื่อคิดเช่นนี้ เย่หลานเวยก็ส่ายหน้าดิกและกล่าวยืนกราน “ข้าไม่ไป”
“ไม่ไปหรือ” หนานหนานหรี่ตามอง เขาว่าแล้วว่าอีกฝ่ายต้องไม่ตอบตกลงโดยง่าย
เย่หลานเวยออกอาการฮึดฮัด “ข้าไม่ไปแล้วเจ้าจะทำอะไรได้”
“เล่นงานเจ้าไง” หนานหนานข่มขู่
เขาอยากจะร้องไห้ออกมา “เจ้า เจ้าจะทำตัวไร้เหตุผลแบบนี้ไม่ได้”
เด็กชายเชิดหน้า “ถ้าเจ้าเก่งกว่าข้าก็ลองไร้เหตุผลกับข้าดูบ้างสิ”
“ข้า เจ้า ข้า…” เขาไม่เก่งกาจพอ ถูกดันตัวไว้กับพื้นแบบนี้ยังไม่มีปัญญาลุกขึ้นด้วยซ้ำ
เย่หลานเวยสูดหายใจลึก รู้สึกว่าต้องพูดเจรจากันโดยสันติ ไม่เช่นนั้นคงเสียเปรียบแบบนี้ต่อไปซึ่งจะเป็นภัยกับตนเอง
“งั้นบอกข้ามาว่าทำไมเจ้าต้องไปสวดภาวนาที่วัดหลิงไท่ด้วย เจ้าคิดจะทำอะไร”
“ไม่มีอะไร เจ้าแค่ต้องไปก็พอ” เขาบอกอีกฝ่ายไม่ได้ว่าโม้กับมารดาเอาไว้ว่าเจ้าตัวจะไปอย่างแน่นอน
เย่หลานเวยรู้สึกว่าคนผู้นี้ไม่น่าเชื่อถือแม้แต่น้อย ไม่ต่างอะไรไปจากอันธพาล
“ทำไมข้าต้องยอมไปวัดหลิงไท่ตามเจ้าบอกด้วย”
“เพราะข้าจะเล่นงานเจ้าไง” หนานหนานกะพริบตามองอีกฝ่ายอย่างใสซื่อ
เย่หลานเวยหลับตา หอบโยนด้วยความโกรธที่ปะทุในอก แต่พูดไม่ออกอยู่นาน
“ก็ได้ เอาเป็นว่าตกลงแล้ว เจ้าไปเตรียมตัวให้พร้อม ข้าขอตัวกลับก่อน” หนานหนานลุกขึ้นจากตัวเขาและปัดฝุ่นบนตัวออก
เมื่อเย่หลานเวยเป็นอิสระก็ลุกขึ้นไม่พูดไม่จาในทันที ก่อนพุ่งตัวไปทางประตูโดยไม่เหลียวกลับมามอง
“ตกลงกับผีน่ะสิ ข้าไม่ไปหรอก ฝันไปเถิด” เขาตอกกลับใส่ก่อนหันมาตะโกน “ช่วยด้วย มีคนร้ายทางนี้ มี…”
‘โครม’
เย่หลานเวยถูกหนานหนานตะครุบตัวไว้อีกครั้ง คราวนี้เขาหน้าคะมำลงไปคลุกฝุ่นที่พื้น
“เย่หลานเวย!” หนานหนานจับหูและกระซิบบอก “เดี๋ยวข้าก็ตัดหูเจ้าเสียหรอก”
“อ้าก อย่านะ ๆๆ ข้าจะเชื่อฟังทำตามที่เจ้าบอก ข้าจะไปพรุ่งนี้ ข้าจะไปสวดภาวนา” เย่หลานเวยรับรู้ได้ถึงสัมผัสเย็น ๆ หลังหู ราวกับน้ำเย็นรินลงอ่างน้ำ ทำเอาเกร็งไปหมดหัวจรดเท้า
เขานึกเสียใจที่ไล่ข้ารับใช้ออกจากเรือนไปหมด ยามนี้กลับเรียกร้องหาพวกเขา แต่มันก็เปล่าประโยชน์
หนานหนานเงยหน้า “เจ้าพูดจริงหรือ” มือเขายกหินที่ถือไว้ออกห่าง
เย่หลานเวยถอนหายใจโล่งอก ไม่กล้าพูดจาผลีผลามอีก ทำได้เพียงพยักหน้ารับ
หนานหนานครุ่นคิดครู่หนึ่ง ในเมื่ออีกฝ่ายเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ เขาจึงต้องหาทางทำให้เชื่อฟัง
หนานหนานสอดส่ายสายตาไปรอบเรือน ทั้งเรือนดูธรรมดา เต็มไปด้วยของละลานตา แต่เมื่อมองไปก็เห็นว่าไม่ได้มีค่าอะไร ไม่รู้ว่าเย่หลานเวยไปหามาจากไหน
โชคดีที่ท่ามกลางสิ่งเหล่านี้ มีกระดาษ พู่กัน และหมึกอยู่
เขาลุกขึ้นและคว้ามืออีกฝ่ายมาด้วยกัน ก่อนหยิบกระดาษมาวางบนโต๊ะแผ่นหนึ่ง
กระดาษแผ่นนี้วางอยู่บนโต๊ะเบื้องหน้าเย่หลานเวย หนานหนานพยักพเยิด “ร่างสัญญาแล้วลงนามเจ้าเสีย”
ฝ่ายตรงข้ามเบิกตากว้าง “ข้าไม่ทำ”
“ข้าจะเล่นงานเจ้า”
“เจ้าพูดเป็นแต่ประโยคนั้นหรืออย่างไร” เขาเหนื่อยใจแต่ก็รู้ตัวดีว่าไม่ใช่คู่ปรับของอีกฝ่าย
หนานหนานใคร่ครวญจริงจัง “นั่นสิ ข้าจะพูดอย่างอื่นแล้วกัน เช่น ข้าจะตัดหูเจ้า หรือจะตัดจุ๊ดจู๋เจ้า”
“…” เย่หลานเวยโอดครวญก่อนว่าขึ้นอย่างเหลืออด “ว่ามาสิ จะให้ข้าเขียนว่าอะไร”
หนานหนานปล่อยมือเขาอย่างใจดี แต่ยังคงเอียงตัวแนบชิด ถ้าตุกติกแม้แต่น้อยจะตัด… ของอีกฝ่ายเดี๋ยวนั้น
เย่หลานเวยส่งสีหน้ากล้ำกลืน สายตาล่อกแล่กไปมาคล้ายพยายามหาทางหลบหนี ทว่าหนานหนานป้องกันไว้เป็นอย่างดี จนไร้ทางเลือกนอกจากทำตาม
เขียนเสร็จหนานหนานก็หยิบกระดาษมาเป่า ท่าทางดูพึงพอใจ
เย่หลานเวยส่งเสียงฟึดฟัด เขาไม่เข้าใจว่าอวี้ฉิงหนานเป็นบ้าอะไร เหตุใดต้องให้เขาไปสวดภาวนาที่วัดหลิงไท่ พรุ่งนี้เขามีนัดกับใครบางคนเพื่อสะสางกับหยางหลิน คราวก่อนช่วยอวี้ฉิงหนานไว้ แต่ทำให้คนอื่นต้องเดือดร้อนกันยกใหญ่
ในที่สุดเขาก็ได้โอกาส อวี้ฉิงหนานกลับโผล่มาทำแผนพัง
เดี๋ยวก่อน หรืออีกฝ่ายจะรู้เรื่องนี้ หาเรื่องให้ตัวเองหรอกหรือ ไม่ คงไม่ฉลาดขนาดนั้นหรอก
หนานหนานเก็บกระดาษก่อนตบอก และหันหลังเดินออกไป
ก้าวไปได้ไม่เท่าไรก็หยุดอีกครั้ง เขาเม้มปากก่อนบอกใบ้กับเย่หลานเวย “ตอนนี้หยางหลินเป็นพวกของข้า ถ้าเขาเป็นอะไรไป ข้าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ถ้าจับตัวการได้ข้าจะตัดไอ้จ้อนมันแน่”
เย่หลานเวยสูดหายใจลึก รู้จริง ๆ ด้วย ใครไปบอกกัน ใครมันทรยศหักหลังเขา
หนานหนานว่าจบก็เดินทอดน่องออกไป แต่สาวเท้าไปได้สองก้าวก็ชะงัก ก่อนรีบวิ่งไปหลบในห้องด้านใน
เย่หลานเวยตกใจไปชั่วขณะ ไม่ทันได้ตอบสนองก็ได้ยินเสียงฝีเท้าด้านนอกดังใกล้เข้ามา
ทันใดนั้นใครบางคนผลักประตูมาถามหน้าตาตื่น “ซื่อจื่อน้อย คนร้ายอยู่ที่ใด”
เขาไม่สบอารมณ์ มาช้าเพียงนี้ยังถามว่าคนร้ายอยู่ที่ใดอีกหรือ
มือเล็กชี้ไปทางที่หนานหนานซ่อนตัวขณะตะโกน “อยู่นั่น ไม่รู้ว่ามุดมาจากที่ใด ไปจับตัวมาให้เรา”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
หนานหนานจะรอดไหมเนี่ย โดนเปิดโปงที่ซ่อนซะแล้ว
ไหหม่า(海馬)