อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 54 ท่านลุงเย่คือท่านพ่อของเขา
ตอนที่ 54 ท่านลุงเย่คือท่านพ่อของเขา?
อวี้ชิงลั่วหน้าถอดสีอย่างหนัก มือที่จากเดิมจะอุ้มหนานหนานปล่อยในทันที ก่อนจะยื่นมือออกไปปิดปากของเขาไว้
ครั้นปล่อยมือ ร่างของหนานหนานจึงโซเซ ส่วนศีรษะก็โหม่งลงพื้นทันที
“หนานหนาน” อวี้ชิงลั่วกลั้นหายใจ ตกใจเสียจนดวงตาเบิกกว้าง
เย่ซิวตู๋ขมวดคิ้ว เขาดึงร่างของหนานหนานกลับมาก่อนที่ศีรษะจะกระแทกเข้ากับพื้น ระหว่างนั้นก็ดึงร่างของอวี้ชิงลั่วที่เอนเอียงให้กลับมายืนอย่างมั่นคงอีกครั้ง
เขากอดทั้งสองคนให้กลับมายืนอย่างมั่นคง ก่อนจะขมวดคิ้วและตำหนิ “พวกเจ้าสองคนทำอะไรกัน?”
“ฟู่ ขอบใจมาก” อวี้ชิงลั่วกล่าวขอบคุณหนึ่งเสียง ทันใดนั้นนางก็ได้สติกลับคืนมา จึงรีบดึงร่างของหนานหนานวิ่งกลับไปที่ห้องรักษาเมื่อครู่โดยไม่หันกลับมา
“ท่านแม่ ท่านแม่รอก่อน หยกนั่น…อื้อ ๆ… อื้อ…” ท่านแม่ปิดปากของเขาอีกครั้ง ท่านแม่นิสัยไม่ดี เขาหายใจไม่ออกแล้ว
อวี้ชิงลั่วในตอนนี้จะสนใจอะไรได้ นางแค่อยากพาเจ้าเด็กปากไม่มีหูรูดคนนี้ไปซ่อน จะปล่อยให้เขาพูดกับเย่ซิวตู๋มากไปกว่านี้ไม่ได้เด็ดขาด
คนที่อยู่ภายในลานถึงกับมึนงง เย่ซิวตู๋มองดูแผ่นหลังของพวกเขาที่ห่างออกไปด้วยความประหลาดใจ สายตาหันไปถามจินหลิวหลีที่อยู่ข้าง ๆ
ครั้นเห็นสายตาสงสัย 4-5 คู่ จินหลิวหลีย่อมเกิดเครื่องหมายคำถามขึ้นเต็มหัว นางยักไหล่และตอบอย่างจนปัญญา “ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น คาดว่าอวี้ชิงลั่วคงมีอะไรบางอย่างอยากตรวจสอบหนานหนานสักหน่อยกระมัง ถึงอย่างไรพวกเขาทั้งสองก็มักจะมีเรื่องลึกลับแบบนี้อยู่แล้ว”
เย่ซิวตู๋พยักหน้าแสดงออกว่าเห็นด้วย บนตัวของอวี้ชิงลั่วสตรีผู้นี้ยังมีความลับอีกมากที่เขาไม่รู้
แต่เขาก็ไม่ได้รีบร้อน ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป ถึงอย่างไรเขาก็ถลกออกมาได้ทีละนิดอยู่ดี
“เอาล่ะ นี่ก็สายแล้ว ข้าคิดว่าพวกนางคงต้องใช้เวลาเพื่อปรึกษากัน พวกท่านเล่า อยู่ที่นี่กินมื้อค่ำแล้วค่อยกลับเถิด ที่นี่คือโรงเตี๊ยมเชียวนะ มีวัตถุดิบด้วย แต่ก็มีค่าใช้จ่าย เอ๋ พวกท่านไม่ต้องกังวลใจ ในเมื่อพวกท่านเป็นสหายของนังเด็กอวี้ชิงลั่วนั่น เช่นนั้นข้าจะลดราคาให้พวกท่านร้อยละห้าก็แล้วกัน นี่ข้าก็ใจกว้างมาก…”
เสียงของจินหลิวหลีห่างออกไปมากขึ้นเรื่อย ๆ เสียงฝีเท้าของคนอื่น ๆ ค่อย ๆ หายไปจากด้านหลังสวน ดูเหมือนว่าจะเดินตามนางไปที่ห้องโถงด้านหน้า
นอกจากนี้ยังมีเสียงบ่นของเสิ่นอิงและคนอื่น ๆ เป็นครั้งคราวด้วย
อวี้ชิงลั่วแนบหูข้างประตู ฟังการเคลื่อนไหวที่อยู่ด้านนอกอย่างระมัดระวัง หลังจากเสียงทั้งหมดหายไปแล้ว นางจึงค่อย ๆ ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก หลับตาลงและเดินกลับมานั่งที่เก้าอี้ข้าง ๆ
หนานหนานถูกวางลงบนโต๊ะทรงกลมขนาดเล็ก ขาสั้น ๆ เล็ก ๆ แกว่งไปมาขณะมองพฤติกรรมของมารดาด้วยความงุนงง
จนกระทั่งนางมานั่งลงข้าง ๆ เขา ร่างเล็กจึงกระโดดลงมาจากโต๊ะ เขาดึงเสื้อของอวี้ชิงลั่วพร้อมกับกล่าวเสียงดัง “ท่านแม่ หยกแขวนชิ้นนั่นคือ…อื้อ ๆ…”
“พูดให้มันเบา ๆ หน่อย” อวี้ชิงลั่วถลึงตาใส่บุตรชายด้วยสีหน้าขึงขัง ทั้งยังออกแรงมือขวาเพื่อปิดปากและจมูกของเขา
หนานหนานรู้สึกอึดอัดกับการถูกปิดปาก จึงพยักหน้าแรง ๆ ด้วยน้ำตาที่คลอเบ้า
อวี้ชิงลั่วจึงแค่นเสียงเบา ๆ หนึ่งเสียงและยอมปล่อยมือ
หนานหนานเงยหน้าขึ้นพร้อมกับสูดหายใจเข้าเต็มปอดอยู่หลายครั้ง ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะรู้สึกสบายขึ้น เขาทำท่าจะพูดถึงความไม่พอใจในทันที แต่เมื่อย้อนนึกถึงคำพูดของท่านแม่เมื่อครู่ จึงรีบลดเสียงให้เบาลงทันใด แต่ก็ยังมีความไม่พอใจอยู่เต็มอก
“ท่านแม่ ท่านรู้หรือไม่ว่าข้าคือบุตรชายของท่านแม่นะ? ท่านไม่ยอมให้ข้าหายใจแบบนี้ ข้าอาจตายเพราะหายใจไม่ออกได้เลยนะ ถึงเวลานั้นท่านไม่มีบุตรชายที่แสนน่ารัก ชาญฉลาด มีชีวิตชีวาและกล้าหาญแล้ว ท่านแม่ต้องสูญเสียครั้งใหญ่ จริงหรือไม่? ท่านแม่ก็อย่ารังเกียจที่ข้าบ่นไปหน่อยเลย นี่ข้าทำไปเพราะหวังดีกับท่านแม่ทั้งนั้น บนโลกใบนี้คงมีแค่ข้าเพียงคนเดียวที่ใช้แรงสมองและแรงใจคิดเพื่อท่านแม่ ท่านแม่ต้องรักข้าให้มาก ๆ อย่าปล่อยให้ข้าหิว อย่าปล่อยให้ข้ากระหาย อย่าปล่อยให้ข้าบาดเจ็บ อย่าทำให้ข้ารู้สึกน้อยใจ เข้าใจหรือไม่?”
“หุบปาก” อวี้ชิงลั่วกลอกตาใส่ ถึงกับพูดไม่ออก “เจ้าบ่นมากจนแทบจะเป็นเหมือนท่านย่าเก๋อของเจ้าแล้วนะ”
“พูดจาเหลวไหล ท่านย่าเก๋อของข้าไม่ได้บ่นมากเหมือนข้าสักหน่อย” หนานหนานยืดหน้าอก ราวกับค่อนข้างภาคภูมิใจ
อวี้ชิงลั่วตบหน้าผากตัวเองแรง ๆ ถึงกับร้องไห้แบบไม่มีน้ำตา
“เอ๋ จริงสิ พูดถึงท่านย่าเก๋อ ท่านแม่ เมื่อครู่ข้าเห็นหยกแขวนของท่านลุงเย่ด้วย หยกแขวนชิ้นนั้นเหมือนกับหยกแขวนที่อยู่บนตัวของท่านแม่เลย” หนานหนานลูบคางตัวเอง ครุ่นคิดถึงคำพูดของท่านย่าเก๋ออย่างละเอียด “ท่านย่าเก๋อบอกว่า หยกแขวนที่อยู่บนตัวของท่านแม่เดิมทีเป็นหยกคู่ แต่ตอนนี้กลับมีเพียงครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งหนึ่งอยู่บนตัวของท่านพ่อ เมื่อครู่ข้าเห็นหยกของท่านลุงเย่คล้ายกับอีกครึ่งหนึ่งเลย เช่นนี้ท่านลุงเย่ก็น่าจะเป็น…”
คำพูดของหนานหนานหยุดลงอย่างฉับพลัน เขาถลึงตาโตและส่งเสียงดัง “เขาคือท่านพ่อของข้า?”
ให้ตายเถอะ
อวี้ชิงลั่วสาปเสียงทุ้มต่ำ “อย่าตะโกนเสียงดัง”
“แต่…แต่…แต่ว่า…ท่าน…ท่านแม่ เอ๋ ๆๆ ท่านลุงเย่คือท่านพ่อ…ท่านพ่อของข้า ท่านพ่อของข้า” หนานหนานยังคงเบิกตากลมโต คำพูดก็ตะกุกตะกัก ปากเล็ก ๆ สั่นเล็กน้อย คล้ายกับค้นพบโลกใบใหม่
ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็รีบหมุนกายเพื่อจะวิ่งไปที่ประตูห้อง “ข้าจะไปหาท่านพ่อ…”
“กลับมาเดี๋ยวนี้” อวี้ชิงลั่วทราบอยู่แล้วว่าเขาจะมีปฏิกิริยาเช่นนี้ จึงป้องกันการเคลื่อนไหวของเขาตั้งแต่เนิ่น ๆ ด้วยเหตุนี้ตอนที่เขากระโดดดีตัวขึ้น นางก็โอบตัวหนานหนานอุ้มกลับมาวางไว้บนโต๊ะอีกครั้ง
“ไม่อนุญาตให้ไปหาเขา”
“หา? ทำไมล่ะ?”
อวี้ชิงลั่วสูดหายใจเข้าลึก ๆ นางจับหนานหนานยึดไว้บนโต๊ะ มือทั้งสองข้างโอบตัวของเขาไว้ทั้งสองข้าง จ้องหน้าและพูดกับเขาทีละคำ “ใครบอกว่าเขาคือท่านพ่อของเจ้า? ยังไม่มีใครพิสูจน์ว่าหยกแขวนชิ้นนั้นเป็นของเขา ถูกต้องหรือไม่?”
หนานหนานขมวดคิ้ว หยกแขวนชิ้นนั้นหล่นลงมาจากบนตัวของท่านลุงเย่ เป็นไปได้หรือที่จะเป็นของคนอื่น?
“เจ้าดูสิ หยกแขวนที่อยู่บนตัวของแม่เดิมทีก็มิใช่ของแม่ ถูกต้องหรือไม่ หยกแขวนที่อยู่บนตัวของท่านลุงเย่ของเจ้า อาจเป็นของที่เขาเก็บได้เช่นกัน หรืออาจจะเป็นสิ่งที่คนอื่นให้เขา หรืออาจจะเป็นของที่คนอื่นนำมาฝากไว้กับเขา ถูกต้องหรือไม่”
หนานหนานครุ่นคิด รู้สึกได้ว่าก็มีเหตุผล เพียงแต่…
“เช่นนั้นพวกเราไปถามท่านลุงเย่ก็สิ้นเรื่องแล้วมิใช่หรือ? แบบนี้ก็รู้แล้วว่าเขาคือท่านพ่อของหนานหนานหรือไม่”
อวี้ชิงลั่วถึงกับก่ายหน้าผาก หนานหนาน บางครั้งเจ้าจะโง่สักหน่อยก็ได้นะ แม่ไม่รังเกียจเจ้าหรอก
นางถอนหายใจ จึงทำได้เพียงแค่เปลี่ยนวิธี “เอาล่ะ สมมุตินะ แม่แค่พูดเรื่องสมมุติ สมมุติว่าเขาเป็นพ่อของเจ้าจริง ๆ เจ้าอยากทำความรู้จักกับเขาหรือไม่?”
“อยาก” หนานหนานตอบเสียงดัง ท่านลุงเย่มีฝีมือ ทั้งยังมีรูปร่างหน้าตาดี ดู ๆ ไปแล้วก็มีเงินมากด้วย ทั้งยังมีหลายคนฟังในสิ่งที่เขาพูด สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ เขามีพยัคฆ์ทมิฬหนึ่งตัว
หึ ๆๆๆ ถ้าหากได้ทำความรู้จักกับท่านลุงเย่ พยัคฆ์ทมิฬตัวนั้นก็เป็นของเขาแล้ว
ทุกคนต่างก็บอกว่า ของของพ่อก็คือของของบุตรชาย เขาคือบุตรชาย ดังนั้นพยัคฆ์ทมิฬตัวนั้น…หึ ๆ หลังจากนี้ก็ฟังตามที่เขาพูดแล้ว
หนานหนานคิดไปไกลมาก ภาคภูมิใจและอารมณ์ดีมาก อวี้ชิงลั่วที่อยู่ตรงหน้าเห็นแล้วก็ถึงกับเกิดเส้นดำทั่วหน้า และถอนหายใจอย่างไม่หยุด
……………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
น้องคิดไปแล้วว่านายท่านเย่เป็นพ่อ กู่ไม่กลับแล้วล่ะค่ะ
ไหหม่า(海馬)