อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 540 ปรากฏตัวอย่างคาดไม่ถึง
ตอนที่ 540 ปรากฏตัวอย่างคาดไม่ถึง
ตอนที่ 540 ปรากฏตัวอย่างคาดไม่ถึง
หัวหน้าองครักษ์ขานรับและรีบเข้าไปห้องด้านใน
ทว่าค้นหาทั้งด้านนอกด้านในอยู่ครู่หนึ่งก็ไม่พบใครสักคน
“เอ่อ… ซื่อจื่อน้อย ไม่พบใครเลยขอรับ” องครักษ์เดินออกมาด้วยท่าทีลำบากใจ
เย่หลานเวยหลบอยู่ด้านหลังองครักษ์คนหนึ่ง เผื่อว่าหนานหนานจะจับเขาเป็นตัวประกันข่มขู่คนอื่น ถึงอย่างไรเขาก็เป็นซื่อจื่อซึ่งเป็นคนสำคัญของตำหนักนี้
เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็กะพริบตางุนงง ก่อนก้าวพรวดพราดเข้าไปด้านใน
ให้ตายเถิด ไม่มีใครจริง ๆ ด้วย
เย่หลานเว่ยเงยหน้ามองหลังคาและชะโงกไปนอกหน้าต่าง สถานการณ์เป็นปกติ ไม่มีวี่แววความเคลื่อนไหวแต่อย่างใด แล้ว… อีกฝ่ายหนีไปทางไหนกัน
เขาไม่เข้าใจแม้แต่น้อย ทว่าเพื่อความสบายใจก็ยังสั่งให้คนตรวจค้นทั้งนอกในอีกครั้ง
หากแต่องครักษ์ตรวจตราอยู่สามครั้งแล้วก็ยังไม่พบผู้ลักลอบเข้ามาแม้แต่น้อย
เย่หลานเวยทำได้เพียงยอมแพ้ แต่เมื่อคิดว่าพรุ่งนี้ต้องไปวัดหลิงไท่ตามที่ซื่อจื่อผู้นั้นสั่ง เขาก็อึดอัดใจขึ้นมา
เขาโบกมือไล่ให้องครักษ์ออกไป จากนั้นจึงทิ้งตัวบนเตียง ก่อนเบะปากและเริ่มร้องไห้จนเลอะผ้าปู
ส่วนคนที่เขาเกลียดเข้ากระดูกดำย่องอยู่บนกำแพงสูงของจวนองค์ชายสามอยู่ ในมือถือกระดาษไว้อย่างอารมณ์ดี
เมื่อกลับมาถึงตำหนักอ๋องซิว แม่นมเซียวกำลังเตรียมเสื้อผ้าสำหรับวันพรุ่งนี้ นางได้เตรียมเอาไว้ให้เขาด้วย
หนานหนานไม่ได้สนใจ เมื่อได้เวลาก็เข้านอนและผล็อยหลับไป ตื่นขึ้นมาก็ออกเดินทางไปสวดภาวนา
งานสวดภาวนานี้จัดขึ้นเพื่อความราบรื่นของการแข่งขันใหญ่สี่อาณาจักร ซึ่งเป็นงานสำคัญสำหรับอาณาจักรเฟิงชาง
ดังนั้นเว้นเสียจากไทเฮาที่สุขภาพไม่แข็งแรง นางสนมฝ่ายในทั้งหมดต่างขึ้นรถม้าเดินทางมาร่วมงานนี้
โชคดีที่ฮ่องเต้รัชสมัยปัจจุบันไม่ใช่คนโลภ ทำให้มีนางสนมไม่มากนัก ขบวนรถม้าจึงไม่ยาวเท่าไร
มีองค์หญิงอยู่ราวเจ็ดถึงแปดคน พวกนางเดินทางมายังวัดหลิงไท่ภายใต้การจัดการของเหมิงกุ้ยเฟย
อวี้ชิงลั่วที่อยู่ในฐานะองค์หญิงแห่งอาณาจักรเทียนอวี่มีสถานะต่างออกไป จึงไม่จำเป็นต้องเบียดเสียดกับองค์หญิงคนอื่น นางพาหนานหนานเดินทางออกจากจวนท่านอ๋องซิว
ทว่าเมื่อเหมิงกุ้ยเฟยเห็นเด็กชายก็ทำคิ้วขมวดอย่างไม่รู้ตัว ก่อนถามขึ้นอย่างงุนงง “ทำไม… หนานหนานถึงมาด้วยเล่า”
หนานหนานโผกอดนางอย่างร่าเริง “ท่านย่า หนานหนานได้ยินว่าจัดงานสวดภาวนานี้ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเรื่องข้า หนานหนานจึงย่อมอยากมาร่วมด้วย”
เหมิงกุ้ยเฟยรับร่างเล็กอย่างขัดเขินขณะกอดตอบเขา มุมปากกระตุกและอยากจับเขายัดกลับเข้ารถม้าเต็มที
หนานหนานปรากฏตัวอย่างคาดไม่ถึง ไม่รู้ทำไมอยู่ ๆ นางถึงมีลางสังหรณ์ไม่ดี เปลือกตากระตุกเกินควบคุม
เมื่อกลับขึ้นมาในรถม้า นางบอกกับเฟยเกอที่อยู่ข้างตัวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “วันนี้เจ้าคอยจับตาดูหนานหนานเอาไว้ อย่าปล่อยให้เขาทำให้เสียเรื่อง”
“เจ้าค่ะ” เฟยเกอก้มหน้ารับคำหน้านิ่ง นางลังเลครู่หนึ่งก่อนเอ่ยเสียงค่อย “เหนียงเหนียง นอกจากบุตรชายท่านอ๋องซิวจะอยู่ที่นี่แล้ว ยังมีบุตรชายองค์ชายสามด้วยเจ้าค่ะ รวมถึงองค์ชายสี่กับองค์ชายหกก็มากับบุตรชายเช่นกัน บอกว่าพวกเขาจะมาร่วมสวดภาวนาด้วย”
เหมิงกุ้ยเฟยมีสีหน้าเปลี่ยนเป็นบูดบึ้ง “พวกเขามาทำอะไรที่วัดหลิงไท่กัน ทางฝ่ายในก็แจ้งว่าให้เพียงสตรีร่วมไม่ใช่หรือ พวกเขาไม่เห็นความสำคัญของฝ่ายในหรืออย่างไร”
“ข้าน้อยเองก็เพิ่งทราบเจ้าค่ะ” นางหลุบตาพร้อมน้ำเสียงที่แผ่วลง “ว่ากันว่าเมื่อคืนฝ่าบาทค้างที่เรือนของหลิวเฟย นางขอให้ฝ่าบาทจัดแข่งซูจู้ใหม่ในอีกสองวัน เวยซื่อจื่อต้องการสวดภาวนาให้อาณาจักรเฟิงชางสงบสุขรุ่งเรือง ฮ่องเต้จึงทรงอนุญาต หลิวเฟยเองไม่ได้ขัดอะไรเช่นกัน นางไม่ได้เอ่ยอะไร พวกผู้ใหญ่ต่างไม่รู้กระทั่งเหล่าซื่อจื่อลอบขึ้นรถม้ามาเจ้าค่ะ”
เหมิงกุ้ยเฟยกำผ้าเช็ดหน้าแน่น ท่าทีนางถมึงทึง
“หลิวเฟยช่างเจ้าเล่ห์นัก” นึกไม่ถึงว่าผู้ที่ทำตัวไร้สมองมาตลอดจะถึงกับปิดบังเรื่องนี้กับนางจนได้มารู้ด้วยตนเอง
ว่าแต่เย่หลานเวยไปวัดหลิงไท่ทำไมกัน หรือหลิวเฟยจะมีจุดประสงค์อื่น
“เฟยเกอ ไปนำคนมาเพิ่มอีก เด็กพวกนั้นไว้ใจไม่ได้ จับตาดูพวกเขาเอาไว้”
“เจ้าค่ะ”
“…หนานหนาน เจ้าจับตามองเขาด้วยตนเอง เจ้าเด็กคนนี้ประหลาดคนและรู้วิชาเตะต่อยจากปรมาจารย์ลู่” นางหรี่ตาลง แค่นึกถึงหนานหนานก็ทำเอาปวดเศียรเวียนเกล้า “โชคดีที่เขาไม่รู้วิชาตัวเบา ไม่ช่ำชองวิชาเตะต่อยของปรมาจารย์ลู่นัก ขอเพียงเจ้าไม่ละสายตาจากเขาก็พอ อย่าปล่อยให้เขาไปก่อเรื่องวุ่นวาย”
เฟยเกอพยักหน้ารับก่อนลงจากรถม้าไป
รถม้าทยอยออกเดินทางไปยังวัดหลิงไท่ เพราะมีแต่เหล่าสตรีอยู่ภายในรถม้า ขบวนจึงเคลื่อนไปอย่างเชื่องช้า
อวี้ชิงลั่วเอนหลังพิงหมอนนุ่ม นางหลับตาลงพลางครุ่นคิดถึงสีหน้าขึงขังของเหมิงกุ้ยเฟยเมื่อครู่ ก่อนหลุดขำออกมา
หนานหนานโผนอนทับตัวนางทำเอาจุกในท้องระหว่างที่หัวเราะ ก่อนโยนเจ้าตัวน้อยลงเบาะทันที
ให้ตายเถิด เขาทับมาเสียขนาดนี้ ตัวก็ไม่ใช่เล็กอย่างแต่ก่อน โถมถลามาหาอีกคงรับไม่ไหว
“ท่านแม่…” หนานหนานไม่สบอารมณ์ เท้าข้างหนึ่งวางบนท้องนาง ท่าทางน่าสงสาร
อวี้ชิงลั่วชำเลืองมองเขาก่อนหลับตาลง
รถม้าเคลื่อนตัวออกเดินทางไปมากกว่าชั่วโมง ก่อนจอดลงด้านหน้าประตูวัดหลิงไท่ เหมิงกุ้ยเฟยและสนมคนอื่นมีนางกำนัลคอยประคองลงจากรถม้าทีละคน ดูเหมือนหมู่ดอกไม้ผลิบาน งดงามยิ่งนัก
พวกนางก้าวเข้าไปในวัด แม่ชี้ที่ได้รับข่าวคราวนานแล้วมารอต้อนรับ เมื่อเห็นเหมิงกุ้ยเฟยก็ยกยิ้มทักทาย
“อมิตาพุทธ โยมผู้มีเมตตานึกถึงคนทั่วไป อาตมาชื่นชมยิ่งนัก ขอผลบุญจงประสบแก่ท่าน”
เหมิงกุ้ยเฟยพยักหน้ารับน้อย ๆ ก่อนก้าวถอยหลังให้ฮองเฮาเดินนำไปก่อน
แม้ผู้ที่จัดการดูแลฝ่ายในในวันนี้จะเป็นเหมิงกุ้ยเฟย และฮองเฮาก็อยู่ในตำหนักเย็นมานาน
ทว่าในท้ายที่สุดตราบใดที่ฮ่องเต้ยังครองราชย์ นางก็ยังเป็นมารดาแห่งแผ่นดิน อยู่เหนือผู้คนมากมาย เมื่ออยู่ข้างนอกเหมิงกุ้ยเฟยจึงยังต้องเคารพนอบน้อม
ฮองเฮาส่งสีพระพักตร์เฉยเมย กระทั่งเห็นเหมิงกุ้ยเฟยก้าวถอย มุมปากจึงยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย้ยหยัน
พวกนางก้าวเข้าไปทีละคน คนทางวัดเตรียมฟูกและธูปเพื่อสวดภาวนาไว้เรียบร้อยแล้ว
อวี้ชิงลั่วเชื่อว่าพระเจ้าไม่มีอยู่จริงมาตลอด แต่ยามนี้นางเลื่อมใสในเทพเจ้าและพระพุทธเจ้าไม่น้อย
ทุกคนโค้งคำนับ นางย่อมทำตามด้วยความเคารพนับถือ
หลังเสร็จสิ้นพิธี แม่ชีนำพวกนางทุกคนไปพักผ่อนทางอาคารด้านหลัง
อวี้ชิงลั่วเฝ้ารอมาจนถึงบัดนี้ แต่ยังไม่เห็นเหมิงกุ้ยเฟยลงมือทำสิ่งใดชวนให้นึกประหลาดใจ
ทว่าเมื่อมาถึงอาคารด้านหลัง เสียงเคาะประตูเบา ๆ ก็ดังขึ้น
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
มีแผนการอะไรซ่อนอยู่ที่วัดกันนะ ชิงลั่วระวังกับดัก
ไหหม่า(海馬)