อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 543 เสียงกรีดร้องดังต่อเนื่อง
ตอนที่ 543 เสียงกรีดร้องดังต่อเนื่อง
ตอนที่ 543 เสียงกรีดร้องดังต่อเนื่อง
“พระองค์อาเจียนถั่วแขกออกมาด้วยเพคะ” อวี้ชิงลั่วละสายตาออกมาก่อนเอ่ยสำทับ “ถั่วแขกที่ยังไม่สุกทำให้อาหารเป็นพิษได้เพคะ”
ทั้งเฉินเฟยและเย่หว่านเยียนตกตะลึง “ถั่วแขกหรือ แต่มันไม่ได้อยู่ในอาหารมื้อเที่ยงของข้าวันนี้เลย”
อวี้ชิงลั่วเม้มปาก นางไม่รู้เรื่องนี้เช่นกัน อาจมีใครบางคนจงใจผสมถั่วแขกลงมาในจานผักของเฉินเฟย ดูจากอาการของอีกฝ่ายแล้วน่าจะเพิ่งอาหารเป็นพิษได้ไม่นาน
“หว่านเยียน” เฉินเฟยนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยเสียงค่อย “ข้ากินมันเข้าไปจริง ๆ ด้วย”
“หือ?” เย่หว่านเยียนชะงักชั่วขณะ “แต่เมื่อตอนเที่ยงจานผักที่ท่านกินไปมีเพียงสามอย่าง ไม่มี…”
เฉินเฟยส่ายหน้า “เจ้าลืมไป เจ้ากินไปได้ไม่กี่คำก็ออกไปคุยเล่นกับองค์หญิงคนอื่น พอเจ้าออกไปก็มีพระอาจารย์ยกอาหารจานผักเข้ามาอีกสองจาน บอกว่าเราอยู่กันสองคน อาหารสามจานคงไม่พอ หนึ่งในอาหารที่นำมาเพิ่มก็คือ… ถั่วแขก”
นางเกิดอาการอาหารเป็นพิษทันทีหลังจากที่กินมันเข้าไป
อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้วมุ่น ใครบางคนต้องจงใจทำเรื่องนี้แน่ ทว่าเหตุใดต้องลากเฉินเฟยเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยกัน
เย่หว่านเยียนกัดฟันกรอก “เหตุใดพระอาจารย์ถึงร้ายกาจนัก เห็นได้ชัดว่าจงใจ มีคนต้องการทำร้ายหมู่เฟย ข้าจะทูลให้ฮองเฮาทราบ นางต้อง…”
“หว่านเยียน” เฉินเฟยนิ่วหน้าพลางเอ่ยปราม นางดื่มน้ำเสียจนแน่นท้องไปหมด แต่ยังอดทนเจ็บคว้ามือพระธิดาและกล่าวกำชับ “อย่าทำให้เป็นเรื่องวุ่นวาย แม่เป็นคนบอบบางราวกระดาษ ทั้งพระอาจารย์ในวัดนี้ก็มีเหตุผล เห็นแม่พักอยู่ห่างไกลก็รีบนำอาหารมาให้เลยไม่ได้ระวังถั่วแขกดิบ ไหนเลยจะมีแผนและคิดพุ่งเป้ามาที่แม่ อย่าคิดมากเลย คราวนี้หากเจ้าไปทูลฟ้องฮองเฮา เกรงว่าเหมิงกุ้ยเฟยคงไม่พอใจ เจ้า…”
เฉินเฟยจะเอ่ยต่อ แต่เมื่อกล่าวถึงเหมิงกุ้ยเฟยก็นึกถึงสถานะของอวี้ชิงลั่วได้ขึ้นมา จึงเงียบลงและส่งยิ้มเจื่อนให้
อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้ว เฉินเฟยผู้นี้เป็นคนขี้กลัวจริง ๆ เกรงว่าพระธิดาจะทำให้เป็นเรื่องใหญ่โตจนทำเพียงอธิบายว่าเป็นอุบัติเหตุ เรื่องเดือดเนื้อร้อนใจก็กลับกลายเป็นว่างเปล่า
เย่หว่านเยียนยังคงขุ่นเคืองใจ แต่เมื่อเห็นสีหน้าซีดเซียวของมารดาก็โวยวายไปป้อนน้ำให้ไป
เฉินเฟยท้องป่องจุกในท้องเต็มที นางรีบบอกให้บุตรสาวประคองลุกจากเตียงไปที่ห้องสุขาด้านนอก
อวี้ชิงลั่วยืนรอเงียบ ๆ ด้านนอก เย่หว่านเยียนดูแลเฉินเฟยเป็นอย่างดี องค์หญิงผู้เป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ไม่รังเกียจสิ่งปฏิกูล นางยกอ่างน้ำออกไปทำความสะอาดด้วยตนเอง
เมื่อกลับเข้ามาอวี้ชิงลั่วก็ตรวจชีพจรให้อีกครั้ง ก่อนเขียนใบสั่งยาและปล่อยให้พักผ่อน
เย่หว่านเยียนส่งสายตาอ่อนโยนสดใสมาให้นางพร้อมรอยยิ้มบาง “โชคดีที่มีเจ้าอยู่ อวี้ชิงลั่ว วันนี้หากไม่มีเจ้า ทั้งข้าและหมู่เฟยคงไม่มีใครให้พึ่งพา ข้าเองก็ทำอะไรไม่ถูก”
อวี้ชิงลั่วยิ้มตอบพลางเก็บข้าวของและเอ่ย “อืม ข้าเป็นหมอ เชี่ยวชาญเรื่องพวกนี้มากกว่าอยู่แล้ว เอาเถิด เย็นมากแล้ว ข้าขอตัวกลับก่อน ดูแลหมู่เฟยให้ดี ต้มโจ๊กข้าวฟ่างร้อน ๆ ให้กินอย่างที่ข้าบอก”
“ข้าจะไปส่งเจ้า”
อวี้ชิงลั่วส่ายหน้า “ไม่ต้องหรอก ขาดคนดูแลหมู่เฟยที่นี่ เจ้าอยู่ดูแลนางเถิด ข้ารู้ทางกลับ”
เย่หว่านเยียนได้ยินนางพูดเช่นนั้นก็พยักหน้ารับ นางกลับไปดูแลมารดาหลังเห็นอวี้ชิงลั่วเดินลับไป ก่อนขึ้นเตียงเข้านอน
อวี้ชิงลั่วเดินไปไม่รีบร้อน ในหัวครุ่นคิดเรื่องอาการอาหารเป็นพิษของเฉินเฟย เหมิงกุ้ยเฟยต้องการเล่นงานเซียวเฟย นางไม่จำเป็นต้องดึงเฉินเฟยที่เก็บตัวและกลัวไปหมดเสียทุกอย่างเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยซ้ำ
จากสถานะของเฉินเฟย ฮ่องเต้เองก็ไม่ได้โปรดปรานนางมากนัก เกรงว่าหากไม่ใช่เพราะเย่หว่านเยียน นางอาจแม้แต่รักษาตำแหน่งนางสนมไว้ไม่ได้
นางสนมผู้หวาดกลัวและไม่เป็นที่รัก ซ้ำยังมีพระธิดาเพียงคนเดียว ไม่มีเหตุผลใดให้เหมิงกุ้ยเฟยหาเรื่องคนแบบนี้
ระหว่างที่ใคร่ครวญอยู่ เสียงฝีเท้าถี่รัวพลันดังขึ้นด้านหลัง
อวี้ชิงลั่วหันไปมองและเห็นเย่หว่านเยียนวิ่งถือร่มสองคันมา
นางชะงักไปครู่หนึ่งขณะอีกฝ่ายเข้ามาถึงตัวพลางหอบตัวโยน ก่อนยัดร่มใส่มือนางและบอก “ข้าคิดว่าวันนี้อากาศครึ้มเหมือนจะมีฝนตก บ้านพักของท่านแม่ห่างไกล กลัวว่าฝนจะตกกลางทาง เจ้าเอาร่มนี้ติดไปกันเปียก”
อวี้ชิงลั่วเงยหน้ามอง อากาศ… ครึ้มจริง ๆ ทั้งยังสัมผัสได้ถึงลมฝน ในจังหวะนั้นเองเสียงฟ้าร้องพลันดังขึ้น ทำเอาเย่หว่านเยียนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ สะดุ้ง
“เอาละ ข้าไม่พูดมากแล้ว อวี้ชิงลั่ว เจ้ากางร่มนี้ไป ข้าขอตัวกลับก่อน กลัวว่าเสียงฟ้าร้องจะทำให้หมู่เฟยสะดุ้งตื่น ลาก่อน” นางบอกก่อนยกกระโปรงหันหลังเดินกลับไป
ทว่าไม่นานนางก็หยุดเท้าวิ่งกลับมาพร้อมสีหน้าที่เปลี่ยนไป จูงมืออวี้ชิงลั่วขณะชี้ไปทางป่าไผ่ที่อยู่ไม่ห่างออกไป ก่อนถามขึ้น “อวี้ อวี้ชิงลั่ว นั่นมัน… เจี่ยนเซียงไม่ใช่หรือ”
อวี้ชิงลั่วมองตามและเห็นเจี่ยนเซียงสาวเท้าถือตะกร้าเล็กบังศีรษะไว้จริง ๆ
เสียงในใจนางดังก้อง รู้สึกได้ว่า… แผนของเหมิงกุ้ยเฟยเหมือนจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว
“เหมิงกุ้ยเฟยไม่ได้ให้นางข้าหลวงรอยู่ข้างนอกหรือ เหตุใดนางข้าหลวงคนสนิทของนางถึงได้ลอบเข้ามาในวัดกัน” เย่หว่านเยียนนิ่วหน้าและเดินออกไปไม่กี่ก้าว
ผ่านไปไม่กี่อึดใจนางก็หันมาบอกกับอวี้ชิงลั่ว “อวี้ชิงลั่ว ข้าเห็นถั่วแขกในตะกร้าที่เจี่ยนเซียงถือไว้ด้วย”
ว่าจบสีหน้าก็แปรเปลี่ยนทันใด “ให้ตายเถิด ที่แท้ก็มีคนคิดทำร้ายท่านแม่ที่นี่จริง ๆ ต้องเป็นฝีมือนางแน่”
นางบอกพลางชี้ไปทางเจี่ยนเซียง
อวี้ชิงลั่วยืนเม้มปากนิ่งค้าง สายตาจ้องไปยังเย่หว่านเยียนที่วิ่งไปทางเจี่ยนเซียงก่อนเลี้ยวลับหายไป
หลังจากนั้นครู่หนึ่งเสียงกรีดร้องดังขึ้นจากหลังกำแพง ทว่าไม่นานก็เงียบลง
อวี้ชิงลั่วตกใจ มันคือเสียงเย่หว่านเยียน แย่แล้ว… นางละล้าละลังพักหนึ่ง ก่อนส่ายหน้าและเดินหนีไป ไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นเบื้องหลัง
นางรู้เต็มอกว่าเหตุการณ์นี้พุ่งเป้ามาที่ตนเอง เหตุใดต้องรนหาที่กัน
“อ๊ะ เจ้า ทำอะไรของเจ้า”
เกิดเสียงกรีดร้องขึ้นในชั่วขณะต่อมา เสียงคุ้นเคยนี้ทำให้นางเบิกตากว้างและนิ่งงันไปทันที
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เหมิงกุ้ยเฟยคิดจะทำอะไรเนี่ยถึงให้คนสนิทมาใส่ถั่วแขกในอาหารของเฉินเฟย ซับซ้อนจริงๆ
ไหหม่า(海馬)