อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 544 กล้าทำเรื่องพรรค์นี้ได้อย่างไร
ตอนที่ 544 กล้าทำเรื่องพรรค์นี้ได้อย่างไร
ตอนที่ 544 กล้าทำเรื่องพรรค์นี้ได้อย่างไร
นั่นมัน… เสียงของหว่านเฟย
อวี้ชิงลั่วเมินเฉยเย่หว่านเยียนได้ อย่างไรเสียจากเสียงร้องของนางก็พออนุมานได้ว่าอีกฝ่ายหมดสติไป
หว่านเฟยเป็นหมู่เฟยของเย่ฮ่าวหราน หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นนางจะสู้หน้าจินหลิวหลีได้อย่างไร จินหลิวหลีอาจโทษตนเองและรู้สึกผิดที่หนีไปกับเย่ฮ่าวหรานไปตลอดชีวิต
สีหน้าอวี้ชิงลั่วเคร่งเครียด นางไม่รอช้าหันเดินไปยังป่าไผ่ที่เย่หว่านเยียนเพิ่งเข้าไป
เสียงร้องของหว่านเฟยยังดังให้ได้ยินเลือนราง “หว่านเยียน เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า เจ้าเป็นใคร เข้ามา…”
อวี้ชิงลั่วปิดปากสนิท ทีแรกหว่านเฟยยังมีสติดี หรือคนผู้นั้นต้องการเล่นงานหว่านเฟยจริง ๆ
ให้ตายเถิด ในที่ห่างไกลเช่นนี้ ไม่ว่าหว่านเฟยจะร้องดังแค่ไหนก็ยากที่จะมีใครได้ยิน
อวี้ชิงลั่วเร่งฝีเท้า ระหว่างนั้นก็นำขวดกระเบื้องในแขนเสื้อมาเทแมงป่องที่อยู่ภายในออกมา
เจ้าแมงป่องที่มีผงสีชาดบนหลังคลานไปยังทิศทางตรงกันข้าม
อวี้ชิงลั่วครุ่นคิด แม้ไม่ต้องการลากเจ้าตัวเล็กมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย แต่ต้องยอมรับว่าบางครั้งเขาก็… มีประโยชน์มากกว่าตัวนางเสียอีก
และสิ่งมีประโยชน์ในใจนางตอนนี้ก็กำลังจ้องมองคนกลุ่มหนึ่งที่อยู่ตรงข้ามด้วยท่าทางหงุดหงิด
ช่างน่ารำคาญนัก หนานหนานเท้าเอวพิงกำแพงราวกับเป็นผู้ใหญ่ตัวน้อยพลางพ่นลมฟึดฟัด
คนกลุ่มนั้นคือเย่หลานเวยและเหล่าตัวประกอบที่ถูกเขาข่มขู่เมื่อวานนี้ อืม เพียงสามสี่คนเท่านั้น
หนานหนานหาวหวอด พวกเขาอยู่ด้วยกันมามากกว่าครึ่งชั่วโมงแล้วนับตั้งแต่กินมื้อเที่ยงเสร็จ ไม่ว่าพวกเขาจะไปที่ใดก็เอาแต่จ้องมาทางเขา มีปัญหาอะไรกับเขาหรืออย่างไร
เขาอยากไปหามารดา ไม่ได้ต้องการมามองคนพวกนี้ที่นี่แต่อย่างใด
“เย่หลานเวย เจ้าหลบไป อย่ามาขวางทางข้า” หลังหาวเป็นครั้งที่สาม หนานหนานก็อดก้าวออกไปผลักเย่หลานเวยให้พ้นทาง
ทว่าเดินไปได้สองก้าว เจ้าพวกหัวผักกาดเหลืองก็ตามหลังเขามา
มุมปากหนานหนานกระตุก เมื่อเขาถอยหลังเจ้าพวกนั้นก็ถอยตามเช่นกัน
หนานหนานหันไปตะโกนถาม “พวกเจ้าต้องการอะไร”
เย่หลานเวยสะบัดขาด้วยความสะใจ พร้อมเผยสีหน้ารู้ทัน “อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าที่เจ้ามาวัดหลิงไท่ก็เพราะมีจุดประสงค์แอบแฝง เจ้าคงอยากเล่นงานข้าเต็มที แต่ข้าบอกไว้เลยว่าไม่มีทาง วันนี้ข้าจะตามเจ้าทุกฝีก้าวไม่ให้เจ้าเป็นอันทำอะไรทั้งนั้น”
“…” คนผู้นี้หลงตัวเองกว่าเขาเสียอีก ใครมีจุดประสงค์แอบแฝงกัน ใครจะไปเล่นงานกัน เหตุใดถึงได้สำคัญตัวผิดนัก เขาดูเหมือนคนที่สนใจเด็กธรรมดาแบบนี้หรือ
“อวี้ฉิงหนาน อย่าคิดว่าตัวเองฉลาดนักเลย จะบอกให้ว่าเราเองก็ไม่โง่เหมือนกัน”
หนานหนานเอือมระอา เจ้าก็ยังโง่อยู่ไม่ใช่หรือ โง่ไม่มีที่สิ้นสุด ช่างหน้าไม่อายเหลือเกิน
“ข้าเตือนเจ้าไว้เลย อย่าตามข้ามาอีก ไม่อย่างนั้นข้าจะเล่นงานเจ้า” เปล่าประโยชน์จะใช้เหตุผลกับคนพูดไม่รู้เรื่องพวกนี้ หนานหนานคิดว่าการใช้กำลังคงได้ผลกว่า
เมื่อได้ยินว่าเขาจะเล่นงาน เย่หลานเวยจึงเผยแววหวาดกลัว แต่หลังจากนั้นก็นึกได้ว่ามีคนอยู่ด้วยหลายคน
เอาเถิด ต่อให้พวกเขาสู้อวี้ฉิงหนานไม่ได้ แต่ที่อยู่ ๆ อีกฝ่ายมาสวดภาวนาคนอื่นต่างก็เห็นกันหมด เมื่อถึงเวลาเรื่องย่อมถึงหูเสด็จปู่และคงไม่ได้รับความโปรดปรานอีก
อีกทั้งยังมีคนมากมายที่นี่ สามารถหาคนลอบส่งข่าวคราวได้ทันที
เมื่อคิดได้เช่นนั้นเย่หลานเวยก็เหลือบมองพลางกลอกตาใส่และกล่าวเย้ยหยัน “นอกจากต่อยตีผู้อื่นเจ้าทำอะไรได้อีกบ้าง หือ ช่างหยาบคายนัก เราต่างมีเป็นคนมีอารยะ เจ้ากลับทำตัวดิบเถื่อน ในฐานะเชื้อพระวงศ์ ทำตัวก้าวร้าวเช่นนั้นได้อย่างไร”
คนมีอารยะอย่างนั้นหรือ เย่หลานเวย คนหน้าไม่อาย กล้าพูดต่อหน้าเขาว่าตนเองเป็นคนสุภาพและมีอารยะอย่างนั้นหรือ ลืมเรื่องที่อวดเบ่งและกล่าววาจาร้ายกาจในเรือนของเสี่ยวเฉิงเฉิงคราวก่อนแล้วหรืออย่างไร
หนานหนานแผดเสียง “เจ้าต่างหากที่หน้าไม่อาย ไปให้พ้น”
เย่หลานเวยยอมฟังก็แปลกแล้ว อีกฝ่ายเดินไปขวางทางเขาไว้ “อวี้ฉิงหนาน อย่าคิดว่าตนเป็นบุตรชายท่านอาห้าแล้วจะยิ่งใหญ่ ข้าเองก็เป็นบุตรชายองค์ชายสาม พ่อข้าอาวุโสกว่าพ่อเจ้าเสียอีก”
“พูดไปแล้วซื่อจื่อเวยก็เป็นลูกพี่ลูกน้องเจ้า” บุตรชายคนเล็กขององค์ชายสี่ที่ตามเย่หลานเวยต้อย ๆ โพล่งเห็นด้วย “อวี้ฉิงหนาน พวกเราที่นี่ต่างก็เป็นพี่น้องเจ้า ถูกสอนมาให้เคารพคนเฒ่ารักใคร่พวกพ้อง ยึดหลักอาวุโส ผู้ใหญ่ผู้น้อยต้องให้เกียรติ เจ้าจะหมางเมินเราก็ไม่เป็นไร แต่ตอนนี้ยังมาบอกว่าจะทุบตีเรา หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป คนตำหนักอ๋องซิวของเจ้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”
หนานหนานกลอกตา เขาเชิดหน้าก่อนโต้กลับ “เคารพคนเฒ่ารักใคร่พวกพ้อง ยึดหลักอาวุโส ผู้ใหญ่ผู้น้อยต้องให้เกียรติอย่างนั้นหรือ อ๋อ แล้วเจ้าจำเรื่องที่อาจารย์สั่งสอนมาได้หรือไม่ เช่นนั้นแสดงให้ข้าเห็นที เจ้าจัดการอย่างไรกับเสี่ยวเฉิงเฉิง เขาเองก็เป็นบุตรชายองค์รัชทายาท ฐานะสูงกว่าเจ้าเสียอีก เจ้าทำร้ายเขาตอนนั้น เรื่องนี้นับด้วยหรือไม่”
เป็นเพราะบุตรชายองค์ชายสามและคนอื่น ๆ มาร่วมการสวดภาวนาครั้งนี้ด้วย เย่หลานเฉิงจึงต้องมา เพียงแค่ที่ผ่านมาไม่ค่อยได้อยู่กับมารดา คราวนี้ถือเป็นโอกาสหายากที่แม่ลูกยากจะได้อยู่ร่วมกัน
ดังนั้นหนานหนานจึงพาเขาไปส่งที่เรือนสนมไท่จื่อหลังมื้อเที่ยง ปล่อยให้พวกเขาได้รำลึกอดีตร่วมกัน
ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ต้องการให้อีกฝ่ายมีเรื่องทะเลาะกับเย่หลานเวยและคนอื่น ๆ ที่นี่ เกรงว่าหากเขาไม่ทันระวังพวกเขาจะมารังแกเสี่ยวเฉิงเฉิง
เย่หลานเวยและพรรคพวกโกรธหน้าดำหน้าแดงเมื่อหนานหนานเอ่ยเช่นนั้น หากแต่พวกเขาก็ไม่อาจปฏิเสธได้
เย่หลานเวยยิ่งไม่สบอารมณ์ เขามองค้อนเย่หลานหลี่ เจ้าของตำแหน่งซื่อจื่อตระกูลองค์ชายสี่ที่เพิ่งกล่าวเมื่อครู่
เย่หลานหลี่หน้าเสีย เย่หลานเวยโทษว่าเป็นความผิดเขาอีกแล้ว เขานึกผูกใจเจ็บ ความโกรธตีตื้นขึ้นมาทันควัน ทำให้ลืมเรื่องวรยุทธ์ของหนานหนานไปชั่วขณะ และเหวี่ยงหมัดไปที่ใบหน้าหนานหนาน
เย่หลานเวยชะงักไป ไม่ทันได้ห้ามหนานหนานก็คว้ามือนั้นบิดอย่างแรง
“โอ๊ย…”
“ปั่ก…”
เสียงนั้นดังขึ้น เย่หลานหลี่ไม่อาจคุมแรงตนเองได้ ในขณะที่เย่หลานเวยไม่มีเวลาให้เบี่ยงหลบ แรงนั้นกระทบเข้าที่หน้าเขาอย่างจัง
แรงนั้นไม่เบา ไม่เพียงแต่หน้าขาวของเย่หลานเวยจะมีรอยแผล มือของเย่หลานหลี่ยังหักอีกด้วย เขาร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด
“เจ้ากล้าดีนัก กล้าทำเรื่องพรรค์นี้ที่วัดหลิงไท่ได้อย่างไร ข้าจะไปทูลฟ้องเสด็จย่า บอกว่าข้าต้องการความเป็นธรรม”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
มีเรื่องกันทั้งฝั่งแม่ฝั่งลูกเลย แถมในเขตอภัยทานอีก นังกุ้ยเฟยจะใช้เรื่องนี้มาโจมตีหรือเปล่านะ
ไหหม่า(海馬)