อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 546 สัญญาณเตือนภัยฉุกเฉิน
ตอนที่ 546 สัญญาณเตือนภัยฉุกเฉิน
ตอนที่ 546 สัญญาณเตือนภัยฉุกเฉิน
หลายคนต่างตกตะลึง ทั้งหลิวเฟย คังเฟย และคนอื่น ๆ ต่างตามจับตัว แต่หนานหนานคล่องแคล่วกว่า ไม่ต้องเอ่ยถึงนางสนมที่ไร้นางข้าหลวงข้างกายในยามนี้ ต่อให้อยู่ด้วยก็อาจไม่สามารถคว้าตัวหนานหนานที่วิ่งหนีไปได้
หลิวเฟยหงุดหงิดใจ นางเริ่มครุ่นคิดตัดสินใจโดยเร็ว ทันใดนั้นก็เหลือบมองคังเฟยที่คิดเช่นเดียวกัน ก่อนตะโกนบอก “เร็วเข้า รีบตามเด็กนั่นไป”
พวกนางรีบตามไป หนานหนานวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวก็หยุดกะทันหัน อย่างกับรอให้พวกนางมาจับตัว
อยู่ ๆ หนานหนานก็รู้สึกเหมือนเป็นหนุ่มเนื้อหอมตัวน้อยขึ้นมา
หลิวเฟยและพรรคพวกตามมาอย่างว่องไว หนานหนานมองถนนที่คุ้นเคย ก่อนวิ่งเข้าไปทางประตูห้องเหมิงกุ้ยเฟย
ไม่ทันได้เคาะประตูเหมิงกุ้ยเฟยกับแม่ชีวัดหลิงไท่ก็เปิดประตูก้าวออกมาด้วยกัน
เหมิงกุ้ยเฟยผงะไปชั่วครู่เมื่อเห็นเขา ก่อนขมวดคิ้วแน่น เขามาที่นี่ทำไมกัน นางกำลังจะพาแม่ชีไป… ดูการแสดงอยู่พอดี
หนานหนานสูดหายใจลึกก่อนคว้าแขนเสื้อนางไว้ ก่อนเอ่ยอย่างน่าสงสาร “เสด็จย่า มีคนรังแกข้า”
เหมิงกุ้ยเฟยสลัดสีหน้าเหลืออดของตน ก่อนโน้มกายลงลูบศีรษะเขา และกล่าวอย่างใจดี “ หนานหนาน ไม่มีใครในวัดกล้ารังแกเจ้าหรอก เพียงบอกว่าเจ้าเป็นหลานชายเรา ใครจะอยากทำร้ายเจ้ากัน เรามีเรื่องด่วนต้องไปทำ อีกเดี๋ยวจะกลับมา หนานหนานเจ้ากลับไปหามารดาเจ้าก่อน”
ว่าจบสายตานางก็แปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนหันไปทางหนึ่งที่อยู่ไม่ห่างออกไป
เฟยเกอที่เงี่ยหูฟังอยู่ถึงกับปาดเหงื่อ นางรู้สึกละอายใจอยู่บ้าง
นึกไม่ถึงว่าอยู่ ๆ หนานหนานจะมาหาเหมิงกุ้ยเฟย นางคิดจะเข้าไปขัด แต่หลิวเฟยกับพรรคพวกตามหนานหนานมาเสียก่อน หากนางโผล่ตัวขึ้นมาคงถูกพบเห็น ถึงคราวนั้นเหมิงกุ้ยเฟยจะเดือดร้อนเอาได้
ทว่าตามแผนของเหนียงเหนียง ต่อให้เหนียงเหนียงถูกหนานหนานรั้งไว้และไม่ได้เข้าฉาก ก็คงไม่ได้ส่งผลกระทบมากนัก
ขอเพียง… ไม่เกิดเหตุการณ์อื่นก็ไม่เป็นไร
เป็นไปตามที่เฟยเกอคาด หนานหนานจับมือเหมิงกุ้ยเฟยแน่น ก่อนบอกด้วยสีหน้าหงอย “ข้าบอกแล้ว ข้าบอกว่าเป็นหลานเสด็จย่าแล้ว แต่พวกเขาไม่สนใจ ทั้งยังใส่ความและต่อว่าข้าด้วย”
ในระหว่างที่เขากำลังฟ้อง หลิวเฟยและพรรคพวกก็ตามมาถึงด้วยท่าทีขึงขัง กระทั่งเห็นสายตาไม่พอใจของเหมิงกุ้ยเฟย นางจึงหันไปสบตากับคังเฟยก่อนก้าวมาหา “กุ้ยเฟยเหนียงเหนียง เรามาร่วมกันสวดภาวนาเพื่อผลบุญในวันนี้ แต่กลับมีบางคนพูดเหลวไหลและทำเรื่องโหดร้ายในวัดแห่งนี้ ไม่เคารพผู้อาวุโส เหนียงเหนียงเห็นว่าควรทำเช่นไรกับคนแบบนี้เพคะ”
เดิมทีพวกนางต้องการทำให้หนานหนานอับอาย แต่ในเมื่อเจ้าเด็กนี่อยากทำให้เป็นเรื่องใหญ่ พวกเขาจึงเล่นแง่ตั้งคำถามต่อเหมิงกุ้ยเฟย
เมื่อได้ยินเช่นนั้นนางก็ชำเลืองมองคนโดยรอบ กอปรกับสภาพของเย่หลานเวยกับเย่หลานหลี่ ก่อนหันมาหาหนานหนาน ในใจพอคาดเดาเรื่องราวได้
บุตรชายตัวป่วนของซิวเอ๋อร์คงหาเรื่องเดือดร้อนให้นางอีกเป็นแน่แท้
แม้คิดเช่นนั้นแต่ฉากหน้านางก็ยังเป็นเสด็จย่าของเขา หากวันนี้นางถอยให้ ภายภาคหน้าหลิวเฟยและพรรคพวกคงได้ทำตัวได้คืบเอาศอก
เหอะ คิดว่าเหมิงกุ้ยเฟยอย่างนางจะยอมให้มาหยามหน้ากันได้ง่าย ๆ หรือ?
นางส่งสายตาเย็นชาให้พวกนาง ก่อนหลุบตาลงมองหลานชาย “เกิดเรื่องวุ่นวายอะไรขึ้น?”
หนานหนานเล่าสิ่งที่ตนเองทำทั้งหมดด้วยท่าทีเดือดดาล พร้อมเสริมเรื่องที่ทำให้ผู้อื่นอิจฉา ก่อนยืนกรานหนักแน่น “เสด็จย่า ข้ามิได้เริ่มหาเรื่องก่อนจริงๆ เป็นเย่หลานหลี่ที่ทำข้าก่อน เสด็จปู่บอกว่าข้าเป็นเชื้อพระวงศ์ เป็นทายาทสืบทอดวงศ์ตระกูล จะปล่อยให้ผู้อื่นมาหยามไม่ได้”
เขายกฮ่องเต้ขึ้นมาพูดถึง ทำเอาคนได้ฟังงุนงง ทันใดนั้นก็นึกหมั่นไส้ขึ้นมา ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานพ่อลูกตำหนักอ๋องซิว พระองค์เคยพูดเช่นนี้กับองค์ชายและหลานชายคนอื่นเสียที่ไหน
หนานหนานเชิดหน้า แล้วอย่างไรเล่า พวกนางคงพูดไม่ออกกันหมด ส่วนเรื่องที่เสด็จปู่พูดจริงหรือไม่… มันไม่ได้สำคัญนัก
อย่างไรเสียเสด็จปู่ก็พูดกับเขามากมาย เจ้าตัวเองคงจำไม่ได้เช่นกัน
เหมิงกุ้ยเฟยหัวเราะและมองผู้คนประสงค์ร้ายตรงหน้า “หลิวเฟย คังเฟย พวกเจ้าได้ยินกันแล้วใช่ไหม หนานหนานเชื่อฟังคำฝ่าบาทจึงปกป้องตนเอง ที่พลั้งมือทำร้ายซื่อจื่อทั้งสองเป็นเพียงเรื่องระหว่างเด็ก เหตุใดพวกเจ้าต้องไปก้าวก่าย เด็ก ๆ โกรธง่ายหายเร็ว ไม่ทันครึ่งวันก็กลับมาเล่นสนุกด้วยกันอีก”
หลิวเฟยจะปล่อยให้ตนพ่ายแพ้เช่นนี้ได้อย่างไร สถานการณ์ในตอนนี้ไม่ใช่เรื่องของเด็ก ๆ อีกต่อไป ตอนนี้มีเหล่านางสนมมาเกี่ยวข้องย่อมกลายเป็นเรื่องจริงจัง
“เหมิงกุ้ยเฟยพูดเช่นนี้เสียความรู้สึกยิ่งนัก คราวก่อนที่เรือนของซื่อจื่อเฉิง หนานหนานก็ทำร้ายเวยเอ๋อร์ หลี่เอ๋อร์ และจ้าวเอ๋อร์ จนจมูกช้ำหน้าบวมไปหมด ต้องนอนซมอยู่หลายวัน สุดท้ายเด็กทั้งสามกลับถูกท่านอ๋องซิวกับฮ่องเต้ตำหนิ หม่อมฉันมาให้กุ้ยเฟยเหนียงเหนียงตัดสินใจ ตอนนั้นท่านยุ่งอยู่กับเรื่องพิษขององค์ชายเจ็ดจึงปฏิเสธพบหม่อมฉัน”
หลิวเฟยกล่าวจบก็หัวเราะ “เช่นนั้นหม่อมฉันมีแต่ต้องเอาเรื่องให้ถึงที่สุด วันนี้ทุกคนเห็นชัดว่าคนบาดเจ็บคือเวยเอ๋อร์กับหลี่เอ๋อร์อีกแล้ว หม่อมฉันขอให้เหนียงเหนียงตัดสิน แต่กลับบอกว่าเป็นเรื่องของเด็ก คนที่ถูกคือหลานของท่านเสมอ ในขณะที่เวยเอ๋อร์กับหลี่เอ๋อร์เป็นฝ่ายผิดตลอดอย่างนั้นหรือ”
เหมิงกุ้ยเฟยหน้าเสียไปพักหนึ่ง เมื่อเห็นท่าทางไม่ยอมแพ้ของหลิวเฟย นางก็อยากรีบตัดสินและออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นเกรงว่าคงทำตามแผนต่อไปไม่ได้
เห็นได้ชัดว่าพวกนางเล่นแง่ตั้งคำถามเพื่อต้องการทำให้นางอับอาย
“หลิวเฟยหมายความว่าเราลำเอียงอย่างนั้นหรือ ในเมื่อเจ้ามีความสามารถนัก ไปยื่นฎีกากับฮ่องเต้ดีหรือไม่ เช่นนั้นตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายในจะได้ตกเป็นของหลิวเฟยอย่างไรเล่า”
หลิวเฟยชะงักก่อนตอกกลับ “เหตุใดต้องพูดรุนแรงเพียงนั้น ตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายในไหนเลยจะเปลี่ยนแปลงได้…”
หนานหนานช้อนตามองพวกนาง เขาพิงตัวด้วยความเบื่อหน่าย ดูเหมือนเรื่องที่นี่จะไม่เกี่ยวข้องกับเขาแล้ว ช่างพลิกผันอย่างไม่คาดไม่ถึง
เมื่อหันมองเย่หลานเว่ยกับเย่หลานหลี่ พวกเขาดูงุนงงเช่นกัน สีหน้าฉายแวววิตก ไม่มีใครเห็นการทะเลาะกันนี้เป็นเรื่องไม่จริงจังเหมือนเขา
ทว่าชั่วขณะต่อมา สีหน้าไม่ยี่หระของหนานหนานก็พลันแปรเปลี่ยน เขาเห็นแมงป่องคุ้นตาอยู่ไม่ห่างออกไป พร้อมผงชาดหนาบนตัวมัน
สัญญาณเตือนภัยฉุกเฉิน ท่าไม่ดีเสียแล้ว
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
จากเรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ และเหมือนจะผิดแผนนังกุ้ยเฟยเสียด้วยสิ หนานหนานสมกับเป็นตัวทำลายแผนการคนอื่นจริงๆ ๕๕๕
ไหหม่า(海馬)