อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 549 ยิงนกสามตัวในศรเดียว
ตอนที่ 549 ยิงนกสามตัวในศรเดียว
ตอนที่ 549 ยิงนกสามตัวในศรเดียว
“เซียวเฟย เป็นท่านจริง ๆ สินะ”
อวี้ชิงลั่วผ่อนลมหายใจออกมา ก่อนจะแค่นหัวเราะ “ท่านกับข้าไม่ได้มีความแค้นต่อในอดีตต่อกัน เหตุใดจึงต้องการฆ่าข้า?”
เซียวเฟยก้าวไปด้านหน้าสองก้าว ง้างมือขึ้นตบหน้าอวี้ชิงลั่ว
“พรึ่บ…!”
แต่ก่อนที่ฝ่ามือเรียวนั้นจะกระทบถูกใบหน้า อวี้ชิงลั่วก็ยื่นมือไปรับได้ทันแล้วออกแรงบีบข้อมือนั้นอย่างแรงด้วยสีหน้าเย็นชา “เหนียงเหนียง ข้าขอเตือนว่าท่านอย่าเพิ่งวู่วามจะดีกว่า”
“หึ คนไร้ทางสู้อย่างเจ้ากำลังเตือนข้าอย่างนั้นหรือ” เซียวเฟยเอ่ยเย้ยหยันแล้วผินหน้าไปด้านหลังออกคำสั่งกับชายสวมหน้ากากที่ปักหลักอยู่ด้านหลังของนาง “จัดการนางซะ อย่าหยุดจนกว่าข้าจะสั่ง”
ชายสวมหน้ากากก้าวเข้ามาแล้วส่ายหน้า “ทั่วตัวของนางถูกอาบไปด้วยพิษ ข้ากลัวว่าถ้าสัมผัสผิวนางโดยตรงจะถูกพิษถึงตายได้”
ความจริงแล้วตั้งแต่แรกเริ่ม เขาเลี่ยงการสัมผัสตัวนางโดยตรงมาโดยตลอด เช่นนั้นจึงเลือกที่จะโจมตีจากทางด้านหลัง
หมอปีศาจผู้นี้สามารถเดินทางตามลำพังไปทั่วยุทธภพมาหลายปีโดยไม่เคยได้รับอันตรายแม้จะไม่มีผู้ติดตามคุ้มกัน เห็นได้ชัดว่าต้องเป็นคนที่มีวิชาติดตัว ทั้งเข็มเงิน มีดสั้น จังหวะการย่างก้าวอย่างระมัดระวัง ทั้งหมดล้วนบ่งบอกว่าไม่สามารถประมาทกับเช่นนางได้
เซียวเฟยได้ยินดังนั้นก็หน้าถอดสี รีบฉุดแขนตนเองออกจากฝ่ามือของอวี้ชิงลั่ว หัวคิ้วขวมดเข้าหากันแน่นแล้วถอยหลังออกไปสองก้าว
แต่ความกลัวนั้นพลันแปรเปลี่ยนเมื่อได้สบกับสายตายั่วยุจากอวี้ชิงลั่ว “ในเมื่อแตะตัวไม่ได้ ฟาดด้วยไม้แทนเสียก็สิ้นเรื่อง ตราบใดที่ไม่ได้ทุบจนตายก็ยังไม่เป็นปัญหา เอาแค่ให้พิการก็พอ”
อวี้ชิงลั่วประหลาดใจกับคำสั่งนั้น ไม่ได้คิดจะฆ่านางหรอกหรือ?
เซียวเฟยหวังประโยชน์อะไรจากการไว้ชีวิตนาง
“เซียวเฟย ไหน ๆ ท่านก็กำลังจะจัดการกับข้า ดังนั้นช่วยให้ข้าได้ทราบเหตุผลที่ท่านทำเช่นนี้ได้หรือไหม หากว่าจะต้องตาย อย่างน้อยก็ควรจะได้รู้ถึงเจตนาของท่าน”
หญิงสาวไม่เข้าใจว่าเหมิงกุ้ยเฟยใช้เหตุผลอะไรในการยุยงให้เซียวเฟยถึงกับพาพรรคพวกมาลอบทำร้ายนางถึงที่นี่
แต่เดี๋ยวก่อน…
ในตอนนั้น สมองของอวี้ชิงลั่วพลันคิดอะไรบางอย่างขึ้นได้ ถ้าจะมีผู้ใดที่ทำให้เซียวเฟยหุนหันพลันแล่นทำสิ่งเหล่านี้ได้ เห็นทีว่าคงจะมีเพียงเย่ฮ่าวหราน
“เซียวเฟย ครั้งล่าสุดที่เราพบกันข้ากับท่านพูดคุยกันด้วยไมตรี ไม่คาดว่าในคราวนี้ท่านจะมุ่งร้ายต่อข้า…ท่านไปได้ยินสิ่งใดมา มีผู้ใดใส่ความข้าหรือไม่?”
อวี้ชิงลั่วลอบสังเกตอาการของอีกฝ่ายอย่างระมัดระวัง และใบหน้าของเซียวเฟยก็แสดงความตกตะลึงออกมาเมื่อได้ยินคำถามนั้น
หญิงสาวหรี่ตาลงเมื่อพบว่าไม่เพียงแค่เซียวเฟยเท่านั้นที่แสดงอาการพิรุธออกมา แม้แต่ชายสวมหน้ากากที่ยืนอยู่ด้านหลังเองก็เลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ
เพียงไม่กี่อึดใจต่อมาชายสวมหน้ากากก็ก้าวเข้ามา เสียงแหบห้าวของเขาเบาลงเล็กน้อย “เหนียงเหนียง ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะแก่การเจรจา แม้ว่าที่นี่จะลับตาคนแต่ก็อาจจะมีใครผ่านมาได้ เราควรย้ายไปที่เงียบ ๆ จะดีกว่า”
อวี้ชิงลั่วตื่นตัวขึ้นมาทันที ชายผู้นี้…มีเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์
หรือจะให้กล่าวอย่างถูกต้องก็คือ มีใจที่ไม่บริสุทธิ์ต่อเซียวเฟย เป็นไปได้หลายส่วนว่าเขาจะไม่ได้ซื่อสัตย์ต่อนายตัวเอง
“ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า?” อวี้ชิงลั่วยิ้มขึ้นมาจาง ๆ “ท่านแน่ใจนะว่าจะให้ข้าย้ายไปที่อื่น”
ทั้งชายสวมหน้ากากและเซียวเฟยพากันครุ่นคิด แท้จริงแล้วในตอนนี้ไม่มีใครสามารถแน่ใจได้ว่าตนเองจะไม่ถูกพิษจากการสัมผัสร่างกายของอวี้ชิงลั่ว จะขยับกายทำสิ่งใดก็ลำบากไปเสียหมด
แต่เพียงไม่นาน ชายผู้นั้นก็ยิ้มเยาะ หยิบหินก้อนเล็ก ๆ ขึ้นมาจากพื้น แล้วใช้มันสกัดจุดนางทันที
“…” เวรแล้ว!
อวี้ชิงลั่วนิ่งค้าง ร่างทั้งร่างราวกับถูกเปลี่ยนให้เป็นหิน ไม่สามารถขยับเคลื่อนไหวได้
ชายสวมหน้ากากเย้ยหยัน ถอดเสื้อของตนเองออกแล้วใช้มันพันแขนที่ขยับไม่ได้ของนางแล้วหันไปเอ่ยกับเซียเฟยด้วยท่าทางนอบน้อม “เหนียงเหนียง เท่านี้ก็พานางออกไปจากตรงนี้ได้แล้วขอรับ”
เขาเอ่ยพร้อมฉุดมือของอวี้ชิงลั่วให้ลุกขึ้นตาม
อวี้ชิงลั่วคำรามออกมาจากลำคอ คิ้วขมวดเข้าหากัน จ้องเขม็งไปยังชายสวมหน้ากาก
เซียวเฟยเผยรอยยิ้มยินดี
“อวี้ชิงลั่ว คราวนี้เจ้าจะทำอย่างไรดีล่ะ หืม”
อวี้ชิงลั่วตกอยู่ในความกังวล ถ้านางตามพวกเขาไป ทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังจะเข้าที่ก็คงเปล่าประโยชน์ ยิ่งไปกว่านั้น ทันทีที่นางไม่อยู่ ทั้งนางและเซียวเฟยก็จะต้องตกอยู่ในหลุมพรางของเหมิงกุ้ยเฟย
นางมองไปยังเซียวเฟยที่ก้าวเท้านำอยู่ด้านหน้า ลอบขบฟันอย่างเงียบ ๆ แล้วเอ่ยเบาๆ ด้วยรอยยิ้ม “เซียวเฟย ท่านรู้หรือไม่ว่าเย่ฮ่าวหรานอยู่ที่ไหน?”
คำถามนั้นทำให้เซียวเฟยชะงักค้าง หยุดนิ่งราวกับถูกสกัดจุดไปด้วยอีกคน นางหันมาด้วยความตกใจและจ้องมองมาที่อวี้ชิงลั่ว
ชายสวมหน้ากากไม่คาดว่าคนเป็นนายจะถูกยั่วยุขึ้นมาในเวลาแบบนี้
หน้าของเขาคล้ำขึ้นด้วยโทสะ แล้วเริ่มพยายามจะใช้ผ้าปิดปากนาง
แต่ในตอนที่เขายกมือขึ้นมา เซียวเฟยก็เอ่ยขึ้นก่อน “เจ้าจะทำอะไร?”
ชายผู้นั้นอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นอีกครั้ง แต่ก็ทำได้เพียงดึงมือตนเองกลับมา
อวี้ชิงลั่วลอบขบขันในใจ เท่านี้ก็เห็นได้ชัดแล้วว่าชายผู้นี้ไม่ได้อยู่ฝ่ายเดียวกับเซียวเฟยจริง ๆ
เซียวเฟยไม่ได้มีวรยุทธ์ หากต้องการจะพูดคุยกับเซียวเฟย ต้องหาทางสลัดชายผู้นี้ออกไปให้ได้ ไม่อย่างนั้นเขาคอยขัดขวางเมื่อเห็นว่านางพยายามเคลื่อนไหว
เซียวเฟยก้าวเข้ามายืนต่อหน้านาง “ก็อย่างที่พูดไปเมื่อครู่ เย่ฮ่าวหรานอยู่ที่ไหน? แน่ล่ะ เจ้าจับเขาและยัง…ปฏิบัติต่อเขาเช่นนั้น เขาปฏิบัติต่อท่านอ๋องซิวดั่งน้องชายแท้ๆ แต่พวกเจ้ากลับทำอะไรบ้า ๆ แบบนั้น”
เดี๋ยวก่อน… นี่นางกำลังพูดเรื่องอะไร ใครเขาจับเย่ฮ่าวหราน เรื่องบ้าอะไรกัน
“เซียวเฟย ท่านได้ยินเรื่องเหล่านี้มาจากที่ไหน เรา…”
“เหนียงเหนียง ต้องรีบไปแล้ว มีคนกำลังมา” ชายสวมหน้ากากไม่ได้มอบโอกาสให้อวี้ชิงลั่วได้พูดจนจบก็ขัดขึ้นอย่างเย็นชา
อวี้ชิงลั่วพ่นลมหายใจออกมา “เจ้ากังวลสิ่งใดอยู่หรือ ทำไมถึงได้เข้ามาขัดเสียทุกครั้งที่ข้ากับเซียวเฟยคุยกัน มีสิ่งใดที่เจ้าต้องการปิดบังจากนางหรือไม่”
นัยน์ตาสับสนของเซียวเฟยก็จ้องไปที่เขาเช่นเดียวกัน วันนี้เขาทำตัวแปลกไปจริง ๆ
“องครักษ์จี้ วันนี้เจ้าทำตัวมีพิรุธนะ”
ชายสวมหน้ากากชะงักไปเพียงครู่ แล้วก็หัวเราะขึ้นมา เขาถอนหายใจยาว น้ำเสียงเปลี่ยนไปในทันที ไร้ซึ่งความนอบน้อมต่อเซียวเฟยอย่างที่เคยเป็น
แม้ทุกอย่างจะเปิดเผยออกมาแล้วแต่ก็สายเกินกว่าที่เซียวเฟยและอวี้ชิงลั่วจะรับมือหรือตอบโต้ได้ทัน มือใหญ่เอื้อมไปตบเข้าที่หน้าของเซียวเฟย
เซียวเฟยไม่ทันตั้งตัว ร่างบางของนางกระเด็นไปกระแทกเข้ากับต้นไม้อย่างแรงแล้วทรุดลงกับพื้นในชั่วพริบตา “เจ้า…”
“ในทีแรกข้าก็แค่อยากหาที่เงียบ ๆ สำหรับดูละคร แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ต้องเสียแล้ว ไม่เป็นไร เปลี่ยนแผนสักหน่อยก็ไม่เลยหรอก เซียวเฟย เจ้าบอกข้าว่าจะฆ่ามันเดี๋ยวนี้ อยากจะให้ข้าลงมือฆ่าเจ้าแล้วโยนความผิดให้นาง หรือให้ข้าฆ่านางแล้วโยนความผิดให้เจ้าดีล่ะ”
เซียวเฟยสูดหายใจเข้าลึกอย่างตกใจ “องครักษ์จี้ นี่เจ้า…เจ้า…ไม่”
“ข้าไม่ใช่คนของเจ้า” องครักษ์จี้ยักไหล่ ผินหน้าไปทางอวี้ชิงลั่วด้วยท่าทางได้ใจ “ข้าจะฆ่าเจ้าก็แล้วกัน ท่านอ๋องซิวและองค์ชายรองของอาณาจักรเทียนอวี่จะไม่มีวันยอมปล่อยเซียวเฟยให้รอดไปได้ ซ้ำยังอาจซัดทอดถึงผู้อื่นได้อีกในตอนที่สอบสวนสาเหตุของการฆาตกรรม”
อวี้ชิงลั่วเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแล้วว่าเขาต้องการยิงนกถึงสามตัวภายในศรดอกเดียว ซ้ำยังต้องการลากเย่ฮ่าวหรานเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
“เจ้าคนชั่วช้า ปล่อยท่านแม่ข้าเดี๋ยวนี้” ในขณะที่องครักษ์จี้ง้างมือขึ้นเพื่อจะตบอวี้ชิงลั่ว ก็มีเสียงของเด็กชายดังขึ้นจากด้านหลังด้วยความโกรธ
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
คดีพลิกอีกแล้ว พลิกแล้วพลิกอีก ชายคนนี้ไม่ใช่คนของเซียวเฟยด้วย นังกุ้ยเฟยคิดแผนได้ซับซ้อนดีจริงๆ
หนานหนานมาช่วยท่านแม่เร็ว
ไหหม่า(海馬)