อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 55 เขามีวิธี
ตอนที่ 55 เขามีวิธี
ผ่านไปนาน อวี้ชิงลั่วจึงจึงยอมปล่อยตัวอย่างแผ่วเบา นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้าง ๆ อย่างเงียบ ๆ และถอนหายใจอย่างแรงหนึ่งครั้ง
หนานหนานถูกนางทำให้ตกใจ สติถูกดึงกลับมาจากความฝันที่งดงามทันใด เขามองท่านแม่ของตนเองและถามด้วยความประหลาดใจ “ท่านแม่เป็นอะไรไป?”
“หนานหนาน แม่ขอถามเจ้าหน่อย เจ้าอยากอยู่กับพ่อหรือแม่?”
หนานหนานกะพริบตาปริบๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า คำพูดของท่านแม่หมายความว่าอย่างไร?
เขาเกิดความลังเลเล็กน้อย ก่อนถามด้วยความสงสัยเล็ก ๆ “อยากอยู่กับทั้งคู่เลยไม่ได้หรือ?”
“ไม่ได้ ได้แค่คนเดียว หากเจ้าอยากอยู่กับพ่อ เช่นนั้นเจ้าก็ไปหาเขาที่ห้องข้างห้องโถงด้านหน้า แม่จะไปตอนนี้เลย หลังจากนี้แม่จะไม่ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเจ้าอีก” อวี้ชิงลั่วพูดอย่างจริงจัง หนานหนานเป็นเด็กฉลาด หากไม่พูดกับเขาให้ดี ๆ เกรงว่าเขาอาจจะเห็นคำพูดของนางเป็นลมที่ผ่านข้างหู กลับไปก็อาจจะไปทำตีสนิทเย่ซิวตู๋
หนานหนานถึงกับตกใจ เขารีบยกมือขึ้นมาโอบรอบคอของนาง “ท่านแม่อย่าไปนะ ข้าต้องการท่านแม่ ข้าต้องการท่านแม่”
แม้ว่าเขาจะอยากได้พยัคฆ์ทมิฬตัวนั้นมาก แต่…ก็ไม่ได้สำคัญเท่ากับท่านแม่
อวี้ชิงลั่วพยักหน้าและตบหลังเด็กน้อย น้ำเสียงในตอนนี้จึงช้าลง “ดี ในเมื่อเจ้าต้องการแม่ หลังจากนี้เรื่องเกี่ยวกับหยกแขวน แม่ไม่อนุญาตให้พูดถึงต่อหน้าใครทั้งนั้น โดยเฉพาะต่อหน้าเย่ซิวตู๋ และห้ามตีสนิทด้วย เข้าใจหรือไม่?”
หนานหนานรู้สึกเสียใจ เขาขดตัวอยู่ในอ้อมกอดของนาง ผ่านไปนานก็ยังไม่มีเสียงดังตอบกลับมา
ผ่านไปครู่ใหญ่ จึงเกิดเสียงราวกับยุงดังขึ้น “ข้ารู้แล้ว หลังจากนี้ข้าจะไม่พูด”
อวี้ชิงลั่วแอบถอนหายใจ นางกอดและตบหลังหนานหนานอีกครั้ง และไม่ได้พูดอะไรอยู่นาน
นางไม่รู้ว่าเย่ซิวตู๋เป็นคนอย่างไร และไม่อยากรู้ด้วย แต่สิ่งที่นางมั่นใจได้ก็คือ สถานะของเย่ซิวตู๋ไม่ธรรมดา ภาระที่เขาแบกรับไว้ก็หนักอึ้งมากเช่นกัน
นางไม่อยากให้บุตรชายของตนเองต้องแบกรับสิ่งเหล่านี้ ขอแค่หนานหนานได้มีชีวิตอยู่ได้ตามที่ต้องการก็พอแล้ว อยากกินอะไรก็ได้กิน อยากทำอะไรก็ได้ทำ เรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ไว้ป้องกันตัวเองและหาความสามารถที่สนใจเพื่อหาเงินนิดหน่อยก็พอ หลังจากเขาเติบโตขึ้น ค่อยแต่งงานกับสตรีที่เขารัก
เย่ซิวตู๋คนนั้น…ไม่ใช่เด็กที่เติบโตมาในครอบครัวธรรมดา ต่อให้หนานหนานยอมรับเขาได้จริง ๆ บางทีเขาอาจจะไม่ยอมรับหนานหนานที่เป็นบุตรชายคนนี้ก็ได้ หรือบางทีคนในตระกูลของเขาอาจจะไม่ยอมรับหนานหนาน
ถึงเวลานั้น คนที่เสียในจนอึดอัดใจก็คือบุตรชายของนาง
ดังนั้น นางจึงใช้โอกาสตอนนี้ที่พวกเขาแค่พบกันโดยบังเอิญและยังไม่สนิทกัน รักษาระยะห่างไว้ถึงจะดีที่สุด
หนานหนานรู้สึกหดหู่ใจมาก เขาไม่ได้มีความคิดซับซ้อนเหมือนอวี้ชิงลั่ว ย่อมไม่ได้คิดมากขนาดนั้น เขาแค่คิดว่า ชาตินี้เขาคงไม่มีวาสนากับพยัคฆ์ทมิฬตัวนั้นแล้ว เขาจึงรู้สึกหน่วงอยู่ที่กลางใจ
ตอนค่ำหนานหนานเศร้าเสียใจจนไม่กินอะไร เอาแต่อยู่ในอ้อมกอดของอวี้ชิงลั่วเพียงไม่นานก็ผล็อยหลับไป
อวี้ชิงลั่วรู้สึกละอายใจอยู่ไม่น้อย ถึงอย่างไรการไม่ให้พ่อลูกได้รู้จักกัน ดูเหมือนว่าจะเป็นการกระทำที่ผิดแปลกมนุษย์มนาไปสักหน่อย
ด้วยเหตุนี้ในช่วงค่ำ นางจึงไม่ได้กินอะไร แต่นอนหลับอยู่บนเตียงเป็นเพื่อนหนานหนาน
จนถึงเช้าของอีกวัน
ตอนที่เสิ่นอิงมาบอกนางว่า เมื่อวันก่อนหนานหนานกินของช่วงบ่ายไม่หยุดปาก กินข้าวไปสองถ้วย ขนมสองจาน ส้มสามลูก องุ่นหนึ่งพวง นอกจากนี้ยังมีซาลาเปาและแพนเค้กต้นหอมอีกอย่างละชิ้นที่ซื้อมาจากข้างนอก ความรู้สึกละอายใจที่อยู่ในใจของนางก็มลายหายไปจนหมดสิ้น
เจ้าเด็กคนนี้ไม่ใช่ว่าไม่กินอะไร แต่เป็นเพราะกินจนอิ่ม จึงไม่สามารถยัดอะไรลงท้องได้แล้วต่างหากล่ะ
อวี้ชิงลั่วชกอกตัวเองแรง ๆ นางประเมินบุตรชายของตนเองต่ำไปจริง ๆ
เสิ่นอิงเห็นท่าทางผิดปกติของนาง ก็อดเอียงศีรษะถามด้วยความสงสัยไม่ได้ “เจ้าเป็นอะไรรึ?”
“ไม่ได้เป็นอะไร” อวี้ชิงลั่วรีบยืดตัว ท่าทางดูจริงจังมาก “จริงสิ เหตุใดเมื่อคืนพวกเจ้าถึงไม่กลับจวนโม่?”
นางคิดว่าพวกเขากลับไปแล้ว ถึงอย่างไรด้านนอกก็ไม่ได้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดเหมือนกับจวนโม่
เสิ่นอิงยักไหล่ พูดอย่างจนปัญญา “นายท่านบอกว่าค่อนข้างมืดค่ำแล้ว จึงให้พักอยู่ที่นี่หนึ่งคืนก่อน อีกอย่างแม่นางอวี้ก็ยังอยู่ที่นี่ นายท่านและเผิงอิงยังต้องได้รับการรักษาจากแม่นางอวี้ ป้องกันไม่ให้แม่นางอวี้ต้องไปถึงจวนโม่ ซึ่งอาจทำให้เหนื่อยเกินไป”
อันที่จริงเดิมทีวันนี้พวกเขาต้องเดินทางกลับเมืองหลวงแล้ว แต่จู่ ๆ นายท่านก็บอกว่าบาดแผลยังไม่หายดี จึงเลื่อนออกไปอีกสองวัน
อืม แม้ว่าภายในใจของเขาจะทราบดี เป็นเพราะนายท่านยังคิดวิธีทำให้แม่นางอวี้กลับเมืองหลวงไปด้วยกันไม่ได้ จึงหาข้ออ้างเพื่ออยู่ต่อ
อวี้ชิงลั่วมุมปากกระตุกวูบ ช่างคิดแทนนางมากจริง ๆ
“นายท่านของเจ้าล่ะ?” ในเมื่อทราบว่าต้องติดตามอาการ ทำไมถึงไม่เห็นอีกฝ่ายตั้งแต่เช้า?
“หนานหนานบอกว่าอยากให้นายท่านสอนวรยุทธให้ บอกว่าผ่านไปอีกสักสองสามวันหลังจากบาดแผลของนายท่านหายดีอาจจะไม่ได้เจอหน้าแล้ว จึงใช้โอกาสนี้เรียนรู้ให้มาก ๆ สักหน่อย” เสิ่นอิงขมวดคิ้ว เขารู้สึกว่าคำพูดนี้ของหนานหนานประหลาดมาก
อวี้ชิงลั่วร่างแข็งทื่อ ครั้นนึกได้ว่าพวกเขาทั้งสองคนอยู่ด้วยกัน ก็รู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมา
แต่หนานหนานพูดถูก รอจนกระทั่งนางรักษาบาดแผลของเย่ซิวตู๋และเผิงอิงหายดี หลังจากนี้ก็คงไม่มีโอกาสให้สองพ่อลูกได้เจอหน้ากันอีกแล้ว
ช่างเถอะ ตอนนี้ปล่อยพวกเขาไปก็แล้วกัน
“ไปเถอะ ข้าจะไปดูอาการของเผิงอิงก่อน” อันที่จริงบาดแผลของเขาและเย่ซิวตู๋ก็ไม่ได้รุนแรงอะไร แค่พักรักษาตัวดี ๆ ก็ไม่ใช่ปัญหาแล้ว แต่เย่ซิวตู๋ยืนกรานให้พวกเขาทั้งสองหายดีถึงจะยอมจ่ายเงินให้นาง…ไม่ถูกสิ คือเงินค่ารักษา
เสิ่นอิงพยักหน้า ก่อนจะเดินไปข้าง ๆ หนึ่งก้าวเพื่อเปิดทางให้
จนกระทั่งพวกเขาทั้งสองออกไป หนานหนานจึงชะโงกหน้าออกมาครึ่งหนึ่งจากด้านบนหลังคา เขาจับมือเย่ซิวตู๋และพูดอย่างตื่นเต้น “ท่านลุงเย่ ตอนนี้ลงไปได้แล้ว”
“เจ้าจะหลบซ่อนแม่ของเจ้าไปทำไม?” เย่ซิวตู๋เลิกคิ้ว เขากวาดตาสำรวจเด็กน้อยที่มาหาเขาตั้งแต่เช้าตรู่ด้วยท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ
วันนี้ดูเหมือนว่าเจ้าเด็กคนนี้จะกระตือรือร้นกับเขามากเป็นพิเศษ
หนานหนานแย้มยิ้ม หันหน้ามาถามเขาอย่างลึกลับว่า “ท่านลุงเย่ พวกท่านจะกลับเมืองหลวงแล้วใช่หรือไม่?”
เย่ซิวตู๋ชะงัก ขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ “เจ้าได้ยินแล้ว?”
หนานหนานออกแรงพยักหน้า ก่อนจะขมวดคิ้วอีกครั้ง “แต่พวกท่านกลับเมืองหลวงไปแล้ว หนานหนานคงเหงามากเลยมิใช่รึ? อีกอย่างนึง บาดแผลของท่านลุงเย่และท่านลุงเผิงก็ยังไม่หายดี พวกท่านกลับไปแล้ว ท่านแม่ไม่อยู่ก็คงไม่มีใครรักษาพวกท่านแล้ว”
เย่ซิวตู๋ยิ้ม นั่งลงบนหลังคาอย่างเกียจคร้าน ใช้มือทั้งสองข้างจับตัวหนานหนานและหมุน พร้อมกับให้เขานั่งลงตรงข้ามตนเอง “ถูกต้อง ไม่มีแม่ของเจ้า ข้าก็ลำบากมากเช่นกัน ทักษะทางการแพทย์ของแม่เจ้าดีขนาดนั้น มาอยู่ในสถานที่แบบนี้น่าเสียดายจะตายไป ข้าเองก็อยากพาแม่ของเจ้ากลับไปที่เมืองหลวงด้วย แต่ดูเหมือนว่าจะยาก แม่ของเจ้าคงไม่เต็มใจ”
นางย่อมไม่เต็มใจอยู่แล้ว ตอนนี้ท่านแม่แทบอยากจะให้ท่านอยู่ห่าง ๆ ยิ่งห่างเท่าไรก็ยิ่งดีเท่านั้น
หนานหนานครุ่นคิดอยู่ในใจ ทว่าบนใบหน้ายังคงแย้มยิ้ม “อันที่จริง หากต้องการให้ท่านแม่ตอบตกลง ก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรหรอก”
“อะไรกัน เจ้ามีวิธีรึ?” เย่ซิวตู๋ดวงตาเป็นประกาย เขาคิดไว้อยู่แล้วว่าเด็กคนนี้ต้องเป็นดาวแห่งความโชคดีของเขาเป็นแน่
……………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
แม้จะอยากได้เสือดำแต่แม่ก็สำคัญเหมือนกันสินะ
ไหหม่า(海馬)