อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 557 อกสั่นขวัญหาย
ตอนที่ 557 อกสั่นขวัญหาย
ตอนที่ 557 อกสั่นขวัญหาย
ซ่างกวนจิ่นเหลือบมองคนที่เข้ามาจากข้างนอก ก่อนเอ่ยถากถาง “ท่านอ๋องซิวคงถือว่าเรือนรับรองของเราเป็นบ้านของเขาจริง ๆ กระมัง ถึงได้เข้านอกออกในตามใจตนเองเช่นนี้”
กวนอู๋กำลังทำอะไรอยู่? เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาไม่สามารถที่จะหยุดเย่ซิวตู๋ไว้ได้?
เย่ซิวตู๋ไม่ได้มองเขาเลย สายตาอ่อนโยนของเขาเบนไปทางอวี้ชิงลั่ว เมื่อเห็นว่านางดูเป็นปกติ ใบหน้าของเขาก็แดงก่ำ ในเมื่อนางดูเหมือนไม่ได้รับบาดเจ็บ เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เมื่อมองแล้วเขาก็หน้าไปมองซ่างกวนจิ่น “ในเมื่อบัดนี้อุปราชเกือบจะหายดีแล้ว เราจะพาชิงเอ๋อร์กลับไปพักผ่อน”
“อะไรกัน ท่านอ๋องซิวจะเริ่มใช้ทักษะการแพทย์กำมะลอของท่านอีกแล้วหรือ? ท่านรู้ได้อย่างไรว่าร่างกายของเราทุเลาดีแล้ว?”
“อุปราชยืนอยู่ตรงนี้ด้วยสภาพที่ดี ดังนั้นคงไม่ได้มีปัญหาร้ายแรงอะไร ข้าเชื่อว่าหมอหลวงหลูในเรือนรับรองแห่งนี้คงทำให้อุปราชกลับมาแจ่มใสและมีกำลังวังชาเต็มเปี่ยมได้”
“เราเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำ แต่ท่านอ๋องซิวกลับมองออก ทั้งยังมองเห็นความสามารถของหมอหลวงหลูอีกต่างหาก”
“หมอประจำตัวของอุปราชย่อมมีฝีมือไม่เลว มิฉะนั้นทุกคนจะไม่สงสัยในวิสัยทัศน์ของอุปราชหรือ?”
อวี้ชิงลั่วหันหน้าหนีเงียบ ๆ เอาอีกแล้ว เริ่มอีกครั้งแล้ว เจอกันเมื่อใดก็เหมือนกินดินปืน(1)ทุกที
และ… บทสนทนาระหว่างทั้งสองก็ฟังดูเด็กเดินไป หากหนานหนานได้ยินเข้าก็อาจจะกลอกตาด้วยความดูหมิ่น
อวี้ชิงลั่วคิดเช่นนั้นแล้วหยิบเก้าอี้ที่อยู่ใกล้ ๆ มานั่ง เพื่อเตรียมจะฟังการโต้เถียงกันของทั้งสองคน ทุกครั้งที่นางไม่ส่งเสียงห้าม นางจะไม่สามารถหยุดมันได้ นางจะดูและฟังให้เพียงพอก่อนแล้วค่อยห้าม
ทว่าครั้งนี้ดูเหมือนว่ามันจะไม่เป็นไปตามที่นางต้องการ
เสียง “ครืด” ดังขึ้นจากการลากเก้าอี้ของนาง ทั้งสองหยุดชะงักและมองนางทันที
ทันใดนั้นนางก็ได้ยินเสียงครึ้มอกครึ้มใจของซ่างกวนจิ่น “ดูเหมือนว่าแม่นางชิงกำลังคิดจะตรวจเราอยู่ที่นี่ต่อ”
อวี้ชิงลั่วสำลัก นางไม่ได้ตั้งใจ นางเพียงแค่จะนั่งเพื่อ… ดูพวกเขาทะเลาะกัน
เย่ซิวตู๋ขมวดคิ้วและก้าวเข้ามาหา เสียงของเขายังคงอ่อนโยน “ชิงเอ๋อร์ เสิ่นอิงบอกว่าเจ้าได้รับบาดเจ็บ เดิมทีเจ้ายังคงนอนอยู่บนเตียง หากไม่ใช่เพราะองครักษ์พยัคฆ์ของอุปราชไปบอกว่าอุปราชป่วยใกล้ตาย เจ้าก็คงจะไม่รีบมาที่นี่ถึงเพียงนั้น เจ้าเหนื่อยหรือไม่? ยังรู้สึกไม่สบายอยู่ไม่? นั่งบนเก้าอี้เช่นนี้ไม่สบายหรอก ดังนั้นรีบกลับไปที่จวนและให้สาวใช้คอยดูแลจะดีกว่า”
ซ่างกวนจิ่นตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนจ้องไปยังอวี้ชิงลั่ว “เจ้าไม่ได้บอกว่าเจ้าไม่ได้รับบาดเจ็บหรือ?”
“ข้า…” อวี้ชิงลั่วไม่รู้จะตอบอย่างไรในตอนนี้ หากนางบอกว่านางได้รับบาดเจ็บจริง ๆ เย่ซิวตู๋จะต้องหงุดหงิดแน่นอน แต่หากนางบอกว่านางไม่ได้รับบาดเจ็บ สิ่งที่เย่ซิวตู๋เพิ่งพูดเมื่อครู่นี้… นางไม่ควรหักหน้าเขาในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้ว นางก็ยกมือขึ้นลูบหน้าผาก แล้วพูดเบา ๆ ว่า “ข้าเหนื่อยนิดหน่อย หากอาการของท่านอุปราชไม่ได้ร้ายแรง ข้าจะขอตัวกลับไปพักผ่อนที่ตำหนักก่อน”
ซ่างกวนจิ่นอ้าปาก แต่ไม่ได้ส่งเสียงใด ๆ เพื่อรั้งนางไว้ หลังจากผ่านไปนาน เขาก็ส่งเสียงแผ่วเบา “เอ่อ”
นางได้รับบาดเจ็บ และเขาจะไม่ทำให้นางต้องหนักใจอีกต่อไป
เย่ซิวตู๋เม้มปากแน่น ท่ามกลางสายตาโกรธจัดของซ่างกวนจิ่น เขาก็ก้มลงและอุ้มอวี้ชิงลั่วออกไป
อวี้ชิงลั่วเอนไปข้างหน้าและรีบโอบแขนรอบคอของเขาไว้ จนกระทั่งนางออกจากจากห้องแล้ว นางก็กระซิบกับเจ้าของอ้อมกอดว่า “ข้าไม่เป็นอะไร ท่านปล่อยข้าลงเถิด”
เย่ซิวตู๋ไม่ได้เอ่ยคำใด แต่เมื่อเขาเดินไปข้างแม่นมเซียว เขาก็กระซิบว่า “พวกเจ้าอยู่รอหนานหนานที่นี่”
“เพคะ ท่านอ๋อง”
เย่ซิวตู๋เดินต่อไปโดยไม่สนใจสายตาและท่าทางแปลก ๆ ของเหล่าองครักษ์ที่ยืนอยู่ระหว่างทางในเรือนรับรองของอาณาจักรจิงเหลย แล้วเดินออกจากประตูเรือนรับรองอย่างสง่างามตรงไปยังรถม้าที่จอดอยู่ด้านนอก
อวี้ชิงลั่วซุกหน้าไว้ในอ้อมแขนของเขา นางไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง และใบหูของนางก็แดงก่ำไปหมดแล้ว
จนกระทั่งนางเข้าไปในรถม้า นางถึงผละออกจากเย่ซิวตู๋ แล้วรีบบอกเขาทันทีว่า “อาการบาดเจ็บของข้าเป็นเรื่องไม่จริง เสิ่นอิงบอกท่านหรือว่าข้าอาเจียนเป็นเลือดต่อหน้าทุกคน? ความจริงแล้วข้าจงใจทำเช่นนั้น ข้าไม่ได้เป็นอะไร”
เย่ซิวตู๋หยุดนิ่งไป หลังจากฟังคำพูดของนางแล้ว เขาก็ไม่ตอบสนองอะไร
อวี้ชิงลั่วรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย นางจึงพูดต่อได้เพียงว่า “หากท่านไม่เชื่อข้าก็ให้ถามหนานหนาน ท่านก็รู้ว่าข้าค่อนข้างมีฝีมืออยู่ไม่ใช่หรือ ข้าพกเข็มและมีดสั้นติดตัวอยู่เสมอ อีกทั้งยังมีผงพิษสำหรับป้องกันตัวด้วย ชายสวมหน้ากากไม่สามารถเข้าใกล้ข้าได้เลย และหนานหนานก็มาก่อนที่นักฆ่าจะหนีไป ข้าเอาตัวรอดได้”
เย่ซิวตู๋ยังไม่เอ่ยคำใด อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้วมองเขาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนครุ่นคิดแล้วถามขึ้นทันทีว่า “ท่านไม่พอใจ… ที่ข้ามายังเรือนรับรองของอาณาจักรจิงเหลยหรือ? เรื่องนี้ข้าถูกหลอกมา ทั้งหมดเป็นเรื่องที่ซ่างกวนจิ่นบิดเบือน เขาสั่งให้กวนอู๋มาบอกข้าว่าอาการของเขากำเริบ ท่านก็รู้ว่าข้าสามารถยื้อชีวิตของเขากลับคืนมาได้ หากเขาเสียชีวิตตอนนี้ ข้าจะไม่เสียเวลาเปล่าหรือ? ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเขาโกหกข้า”
เย่ซิวตู๋ยังคงเงียบ แต่หมัดที่อยู่ข้างกายเขากำแน่นตามคำพูดนางทุกประโยค
รถม้าแล่นเร็วขึ้นเล็กน้อย ไม่นานนักก็มาจอดที่ประตูตำหนักอ๋องซิว
ยังคงเหมือนกับตอนที่ขึ้นรถม้า ขณะที่อวี้ชิงลั่วกำลังยกม่านรถม้าและกำลังจะก้าวลงไป นางก็ถูกเย่ซิวตู๋ที่มีใบหน้าเรียบเฉย อุ้มขึ้นมาอีกครั้งต่อหน้าคนรับใช้ของตำหนักอ๋องซิว แล้วเขาก็เดินไปยังเรือนของอวี้ชิงลั่ว
หลังจากที่ถูกวางลงบนเตียง อวี้ชิงลั่วก็ดิ้นรน “ข้าไม่ได้บาดเจ็บจริง ๆ”
เย่ซิวตู๋เงียบอยู่นาน ในที่สุดก็ส่งเสียงออกมาเมื่อได้ยินเช่นนั้น “ข้าบอกไม่ได้ว่าเจ้ากำลังโกหกข้าอยู่หรือไม่”
อวี้ชิงลั่วตกใจ หมายความว่าอย่างไร? นางไม่สามารถปกปิดเขาได้แม้แต่วินาทีเดียวหรือ? เขารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่านางบาดเจ็บหรือ?
“…ข้าไม่ได้โกหกท่าน” อวี้ชิงลั่วหัวเราะแห้ง
เย่ซิวตู๋ยกยิ้มเย็นชา “การหายใจของเจ้าแตกต่างไปจากเมื่อก่อน หากไม่ใช่เพราะอาการบาดเจ็บสาหัสของซ่างกวนจิ่นยังไม่หาย เขาก็จะไม่ทันได้สังเกต”
อวี้ชิงลั่วอ้าปากค้าง และสีหน้าของนางก็ทำอะไรไม่ถูก ตอนนี้นางอยากจะจับหนานหนานมาตีสักที เหตุใดเจ้าตัวเล็กนั่นถึงไม่บอกข้อมูลสำคัญดังกล่าวกับนาง?
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ตอนนั้นเขามองนางด้วยสายตามีเลศนัย เขารู้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วหรือ?
“เจ้านอนลง” เย่ซิวตู๋สูดหายใจเข้าลึกและไม่พูดอะไรต่อ หลังจากวางนางลงบนเตียงแล้ว เขาก็หันหลังเดินไปที่หน้าต่าง
สายตาของเย่ซิวตู๋เย็นชา ขณะมองไปยังชายป่าอันเขียวชอุ่มด้านนอก
อวี้ชิงลั่วเพียงแค่จ้องมองแผ่นหลังของเขาที่กำลังมองออกไปนอกหน้าต่าง เมื่อมองแผ่นหลังที่แข็งแกร่งและดูตึงเครียด นางก็เลิกคิ้วขึ้น และรู้สึกอกสั่นขวัญหายขึ้นมาทันที
……………………………………………………………………………………………………………..
(1)กินดินปืน หมายถึง พูดจาหยาบคาย ไร้มารยาท หรือไร้คุณธรรม
สารจากผู้แปล
ท่านอ๋องดูท่าจะไม่สบายไปอีกคนแล้วนะคะ กลิ่นเปรี้ยวคลุ้งอบอวลเลย ซดน้ำส้มมากี่ไหล่ะนั่น
ไหหม่า(海馬)