อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 564 แม่นมเซียวร้อนใจ
ตอนที่ 564 แม่นมเซียวร้อนใจ
ตอนที่ 564 แม่นมเซียวร้อนใจ
ดังนั้นหยางหลินเองก็จึงเติมเชื้อไฟเข้าไปอีก
“หนานหนาน จะพูดกับพวกเขาอีกกี่ครั้งก็ไร้ประโยชน์ พวกเขาจะไปเข้าใจเรื่องพวกนี้ได้อย่างไร? ในใจพวกเขาก็มีแต่จะคิดถึงวิธีนอกรีตเท่านั้น จะรู้หรือว่าการแข่งขันใหญ่ของสี่อาณาจักรคืออะไร น่าเสียดายจริง ท่าทางชาวอาณาจักรจิงเหลยจะยังมีอีกหลายคนที่อยากมาเข้าร่วมการแข่งขันอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ แต่เพราะไม่มีโอกาส ช่างน่าสงสาร โอกาสเช่นนี้กลับมีให้แต่คนอย่างพวกเขา”
“เจ้า…” สีหน้าของหัวหน้าผู้นั้นดูไม่พอใจยิ่งขึ้น หันหน้ากลับไปมองผู้เล่นคนอื่นๆ ของอาณาจักรจิงเหลย แต่ละคนต่างก็หน้าแดงด้วยความละอายใจ
หนึ่งในนั้นมีคนหนึ่งใจร้อนจนทนไม่ไหวแล้ว “ได้ อย่างสง่าผ่าเผยใช่หรือไม่ เช่นนั้นก็มาแข่งกัน พวกเจ้าคิดว่าตนเองเก่งกาจนักหรือ”
หัวหน้าผู้นั้นตกใจมาก กำลังคิดจะออกปากห้าม อีกคนหนึ่งก็ตะโกนขึ้นมาเช่นกัน “พวกเราก็แค่ยอมให้พวกเจ้าแค่นิดหน่อยเท่านั้น หลังจากนี้จะจัดการพวกเจ้าให้ร้องไห้หาพ่อหาแม่เลย”
“นั่นสิ พวกเราน่ะซ้อมกันมานานเพื่อการแข่งครั้งนี้ เทียบกับพวกผู้เล่นต่ำต้อยอย่างพวกเจ้าแล้ว ไม่รู้ว่าจะเก่งกว่าพวกเจ้าสักเท่าใด”
“ใต้เท้า เริ่มการแข่งเถิดขอรับ” มีบางคนที่รอไม่ไหวแล้ว จึงตะโกนแจ้งกรรมการ
หัวหน้าผู้นั้นค่อนข้างไร้กำลัง รู้ได้ทันทีว่าหากตนพูดอะไรมากกว่านี้ไปก็ไร้ประโยชน์ ยิ่งไปกว่านั้นเขาเองก็ไม่อยากห้าม ในใจของเขาก็เริ่มเลือดร้อนพลุ่งพล่านแล้วเช่นกัน อยากจะแข่งกับซื่อจื่อน้อยผู้นี้ที่ช่วงนี้กำลังเป็นที่กล่าวถึงดูสักตั้ง
กรรมการมองพวกเขา จากนั้นก็มองหนานหนาน ทันใดนั้นก็หันไปมองกรรมการท่านอื่นๆ
เสียงฆ้อง ‘ตึง’ ดังขึ้น การแข่งขันที่ถูกพักไปชั่วครู่ก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง
หนานหนานและหยางหลินมองหน้ากันก่อนจะลอบยิ้ม ทันใดนั้นก็มีชีวิตชีวาขึ้นมา
การแข่งขันหลังจากนั้นดูยอดเยี่ยมกว่าการแข่งขันก่อนหน้าขึ้นมาก ผู้เล่นจากอาณาจักรจิงเหลยแต่ละคนต่างก็ลงแรงกันมากขึ้น เพื่อต้องการนำคะแนนที่เสียไปก่อนหน้าทั้งหมดกลับมา
ถึงแม้หนานหนานจะเก่ง หยางหลินเองก็พอมีฝีมือ เย่หลานเวยเองก็เก่งในทางชู่จวี แม้ว่าทั้งสามคนจะพยายามกันอย่างหนัก แต่เมื่อเทียบกับฝั่งอาณาจักรจิงเหลยแล้ว ก็ไม่ได้มีกลยุทธ์อันใดมากเท่า
แม้ว่าผู้เล่นจากอาณาจักรจิงเหลยจะไม่ได้มีผู้เล่นที่ฝีมือโดดเด่น แต่ก็อย่างที่พวกเขากล่าวมาทั้งหมด พวกเขาฝึกซ้อมกันมายาวนาน แต่ละคนเพียงมองตาและดูการกระทำของกันและกันก็สามารถเข้าใจความหมายของอีกฝ่ายได้แล้ว
ตอนแรกเย่หลานเวยและคนอื่นๆ ต่างก็สบประมาทคู่ต่อสู้ไว้ เอาแต่คิดว่าพวกเขาก็จะเหมือนเมื่อก่อนหน้านี้ แต่เมื่อหลังจากถูกพวกเขาชิงคะแนนไปสองคะแนน แต่ละคนก็เริ่มระมัดระวังขึ้นมา
ในสนามแข่งขันคึกคักและเร่าร้อนเป็นอย่างมาก ผู้ชมที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งก็ดูกันอย่างสนอกสนใจอย่างยิ่ง และยิ่งรู้สึกว่าการแข่งขันน่าสนใจขึ้นเรื่อยๆ
แต่ยังมีบางคนที่นั่งอย่างอยู่ไม่สุข
อย่างเช่นผู้ส่งสารจากอาณาจักรจิงเหลยที่ได้รับคำเตือนจากซ่างกวนจิ่นมาตั้งแต่ต้น เมื่อเทียบกับเด็กๆ เหล่านั้น ตอนนี้พวกเขายิ่งกังวลว่าซ่างกวนจิ่นจะไม่พอใจหรือไม่ จะสืบสาวมาจนถึงตัวพวกเขาหรือไม่
องค์ชายรองที่อยู่ด้านนั้นมองดูพลางเอนหลังพิงเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน จากนั้นก็หัวเราะออกมาเบาๆ “อย่างไรเสียก็ยังเป็นเด็ก ยังไม่ทันได้มีประสบการณ์และเรียนรู้ ในใจก็ยังรู้จักนึกถึงเกียรติของอาณาจักรและต่อสู้เพื่ออาณาจักรของตนเสียแล้ว เด็กๆ เช่นนี้ ในอนาคตยังพอมีหวัง ในครั้งนี้ ข้าคงต้องมองผู้เล่นจากอาณาจักรจิงเหลยใหม่เสียแล้ว”
ผู้ส่งสารสองสามคนนั้นประหลาดใจ หัวเราะแห้งๆ แต่ละคนต่างก็สบตากันและไม่ได้กล่าวอันใดต่อ
ฉีหานเว่ยเหลือบมององค์ชายรองแวบหนึ่ง ยิ้มออกมา แต่ไม่ได้พูดอะไร
เย่ซิวตู๋เลิกคิ้วสบตากับองค์ชายรอง จากนั้นก็ละสายตาหันกลับไปมองยังสนามแข่งขัน
ผู้เล่นทั้งสองอาณาจักรต่างไม่มีใครยอมใคร หนานหนานเหงื่อออกท่วม ไม่ได้ใช้วิชาฝ่าเท้าตระกูลลู่ ไม่ได้ใช้กำลังภายใน ไม่ได้ใช้เข็มเงิน เวลานี้มีแต่ต้องพึ่งพาความสามารถของตนในการแข่งขันเท่านั้นจริงๆ
แต่เย่ซิวตู๋มองออกว่าหนานหนานมีความสุขมาก ไม่เพียงแต่เขา ผู้เล่นจากทั้งสองฝั่งต่างก็คึกคักมีความสุขอย่างมาก เด็กๆ ต่างก็ภูมิใจในตนเอง เต็มไปด้วยจิตวิญญาณ
หนานหนานถึงขั้นที่ว่าทุกครั้งที่ได้คะแนน เขาจะต้องวิ่งไปที่ขอบสนามและส่งจูบให้ทุกคน ซึ่งอวี้ชิงลั่วที่เห็นท่าทางแสนเบิกบานเช่นนั้นแล้วก็ถึงกับแอบหันหน้าหนี
หนานหนาน รักษาภาพพจน์หน่อยได้หรือไม่
ด้านเย่หว่านเยียนเองก็ร่าเริงมาก ดึงมือของอวี้ชิงลั่วแล้วแย้มยิ้ม “แม่นางชิง หนานหนานดูมีความสุขมากจริงๆ ท่านดูทางด้านนั้นสิ เสด็จพ่อถูกเย้าเสียจนมีความสุขยิ่ง หลายวันมานี้ข้าไม่เคยเห็นเสด็จพ่อทรงพระสรวลในการแข่งขันใดที่ชนะดังเช่นครั้งนี้เลย”
อวี้ชิงลั่วมองไปตามทางที่นางชี้ และเห็นว่าฮ่องเต้กำลังมีความสุขอยู่จริงๆ
ยิ่งไปกว่านั้นยังเห็นว่าตอนที่อาณาจักรเฟิงชางได้คะแนน พระองค์ก็ใช้พระหัตถ์ตบพระเพลาอย่างแรง พร้อมกับตรัสเสียงดัง “ดี ดีมาก ดี”
แม้แสงแดดเหนือศีรษะเริ่มแรงกล้าขึ้น แต่การแข่งขันก็ยิ่งน่าตื่นเต้นขึ้นเรื่อยๆ มีเรื่องให้ตื่นตาตื่นใจเข้ามาตลอด
ผู้เล่นจากทั้งสองอาณาจักรแต่ละคนมีจุดแข็งและข้อได้เปรียบของตน และก็มีจุดอ่อนและข้อเสียเปรียบเช่นกัน แต่ทั้งสองฝั่งต่างก็ตั้งใจทำคะแนนอย่างถึงที่สุด
เสียง ‘ตึง’ ของฆ้องดังขึ้นอีกครั้ง การแข่งขันจบลงแล้ว!
เมื่อดูคะแนนในสนาม หนานหนานก็ตะโกนเสียงดังและกอดหยางหลินหมุนไปมา
พวกเขาชนะแล้ว ชนะแล้วสบายใจจริงๆ ชนะแล้วมีความสุขมากจริงๆ
หนานหนานราวกับว่าไม่เหน็ดเหนื่อย วิ่งไปรอบสนามแข่งถึงสองรอบอย่างรวดเร็ว สุดท้ายแล้วก็หยุดตรงหน้าหัวหน้าฝั่งอาณาจักรจิงเหลยที่กำลังนั่งพักอย่างเหนื่อยไร้เรี่ยวแรง
“เฮ้อๆ เป็นอย่างไรบ้าง รู้สึกตื่นเต้นมากใช่หรือไม่”
หัวหน้าผู้นั้นถอนหายใจยาว ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อโชก เขามองท่าทางมีชีวิตชีวาของหนานหนาน ผ่านไปครู่หนึ่งก็ยิ้มออกมา “ใช่ ตื่นเต้นมาก สนุกมาก ข้า… ตายไปก็ไม่เสียใจแล้ว”
คำสุดท้ายนั้นแผ่วเบามาก เบาเสียราวกับว่าไม่ได้ออกมาจากปากของเขา แต่หนานหนานได้ยินชัดเจน ผู้เล่นคนอื่นๆ ของอาณาจักรจิงเหลยก็ได้ยินเช่นกัน
การแข่งขันจบแล้ว และพวกตนก็แพ้
ในที่สุดพวกเขาเองก็ตั้งสติจากความตื่นเต้นนั้นได้แล้ว สีหน้าของสองสามคนนั้นเริ่มเปลี่ยนเป็นผิดหวัง เซื่องซึม พวกเขาฝ่าฝืนคำสั่งของอุปราช ครั้งนี้กลับไป… เกรงว่าทุกอย่างจะพินาศกันหมด
หนานหนานมองพวกเขาอย่างไม่เข้าใจแวบหนึ่ง เป็นอะไรกันหรือ?
หัวหน้าผู้นั้นส่ายศีรษะไปมา ทันใดนั้นก็จับมือหนานหนานไว้ กล่าวยิ้มๆ “ข้าไม่มีความเสียดายแล้วจริงๆ ขอบคุณมาก”
“หา” หนานหนานกะพริบตา ยิ่งรู้สึกว่าพวกเขาสองสามคนนี้แปลกประหลาดเกินไปแล้ว ต่อให้แพ้แล้ว ก็ไม่เห็นจะต้อง… ต้องทำเหมือนไม่กลัวตายขนาดนี้ไม่ใช่หรือ?
เดิมทีเขาอยากจะถามให้เข้าใจ ทางด้านกรรมการก็ประกาศออกมาว่าการแข่งขันจบแล้ว และยังให้พวกเขาไปยืนเรียงแถวกัน
หนานหนานทำได้เพียงถูกหยางหลินลากไปด้านข้างอย่างช้าๆ และทำได้เพียงหันมามองเป็นครั้งคราวเท่านั้น
อวี้ชิงลั่วลูบคาง กะพริบตาเล็กน้อย หนานหนานไม่เข้าใจ แต่นางกลับคิดออก ซ่างกวนจิ่นผู้นั้น ถึงแม้ว่านางจะไม่ได้รู้จักดีนัก แต่ก็รู้ว่าคนผู้นั้นจะไม่อยู่เฉยอย่างจริงใจเพียงเพราะบาดเจ็บ
ขณะที่กำลังคิด แม่นมเซียวก็เดินเข้ามาอย่างรีบร้อน ใบหน้าที่มักจะสุขุมอยู่เสมอปรากฏแววร้อนใจและกังวลอย่างที่ไม่ได้เห็นบ่อยนัก ถึงขนาดไม่สนใจว่ากิริยาอันรีบเร่งนี้จะทำให้ผู้อื่นไม่พอใจเอาได้ นางหยุดยืนตรงหน้าอวี้ชิงลั่ว หายใจหอบเล็กน้อย “องค์หญิง เร็วเข้าเพคะ รีบเสด็จไปกับหม่อมฉัน”
ยังไม่ทันได้กล่าวจบก็ดึงอวี้ชิงลั่วออกจากที่นั่งไปแล้วสองสามก้าว
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ขอบคุณการกระตุ้นของหนานหนานนะคะที่ทำให้การแข่งขันครั้งนี้มีสีสันขึ้นมาได้
ว่าแต่ทางชิงลั่วมีเรื่องอะไรหนอ แม่นมเซียวที่เนี้ยบๆ ถึงดูตื่นตระหนกแบบนั้น
ไหหม่า(海馬)