อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 567 เตรียมงานศพ
ตอนที่ 567 เตรียมงานศพ
ตอนที่ 567 เตรียมงานศพ
ดวงตาของอวี้เจี้ยนต๋าเป็นประกาย เขาต้องการจะยืดตัวลุกขึ้น แต่อวี้ชิงลั่วส่ายหน้าไม่เห็นด้วยกับการให้เขาลุกขึ้น
เขาจึงต้องนอนลงเงียบ ๆ และทำได้เพียงมองดวงตาของหนานหนาน ที่สดใสอย่างน่าประหลาดใจ “หนาน…หนานหนาน มาให้ตาดูใกล้ ๆ ได้หรือไม่?”
หนานหนานเม้มปาก แล้วรีบนั่งลงที่ขอบเตียง ก่อนจับมือที่มีเพียงหนังหุ้มกระดูกที่อวี้เป่าเอ๋อร์จับอยู่เบา ๆ นั้นมาแนบแก้มของเขา
“ท่านดูสิ หากยังไม่พอ ให้แตะสองครั้งเลยก็ได้”
เสียงของเขาคมชัด และจู่ ๆ หัวใจของอวี้เจี้ยนต๋าก็สั่นไหวเมื่อได้ยินดังนั้น
ใบหน้าเล็ก ๆ ใต้นิ้วมือนั้นเนียนนุ่มและอบอุ่น จนเขาแทบจะน้ำตาไหลออกมา
อืม นี่คือเด็กที่โชคดี หนทางของเขาจะราบรื่นและปลอดภัยในอนาคต
ได้ยินเป่าเอ๋อร์บอกว่าฝ่าบาททรงโปรดปรานเขามาก อีกทั้งฮ่องเต้แห่งอาณาจักรเทียนอวี่ก็ทรงรักเขามาก ดังนั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรแล้ว
น่าเสียดายที่หลายปีมานี้เขาไม่ได้ดูแลเด็กน้อยเลย ไม่ได้อยู่กับเขาแม้สักวัน และตอนนี้เขาก็ไม่สามารถแม้แต่จะหยอกล้อหลานชายของเขาได้
หลังจากจ้องมองหนานหนานอยู่นาน อวี้เจี้ยนต๋าก็ดึงมือกลับอย่างไม่เต็มใจ
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็เอามือล้วงไปใต้หมอน แล้วหยิบหยกชิ้นหนึ่งออกมาด้วยความยากลำบาก ก่อนยัดมันเข้าไปในฝ่ามือของหนานหนาน
“ตาไม่เคยใกล้ชิดกับเจ้า จึงไม่รู้ว่าเจ้าชอบอะไร และไม่เคยให้ของขวัญเจ้ามาก่อนเลย สิ่งนี้ไม่ได้เป็นของมีค่าอะไร” อวี้เจี้ยนต๋าพูดเร็วขึ้นเล็กน้อย ราวกับว่าเขาต้องการใช้โอกาสนี้ พูดสิ่งที่เขาต้องการจะพูดให้จบในครั้งเดียว ใบหน้าของเขาแดงก่ำ
อวี้ชิงลั่วหาจุดฝังเข็มที่ด้านหลังศีรษะของเขา แล้วเริ่มฝังทีละจุด
อวี้เจี้ยนต๋ารู้สึกสบายมากขึ้น จากนั้นจึงพูดกับหนานหนานต่อด้วยรอยยิ้ม “ยายของเจ้านำหยกชิ้นนี้มาให้ในตอนนั้น หลังจากที่นางจากไป มันก็เป็นสิ่งแทนตัวที่ทำให้ตาคิดถึงนาง ตอนนี้ตายกให้เจ้าแล้ว”
หนานหนานก้มมองหยกทรงกลมที่มือของเขาสัมผัสอยู่ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาไม่ต้องการจะขายของขวัญที่เขาได้รับมา
“ข้าจะเก็บรักษามันอย่างดี และส่งต่อให้ลูกชายของข้าเป็นมรดกสืบทอดของตระกูล”
อวี้เจี้ยนต๋าตกใจ แล้วโบกมืออย่างยากลำบาก “นี่เป็นเพียงของเล็กน้อย มันจะเป็นมรดกสืบทอดของตระกูลได้อย่างไร? เจ้าเป็นทายาทของราชวงศ์ และบิดาของเจ้าควรเป็นผู้มอบมรดกสืบทอดของตระกูลให้เจ้า”
เย่ซิวตู๋ก้าวเข้าไปลูบศีรษะหนานหนาน แล้วพูดด้วยเสียงเบาว่า “ไม่เป็นอะไร ให้เขาตัดสินใจเองเถิด”
อวี้เจี้ยนต๋าตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นเงยหน้าขึ้นไปมองเย่ซิวตู๋ที่เดินมาอยู่ข้างเตียง “ท่านอ๋อง กระหม่อมมิสบาย จึงไม่อาจลุกไปต้อนรับท่านได้”
“ใต้เท้าอวี้พูดอะไรกัน? ท่านเป็นพ่อของชิงเอ๋อร์ และเป็นตาของหนานหนาน ซึ่งก็คือพ่อตาของข้า แล้วพ่อตาจะมาต้อนรับลูกเขยของตนได้อย่างไร?”
ใบหน้าของอวี้เจี้ยนต๋ามีรอยยิ้ม การได้พบเย่ซิวตู๋ทำให้เขามีความสุขมากขึ้น “ชิงลั่วช่างตาดีจริง ๆ ท่านอ๋องแข็งแกร่งและสง่างามนัก กระหม่อมรู้สึกโล่งใจที่มอบนางให้กับท่าน และจะได้อธิบายให้แม่ของนางฟังได้”
“ท่านพ่อตาไม่ต้องห่วง ข้าจะดูแลชิงเอ๋อร์อย่างดี และพยายามดูแลเป่าเอ๋อร์ให้ดีที่สุด” เย่ซิวตู๋พยักหน้าให้เขาอย่างหนักแน่น
ดวงตาของอวี้เจี้ยนต๋าเบิกกว้างเมื่อได้ยินคำว่าพ่อตา และหัวใจของเขาก็เหมือนกับได้รับยาคลายเครียด แม้ว่าเขาจะไม่แน่ใจว่าท่านอ๋องซิวเป็นคนเช่นไร แต่ก็รู้ว่าเขาเป็นหนึ่งในคนที่ดีที่สุดมาโดยตลอด
ราวกับว่าหินก้อนใหญ่อันหนักอึ้งถูกวางลงแล้ว อวี้เจี้ยนต๋ารู้สึกว่าทั้งร่างกายและจิตใจของเขาโล่งขึ้นมาทันที และเขารู้สึกว่า… เขาไม่เสียใจเลย
เขากวาดสายตามองหลายคนในห้องทีละคน และมุมปากของเขาก็กระตุก
ทันใดนั้นก็มีแรงที่หน้าอกของเขาพุ่งออกมาจากคอของเขา ร่างของอวี้เจี้ยนต๋าคู้ลงทันที และทั้งร่างของเขาสั่นสะท้าน
“แค่ก” เลือดไหลออกจากปากของเขาอีกครั้ง พร้อมกับอาการไออย่างรุนแรง
รูม่านตาของอวี้ชิงลั่วหดตัว นางรีบเอื้อมมือออกไป
แต่มือที่ยื่นออกไปนั้นถูกอวี้เจี้ยนต๋าจับเอาไว้ เลือดของเขายังคงทะลักออกมาเรื่อย ๆ แต่เขาไม่สนใจ
เขาจ้องไปที่อวี้ชิงลั่วและอวี้เป่าเอ๋อร์ แล้วพยายามพูดออกมาอย่างยากลำบาก “พวกเจ้า พวกเจ้าต้องดูแล… ดูแลตัวเองให้ดี พ่อ ต้อง…”
เสียงของอวี้เจี้ยนต๋าหยุดลงกะทันหัน เขาทิ้งร่างลงนอนบนเตียงอีกครั้ง ดวงตาของเขาค่อย ๆ ปิดลง และรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา
เวลาดูเหมือนจะหยุดนิ่ง มือของอวี้ชิงลั่วที่ยื่นออกไปยังคงจับเขาไว้แน่น แต่อวี้เจี้ยนต๋าไม่ตอบสนองอีกต่อไป
อวี้เป่าเอ๋อร์นิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกัดริมฝีปากล่างของตนอย่างแรง ราวกับว่าฟันของเขาจะหัก
เสียงคร่ำครวญราวกับสัตว์ร้ายดังขึ้นในลำคอ เขายกมือเล็ก ๆ ขึ้นมาปิดปากของตนไว้แน่น
อวี้ชิงลั่วจ้องมองคนบนเตียงด้วยสายตาว่างเปล่า ความเจ็บปวดที่ไม่อาจอธิบายได้ผุดขึ้นในใจของนางรุนแรงเหลือเกิน กายของนางสั่นสะท้านเล็กน้อยโดยไม่ได้ตั้งใจ
นางไม่อาจสงบลงได้ จนกระทั่งจู่ ๆ ก็มีความอบอุ่นมาข้างหลังนาง
เย่ซิวตู๋ปลดมือของนางออกจากฝ่ามือของอวี้เจี้ยนต๋า แล้วใช้แขนโอบรอบเอวของนางไว้ แล้วพาเดินไปที่เก้าอี้ด้านข้างเพื่อให้นางนั่งลง
“ชิงเอ๋อร์ หากเจ้ารู้สึกเศร้าก็อย่ากลั้นไว้เลย ร้องไห้ออกมาเถิด”
ร้องไห้หรือ? แต่นางร้องไห้ไม่ได้ นางไม่ได้มีความสัมพันธ์กับอวี้เจี้ยนต๋า แล้วเหตุใดนางต้องร้องไห้ด้วย?
ทันใดนั้นหัวใจของนางก็กระตุก ความเจ็บปวดนั้นรุนแรงยิ่งนัก นางกอดเย่ซิวตู๋แน่น หายใจเข้าลึก ๆ และไม่ได้เอ่ยคำใด
หนานหนานยังคงถือหยกอยู่ในมือ ขณะจ้องมองท่านตาของเขาที่เพิ่งคุยกับเขาอยู่เมื่อสักครู่นี้
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ดวงตาของเขาก็เริ่มแดง เขาจึงรีบหันไปหาแม่ของเขา
เมื่อเห็นเย่ซิวตู๋ยืนอยู่ เขาก็รีบวิ่งไปกอดต้นขาของพ่อ แล้วซุกหน้าไว้แน่น
เย่ซิวตู๋ก้มลงอุ้มเขาขึ้นมา แล้ววางเขาไว้ในอ้อมแขนของอวี้ชิงลั่ว ก่อนพูดเบา ๆ กับเขาว่า “หนานหนาน กอดแม่ของเจ้าสิ”
หนานหนานยกแขนขึ้นอย่างเชื่อฟังทันที และโอบแขนรอบคอของอวี้ชิงลั่ว
ร่างกายที่อบอุ่นในอ้อมแขนของนาง ทำให้อารมณ์ของอวี้ชิงลั่วสงบลงอย่างช้า ๆ และการเต้นของหัวใจนางที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วก็ค่อย ๆ กลับมาปกติทันที
นางหลับตาลง ก่อนจะลืมตาขึ้นพูดกับเย่ซิวตู๋ว่า “ข้าสบายดี ให้คน ให้คนอื่นเข้ามาเตรียม… งานศพเถิด”
เย่ซิวตู๋มองดูนางอย่างระมัดระวัง แล้วพยักหน้าเปิดประตูออกไปคุยกับสาวใช้ข้างนอกด้วยเสียงเบา
อวี้ชิงลั่ววางหนานหนานลงแล้วพูดเบา ๆ “ไปพาเป่าเอ๋อร์ออกมาจากเตียงเถิด”
“อืม”
หนานหนานตอบรับเสียงเบา แล้วเดินเข้าไปจูงมืออวี้เป่าเอ๋อร์ที่เป็นเหมือนหุ่นเชิด มาหยุดอยู่ข้างกายแม่ของเขา
เย่ซิวตู๋เป็นคนจัดการงานศพของอวี้เจี้ยนต๋า เขารับเรื่องนี้เป็นการส่วนตัว โดยอ้างว่าเพราะอวี้เป่าเอ๋อร์เป็นจวิ้นอ๋อง
เดิมทีญาติในตระกูลอวี้บางคนต้องการฉวยโอกาสใช้ประโยชน์จากอวี้เป่าเอ๋อร์ที่อายุยังน้อย เพื่อรับส่วนแบ่งทรัพย์สิน
แต่ทันทีที่เห็นว่าเย่ซิวตู๋และองค์ชายรองของอาณาจักรเทียนอวี่ เข้ามาดูแลและปลอบโยนอวี้เป่าเอ๋อร์ด้วยตัวเอง พวกเขาก็ทำได้เพียงกัดฟันทิ้งความคิดดังกล่าวไป
แม้ว่าตำแหน่งในราชสำนักของอวี้เจี้ยนต๋าจะไม่สูงนัก แต่เนื่องจากความสัมพันธ์กับอวี้เป่าเอ๋อร์ เขาจึงถูกฝังอย่างสง่างาม
ตั้งแต่ต้นจนจบ อวี้เป่าเอ๋อร์เงียบมาก
จนกระทั่งเขากลับมาจากงานศพ เขาก็ไปหาอวี้ชิงลั่วโดยไม่เอ่ยคำใดแม้สักคำ
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
หมดสิ้นทั้งพันธะทั้งห่วงแล้วนะใต้เท้าอวี้ ขอให้ไปสู่สุคติค่ะ
ไหหม่า(海馬)