อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 569 มีช่องว่างระหว่างวัย
ตอนที่ 569 มีช่องว่างระหว่างวัย
ตอนที่ 569 มีช่องว่างระหว่างวัย
“ท่านแม่ ท่านฟังข้าอยู่หรือไม่?”
หนานหนานอารมณ์ไม่ดี เขากำลังคุยเรื่องจริงจังมากกับมารดา แต่ดูเหมือนว่านางจะใจลอยไปที่ไหนแล้วก็ไม่รู้
อวี้ชิงลั่วหันหน้ากลับมา สีหน้าของนางผ่อนคลายมากขึ้น นางพยักหน้าอย่างเกียจคร้านเมื่อได้ยินคำพูดนั้น “อืมๆ แม่ได้ยินแล้ว เจ้าพูดต่อสิ”
“เช่นนั้นหรือ ความจริงแล้วข้าอยากจะบอกพวกเขาว่า โดยส่วนตัวแล้วข้าชอบเงินมากกว่า ถ้าพวกเขาไม่รังเกียจก็สามารถไปแลกเปลี่ยนมันมาให้ข้าได้ อันที่จริง ข้าอยากให้คนอื่นรู้เกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวเรื่องนี้จริง ๆ แต่ท่านรู้หรือไม่? ว่าคนผู้นั้นทรยศข้า แล้วจะไม่ให้ข้าโกรธโทษฐานไม่นำเรื่องนี้ไปบอกคนอื่นได้อย่างไร?”
ใบหน้าของหนานหนานเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง จนมุมปากของอวี้ชิงลั่วกระตุกอย่างแรง
“ตอนที่เจ้าถือสิ่งเหล่านี้อยู่ เจ้าไม่ได้ดีใจหรอกหรือ? แม่ไม่เห็นว่าเจ้าจะโกรธตรงไหน”
หนานหนานอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนกะพริบตา แล้วถามด้วยความสับสน “เอ๊ะ? เมื่อสักครู่นี้ข้าไม่ได้วิ่งมาด้วยความโกรธเคืองหรือ?”
อวี้ชิงลั่วพยักหน้ายืนยัน
หนานหนานจับคางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเงยหน้าขึ้น “ท่านแม่ ท่านคงเข้าใจผิด เห็นได้ชัดว่าท่าทางของข้าคือโกรธเกรี้ยว ขุ่นเคือง และหงุดหงิดเล็กน้อยที่หลอมเหล็กให้เป็นเหล็กกล้าไม่ได้ ต่อไปท่านแม่กับข้าต้องสื่อสารกันให้มาก ๆ เพื่อให้เราสองแม่ลูกเข้าใจกันได้ดีขึ้น”
อวี้ชิงลั่วรู้สึกว่ามีช่องว่างระหว่างวัยกับเขา นางจึงโบกมือให้เขาถือข้าวของและรีบออกไป
หนานหนานไม่พอใจ เขาจึงปีนขึ้นไปบนเก้าอี้และเริ่มกิน ใครจะรู้ว่าหลังจากที่เขากัดขนมไปเพียงสองคำ เยว่ซินจะวิ่งเข้ามาด้วยใบหน้าซีดเผือด
“เยว่ซิน วิ่งช้า ๆ หน่อยสิ ไม่เช่นนั้นหากแม่นมเซียวเห็น นางก็จะตำหนิเจ้าอีก เจ้าไม่ควรลืมนิสัยของแม่นมเซียวเพียงเพราะเจ้าไม่เคยเจอแม่นมเซียวในจวนอวี้นะ” หนานหนานแนะนำ
เยว่ซินแทบหายใจไม่ออก และไม่แม้แต่จะมองหนานหนานด้วยซ้ำ นางรีบจับมืออวี้ชิงลั่วแล้วพูดว่า “คุณหนู แม่นางจิน แม่นางจินกลับมาแล้วเจ้าค่ะ แต่นางได้รับบาดเจ็บสาหัสและดูเหมือนกำลังจะตาย ตอนนี้ท่านอ๋องแปดกำลังจะเสียสติ เขาเข้าประตูมาพร้อมกับร่างโชกเลือดของแม่นางจินเจ้าค่ะ”
“อะไรนะ??” อวี้ชิงลั่วตกใจ ทันใดนั้นนางก็ลุกขึ้นจากที่นั่ง สะบัดมือของเยว่ซินออก แล้วรีบวิ่งออกไปที่ประตู
หนานหนานที่เพิ่งกัดขนมแป้งทอดไปหนึ่งคำถึงกับปล่อยมือออก จนขนมแป้งทอดร่วงลงสู่พื้น
วินาทีถัดมาร่างเล็กก็กระโดดขึ้นทันที และทุกคนก็วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
แม่นางจินหรือ? นั่นคือท่านป้าจินไม่ใช่หรือ?
สองแม่ลูกวิ่งไปที่ประตูตำหนักทีละคน และเห็นเย่ซิวตู๋รีบวิ่งมาทางเดียวกันพอดี
เมื่อเห็นอวี้ชิงลั่ว เขาก็ใช้แขนโอบรอบเอวของนางโดยไม่พูดอะไร จากนั้นก็พาทะยานขึ้นไปยังเรือนที่เตรียมไว้ให้อวี้ชิงลั่วเป็นพิเศษเพื่อทำการรักษา
สาวใช้ที่ประตูรออย่างพร้อมเพรียงกัน แม้แต่หมอใหญ่ก็มารอนางอยู่ที่หน้าประตู
เป็นครั้งแรกที่อวี้ชิงลั่วรู้สึกเสียใจ ที่เลือกเรือนห่างไกลเช่นนี้ให้นางอาศัยอยู่ เพราะต้องใช้เวลานานมากสำหรับการเดินทางไปกลับในแต่ละครั้ง
“เกิดอะไรขึ้น?” อวี้ชิงลั่วถามขณะเดินเข้าไปในบ้าน
เสียงของเย่ซิวตู๋แผ่วเบา “ข้าไม่แน่ใจ แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะถูกซุ่มโจมตี เย่ฮ่าวหรานก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน แต่ก็ไม่รุนแรงมากนัก ส่วนจินหลิวหลีถูกดาบแทงเข้าที่หน้าอก…”
อวี้ชิงลั่วกัดฟันแน่น แล้วเดินไปยังเตียงที่ร่างจินหลิวหลีนอนอยู่
ราวกับว่าเขารู้สึกได้ถึงการมาถึงของนาง เย่ฮ่าวหรานที่จับมือทั้งสองข้างของจินหลิวหลีไว้แน่นเงยหน้าขึ้นทันที เมื่อเห็นว่าเป็นนาง เขาก็ลุกขึ้นคว้าไหล่นางไว้ทันที ดวงตาของเขาแดงก่ำขณะรีบพูดละล่ำละลักว่า “ช่วยนาง ข้าขอร้อง เจ้าช่วยนางด้วย”
มือของเขายังคงเปื้อนเลือด ด้วยการสัมผัสเช่นนี้ ไหล่ของอวี้ชิงลั่วจึงเปลี่ยนเป็นสีแดง
นางยังไม่มีเวลาถามว่าเกิดอะไรขึ้น และเมื่อนางเห็นจินหลิวหลีในสภาพเช่นนี้ นางก็อดไม่ได้ที่จะใจหาย
“ท่านปล่อยก่อนเถิด ข้าจะทำให้ดีที่สุดเพื่อช่วยให้นางกลับมา”อวี้ชิงลั่วคำรามเสียงเบา เสียงของนางสั่นเครือเล็กน้อย
เย่ซิวตู๋ขมวดคิ้ว เขาก้าวเข้าไปแกะมือที่ควบคุมไม่ได้ของเย่ฮ่าวหรานออก แล้วลากเขาออกจากห้อง
“ในเมื่อชิงเอ๋อร์อยู่ที่นี่แล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องบอกให้นางช่วยจินหลิวหลีหรอก เจ้าออกไปกับข้าก่อน จะได้ไม่รบกวนนาง”
เย่ฮ่าวหรานไม่เต็มใจ ดวงตาของเขายังคงจับจ้องอยู่ที่จินหลิวหลี
เย่ซิวตู๋ใช้กำลังเล็กน้อยเพื่อดึงเขาออกมา จากนั้นก็ขอให้หมอที่อยู่ข้างกายเขามาตรวจอาการบาดเจ็บของเย่ฮ่าวหราน เขามีบาดแผลจากการถูกแทงบนร่างกายอยู่หลายแผล แม้ว่าจะไม่ลึกมาก แต่ก็อาจติดเชื้อได้ง่ายหากไม่ได้รับการรักษาให้ทันเวลา
ดูเหมือนเย่ฮ่าวหรานจะสติแตก หลังจากเย่ซิวตู๋จับเขาออกมา เขาก็นั่งอยู่คนเดียวหน้าประตู โดยไม่ละสายตาจากประตูเลยแม้แต่วินาทีเดียว แม้แต่การหายใจของเขาก็ช้าลง
หนานหนานที่ตามมาทีหลังเดินช้า ๆ ไปยืนอยู่ข้างเขา เด็กน้อยเม้มปาก แล้วพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ท่านอาแปด ท่านป้าจินจะต้องหายดี”
เย่ฮ่าวหรานไม่ตอบสนอง จิตใจของเขาร้อนรุ่มนัก ดูเหมือนเขากำลังพยายามระงับอารมณ์ที่ใกล้จะบ้าคลั่งอย่างสุดความสามารถ
เมื่อเห็นจินหลิวหลีนอนอยู่ที่นั่น อวี้ชิงลั่วก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ อาการของนางรุนแรงกว่าที่คิด ใครกันที่ทำร้ายนาง? มีบาดแผลมากถึงเพียงนี้ได้อย่างไร?
ที่แขน ไหล่ ต้นขา หลัง และเอว แทบไม่มีบริเวณไหนเลยที่ไม่มีเลือด ทักษะของจินหลิวหลีดีมาก คาดไม่ถึงเลยว่านางจะถูกทำร้ายอย่างเหี้ยมโหดเช่นนี้
อวี้ชิงลั่วตัวสั่นด้วยความโกรธ หลังจากหลับตาลงเพื่อข่มอารมณ์โกรธเกรี้ยวแล้ว นางก็พยายามระงับอาการสั่นเทาอย่างเต็มที่ แล้วหยิบเครื่องมือออกจากกระเป๋าพยาบาล
หงเย่อยู่ข้างนางเพื่อช่วยเหลือ เมื่อเห็นนางเป็นเช่นนี้ ดวงตาของนางก็ฉายแวววิตกกังวล
อวี้ชิงลั่วหันหน้ามามอง ก่อนจะฝืนยิ้มให้นาง “ข้าสบายดี มาเถิด”
“เพคะ”
เวลาค่อย ๆ ล่วงเลยไป แล้วดวงตะวันก็ลับขอบฟ้า
เย่ฮ่าวหรานนอกประตูเริ่มหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อย ๆ ผ้าพันแผลที่พันแผลไว้หลุดออกอีกครั้ง ในขณะที่เขาเดินไปมา
หากไม่ใช่เพราะมีเย่ซิวตู๋อยู่ข้าง ๆ เขาคงจะรีบวิ่งเข้าไปในเรือนตั้งนานแล้ว
ท้องฟ้าเริ่มมืดลง และในบ้านก็สว่างขึ้น หงเย่วางเชิงเทียนไว้รอบ ๆ และอุณหภูมิในห้องก็สูงขึ้นในทันใด
เย่ฮ่าวหรานพยายามปิดปากตัวเองไว้ หากเขาไม่ทำเช่นนี้ เขาจะไม่สามารถหยุดตะโกนออกไปได้ และจะเป็นการรบกวนอวี้ชิงลั่ว
เย่ซิวตู๋ที่อยู่ข้างเขาอดขมวดคิ้วไม่ได้ แม้ว่าชิงเอ๋อร์จะเคยรักษาคนมามากแล้ว โดยอาการป่วยของคนไข้เหล่านั้นมีทั้งเบาและสาหัส แต่ก็ไม่เคยมีคนไข้คนใดที่นางต้องใช้เวลารักษานานถึงเพียงนี้มาก่อน
สามชั่วโมงกว่าแล้ว อาการบาดเจ็บของจินหลิวหลีสาหัสเพียงใด?
หนานหนานบิดชายเสื้อของตัวเองไปมา และเขาก็ไม่สบายใจ
เขารู้ว่าท่านป้าจินเก่งมาก เขาไม่เคยเห็นท่านป้าจินเลือดออกเลย นอกจากตอนที่นางถูกยิงที่วังครั้งล่าสุด แต่ครั้งนี้มันรุนแรงกว่าครั้งที่แล้ว และอาจจะถึงแก่ชีวิต หนานหนานคิดแล้วก็ตื่นตระหนกกว่าเดิม
“แอ๊ด” ในที่สุดประตูก็เปิดออก
………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ใครส่งคนไปลอบฆ่ากันนะ แถมทักษะวรยุทธ์ยังสูงกว่าหลิวหลีด้วย
ไหหม่า(海馬)