อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 571 รู้สึกราวเป็นคนแปลกหน้า
ตอนที่ 571 รู้สึกราวเป็นคนแปลกหน้า
ตอนที่ 571 รู้สึกราวเป็นคนแปลกหน้า
“ไป? ท่านกำลังจะไปไหน?” อวี้ชิงลั่วตะโกนถามออกไปนอกประตู แต่ร่างนั้นไม่สนใจนางเลย
เย่ซิวตู๋ขมวดคิ้ว และคิดจะเอื้อมมือไปหยุดเขาไว้ แต่เมื่อเห็นสีหน้าของเย่ฮ่าวหราน เขาก็หยุดชะงักไปครู่หนึ่ง เมื่อเขาได้ยินเสียงของอวี้ชิงลั่วอีกครั้ง เย่ฮ่าวหรานก็หายตัวไปแล้ว
“ข้าจะลองตามไปดู” เมื่อนึกถึงโทสะของฮ่องเต้ที่มีต่อเย่ฮ่าวหราน เย่ซิวตู๋ก็รีบเดินตามเขาไปด้วยความกังวล
เย่ฮ่าวหรานวิ่งเร็วมาก แม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บ แต่ความเร็วของเขาก็ไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย
หลังจากที่เย่ซิวตู๋เดินไปตามทางอยู่ครู่หนึ่ง การแสดงออกของเขาก็กลายเป็นเคร่งขรึม
นี่คือทางไปวัง เย่ฮ่าวหรานจะไปทำอะไรที่วังในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้? เขาไม่รู้หรือว่าการวังตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการพาตัวเองไปติดแห? เย่ซิวตู๋ไม่คิดว่าเขาจะไปยอมรับสารภาพ
บรรยากาศในวังตึงเครียดกว่าเมื่อก่อน เย่ซิวตู๋สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่ไม่ปกตินี้ทันทีที่เขาก้าวข้ามประตูวัง
บางทีอาจเป็นเพราะฮองเฮาและเหมิงกุ้ยเฟยกำลังทำสงครามกันอยู่
หลังจากเข้าประตูวังมาแล้ว เย่ซิวตู๋ก็ไม่เห็นร่องรอยของเย่ฮ่าวหรานอีก หลังจากที่เขาเดินเข้าไปในวังไม่นาน สาวใช้ในวังก็เข้ามาอย่างเงียบ ๆ
นางข้าหลวงรีบย่อกายถวายพระพร แล้วพูดด้วยเสียงแผ่วเบา “ท่านอ๋อง”
“เจ้าเห็นท่านอ๋องแปดหรือไม่?” เย่ซิวตู๋เหลือบมองนาง แล้วถามเสียงเบา
นางข้าหลวงมองซ้ายมองขวา แล้วพยักหน้า “เห็นเพคะ ท่านอ๋องแปดวิ่งไปยังตำหนักของหว่านเฟย”
หว่านเฟยหรือ?
เย่ซิวตู๋โบกมือให้นางข้าหลวงถอยออกไป
ทว่าเขากลับหยุดเดิน ในเมื่อเขาไปยังตำหนักของหว่านเฟย ก็ไม่มีเหตุผลใดที่เขาจะตามเข้าไป
เย่ซิวตู๋ยืนพิงหินด้านข้างเงียบ ๆ และเริ่มนึกถึงเรื่องที่เย่ฮ่าวหรานและจินหลิวหลีถูกไล่สังหารโดยไม่มีเหตุผลอย่างรอบคอบ
ทักษะของทั้งสองไม่ธรรมดาเลย แม้ว่าปกติเย่ฮ่าวหรานจะดูไม่ค่อยเก่งกาจนัก แต่เขาก็หมั่นฝึกวิทยายุทธอยู่เสมอ โดยปราศจากความเกียจคร้าน
และจินหลิวหลีก็เก่งกาจที่สุดในบรรดามือสังหาร แม้แต่เสิ่นอิงและโม่เสียนก็ไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของนางได้
ด้วยความที่ทั้งสองคนแข็งแกร่งเช่นนี้ เย่ซิวตู๋จึงไม่กังวลเรื่องความปลอดภัยของพวกเขา เมื่อรู้ว่าพวกเขากำลังพากันหนี
แต่เขาคาดไม่ถึงเลยว่าในเวลาเพียงครึ่งเดือน ทั้งสองคนจะได้รับบาดเจ็บพร้อมกัน มิหนำซ้ำ… จินหลิวหลียังได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วย
สายตาครุ่นคิดของเย่ซิวตู๋อดไม่ได้ที่จะมองไปทางประตูตำหนักของหว่านเฟย
เย่ฮ่าวหรานรีบไปหาหว่านเฟยด้วยความโกรธ…
เย่ซิวตู๋ประหลาดใจ หรือว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับหว่านเฟย?
ให้ตายเถอะ ถ้าเกี่ยวข้องกับหว่านเฟยจริง มันจะลำบากมากสำหรับเย่ฮ่าวหรานและจินหลิวหลี
แต่เย่ซิวตู๋ไม่อยากเชื่อเลย ว่าคนเช่นหว่านเฟยจะส่งคนไปไล่ตามฆ่าลูกชายของตัวเองได้อย่างไร
ไม่เพียงแค่เขาเท่านั้น แม้แต่เย่ฮ่าวหรานก็คิดว่ามันไร้สาระอย่างยิ่ง
แต่ไม่ว่าเขาจะหาข้อแก้ตัวให้หว่านเฟยในใจสักกี่ข้อ และพยายามนึกหลบเลี่ยงสักกี่ครั้ง มันก็ยังเป็นความจริงอยู่วันยังค่ำ นับตั้งแต่ที่พวกเขาออกจากเมืองหลวง หลังจากสามวันแห่งความสงบสุข ก็มีคนมาตามไล่ล่าพวกเขา
และคนผู้นั้น… คือหมู่เฟยของเขาเอง
“ปัง” เย่ฮ่าวหรานกระแทกเปิดประตูตรงหน้าเสียงดัง ก่อนจ้องไปยังหว่านเฟยที่กำลังนั่งพิงเก้าอี้ยาวอ่านหนังสืออยู่
ใบหน้าของนางข้าหลวงที่ตามมาซีดเผือดทันที ด้วยไม่อาจหยุดเขาไว้ได้ทัน
เมื่อเห็นประตูถูกเปิดออก นางก็พูดกับหว่านเฟยว่า “พระสนม องค์ชายแปด…”
“เจ้าออกไปก่อน” หว่านเฟยยิ้มให้นางด้วยท่าทางที่อ่อนโยน
นางข้าหลวงรีบโค้งคำนับแล้วก้าวถอยหลังออกไป ก่อนปิดประตูให้ทั้งสองได้พูดคุยกัน
จากนั้นหว่านเฟยก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ยาวอย่างเกียจคร้าน แล้วพับมุมหนังสืออย่างเบามือด้วยท่าทางสง่างาม ก่อนวางลงบนโต๊ะ
ทันทีที่นางเดินมาหาเย่ฮ่าวหราน นางหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดเหงื่อบนหน้าผากของเขาด้วยรอยยิ้ม แล้วพูดเบา ๆ
“กลับมาแล้วหรือ? โกรธมากถึงเพียงนี้ ผู้ใดทำให้เจ้าไม่พอใจอีกแล้วหรือ? หรือสิ่งที่เสด็จพ่อของเจ้าสั่งให้เจ้าไปทำในครั้งนี้ค่อนข้างยาก? หากลำบากเกินไปก็กลับมาคุยกับเสด็จพ่อของเจ้าได้ เขาจะได้ไปหาคนอื่นมาทำแทน นิสัยของเจ้าเคยชินกับความสบาย ไม่เหมาะกับการทำเรื่องจริงจังเหล่านั้นหรอก”
ช่างอ่อนโยน สง่างาม และดูใจดีเหลือเกิน
หากเป็นในยามปกติ เย่ฮ่าวหรานจะหัวเราะ แล้วประคองให้นางนั่งลงข้าง ๆ เพื่อเล่าเรื่องโลกภายนอกให้นางฟัง
แต่ในเวลานี้ เขามองนางแล้วกลับรู้สึกเหมือนกำลังมองคนแปลกหน้า
ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็ปัดมือที่กำลังเช็ดเหงื่อให้ออก และพูดด้วยเสียงเย็นชาถึงกระดูก “เพราะเหตุใด?”
“เอ๊ะ? เพราะเหตุใดอะไร?” หว่านเฟยมองเขาอย่างแปลกใจด้วยสีหน้าไร้เดียงสา
“เพราะเหตุใดต้องส่งคนมาตามล่าพวกเราด้วย? เหตุใดต้องพยายามฆ่าหลีเอ๋อร์? ท่านไม่ใช่คนอ่อนโยนที่สุดหรอกหรือ? เหตุใดตอนนี้ท่านถึงเป็นเช่นนี้ไปได้?”
หว่านเฟยขมวดคิ้ว ขณะมองเขาด้วยความไม่พอใจ “ฮ่าวหราน เจ้ากำลังพูดเรื่องอะไร? ไล่ล่าอะไร? ใครคือหลีเอ๋อร์? เจ้าไปฟังสิ่งที่คนอื่นพูดข้างนอกมา แล้วเข้าใจผิดใช่หรือไม่?”
“ท่านยังจะเสแสร้งอีก จนถึงตอนนี้ท่านก็ยังเสแสร้งอยู่อีก” เย่ฮ่าวหรานรู้สึกโมโหมาก หัวใจทั้งดวงของเขาแทบจะบิดเบี้ยวจนกลายเป็นทรงกลม เขาหงุดหงิดยิ่งนัก
ในความคิดของเขานั้น หว่านเฟยเป็นความอบอุ่นที่หาได้ยากในวังแห่งนี้ นางรักสงบและสง่างาม ไม่ทะเยอทะยานหรือหุนหันพลันแล่น
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นางชอบไปนั่งศาลาที่ไม่มีคน เพื่ออ่านและเขียนตามที่นางสนใจ ประหนึ่งว่านางเป็นคนนอก ไม่ว่าในวังแห่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่เกี่ยวกับนางเลย เพราะนางไม่เคยสนใจ
ด้วยเหตุนี้เย่ฮ่าวหรานจึงรู้สึกว่าเสด็จแม่ของเขาโดดเดี่ยว เมื่อตอนที่เขายังเป็นเด็ก เขาชอบมาพูดคุยและอยู่เคียงข้างนางเสมอ จนกระทั่งนางเข้ากันได้ดีกับเซียวเฟยที่มีนิสัยเหมือนกัน เขาจึงรู้สึกโล่งใจ และออกไปเล่นข้างนอกด้วยความร่าเริง และทำในสิ่งที่เขาชอบ
แต่เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น แสดงให้เห็นว่านิสัยหว่านเฟยที่เป็นมาหลายปี กลับกลายเป็นภาพลวงตาทั้งหมด
ไล่ล่างั้นหรือ? นางส่งจอมยุทธ์อย่างน้อยห้าหรือหกคนเพื่อตามไล่ล่าพวกเขา
จอมยุทธ์หลายคน… นางสนมผู้อาศัยอยู่ในวังอย่างไม่สนใจโลก หากนางไม่ได้จงใจวางแผนอย่างรอบคอบมาหลายปี มือสังหารก็คงเป็นเพียงแค่นักฆ่าเดนตายจากที่ใดสักแห่งเท่านั้น
ดังนั้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไม่ใช่ว่านางไม่ได้ทำอะไรเลย แต่นางเก่งมากจนสามารถทำให้ทุกคนตาบอดได้
“ฮ่าวหราน อย่าพูดกับแม่เช่นนี้” มือของหว่านเฟยยังคงแข็งค้างอยู่ในอากาศ และแววตาที่อ่อนโยนของนางก็ค่อย ๆ จางลง
เย่ฮ่าวหรานถกแขนเสื้อขึ้น แล้วเปิดบาดแผลให้นางเห็น “บาดแผลเหล่านี้คือสิ่งที่หมู่เฟยมอบให้ข้า แผลถูกมีดฟันเหล่านี้ไม่เจ็บเลยจริง ๆ เมื่อเทียบกับตอนที่ได้รู้ความจริง ไม่มีอะไรเทียบได้อีกแล้ว”
ในที่สุดสีหน้าของหว่านเฟยก็เปลี่ยนไปอย่างควบคุมไม่ได้ เมื่อมองไปยังบาดแผลที่กระจายอยู่บนแขนของเขา นางก็ถอยหลังไปสองก้าว นางกำมือแน่น และคิ้วของนางก็สั่นระริก
“เจ้าบาดเจ็บด้วยได้อย่างไร?”
“บาดเจ็บด้วยหรือ?” เย่ฮ่าวหรานหัวเราะ “เดิมทีหมู่เฟยหมายจะเอาชีวิตของหลีเอ๋อร์เพียงคนเดียวใช่หรือไม่? หมู่เฟยยอมรับแล้วว่าเป็นผู้ส่งมือสังหารมาตามล่าพวกเราใช่หรือไม่?”
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง คนที่น่ากลัวกว่ากุ้ยเฟยก็เป็นหว่านเฟยแล้วล่ะ คาแรกเตอร์แบบลาสต์บอสเลย ไม่หือไม่อืออะไรกับใครแต่แอบวางแผนอยู่เงียบๆ
ไหหม่า(海馬)