อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 572 ข้าจะตายไปพร้อมกับนาง
ตอนที่ 572 ข้าจะตายไปพร้อมกับนาง
ตอนที่ 572 ข้าจะตายไปพร้อมกับนาง
หว่านเฟยเหลือบมองเขา แล้วนั่งบนเก้าอี้ข้างกาย
เย่ฮ่าวหรานก้าวเข้าไปใกล้มากขึ้น “หมู่เฟยต้องการให้ข้าต่อสู้เพื่อตำแหน่งนั้นด้วยใช่หรือไม่? หมู่เฟยเองก็ต้องการจะมีอำนาจสูงสุดด้วยใช่หรือไม่?”
หว่านเฟยจ้องมองเขาอย่างระมัดระวัง ก่อนระเบิดเสียงหัวเราะ “แล้วอย่างไร?”
เย่ฮ่าวหรานพลันอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกกว้าง
“ข้าเคยพูดไปก่อนหน้านี้แล้วว่าข้าไม่สนใจตำแหน่งนั้น ต่อให้ท่านจะผลักข้าเข้าไปถึงตำแหน่งนั้นได้ ข้าก็จะถูกดึงลงในไม่ช้าอยู่ดี”
เขาพูดอย่างหนักแน่น ราวกับว่าแต่ละพยางค์ถูกเค้นออกมาจากไรฟันของเขา
หว่านเฟยเย้ยหยัน “ตราบใดที่พี่น้องของเจ้าไม่อยู่แล้ว ข้าก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่าใครจะดึงเจ้าลงจากตำแหน่งนั้นได้”
เย่ฮ่าวหรานตกตะลึง สีหน้าของเขาไม่เชื่อสิ่งที่ตนได้ยิน และถึงกับหยุดหายใจ
“ท่านมันบ้า ท่านมันบ้าไปแล้วจริง ๆ” นางมีความคิดบ้า ๆ เช่นนี้ได้อย่างไร
“บ้าหรือ?” หว่านเฟยเยาะเย้ย “เจ้าคิดผิดแล้ว ตลอดยี่สิบปีที่ผ่านมา แม่มีสติอยู่เสมอ เฝ้าดูพี่น้องของเจ้าฆ่าฟันกันเองอย่างมีสติ ปล่อยให้เจ้าออกไปเพลิดเพลินกับโลกภายนอกอย่างมีสติ เพื่อหลีกเลี่ยงความชั่วร้าย และกำจัดคน… อย่างมีสติ”
เย่ฮ่าวหรานสูดหายใจเข้าลึก “ดังนั้น ท่านก็เป็นคนที่ทำให้อาฝูใส่ร้ายพี่ห้ากับพี่เจ็ดในตอนนั้น เรื่องล่าสุดที่พี่สามใส่ร้ายอวี้ชิงลั่วก็เป็นฝีมือท่านเช่นกัน อาฝู ผู้บัญชาการเว่ย แม้แต่เคอกงกงที่ใส่ร้ายเหมิงกุ้ยเฟย และวางยาพิษลงในอาหารของเย่หลานเฉิง ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต พวกเขาทั้งหมด…ทำเช่นนั้นเพราะท่านหรือ?”
“ใช่แล้ว”
“เซียวเฟยเป็นเพียงโล่ของท่าน นางกลายเป็นแพะรับบาปของท่านไปแล้ว”
เย่ฮ่าวหรานไม่สามารถจินตนาการได้ว่าเสด็จแม่ของเขาเป็นคนโหดเหี้ยม สามารถกำจัดคนได้อย่างเลือดเย็น ซึ่งเรื่องทั้งหมดนี้ล้วนมีหว่านเฟย ผู้เป็นดั่งพระโพธิสัตว์ในสายตาชาวโลกอยู่เบื้องหลัง
เมื่อพูดถึงเซียวเฟย หว่านเฟยก็หัวเราะเบา ๆ “เจ้าคิดผิดแล้ว พูดให้ถูกคือเราเป็นคนผลักนางออกไปให้ตายต่างหาก”
“……”
“ตั้งแต่อวี้ชิงลั่วรู้ว่าเย่หลานเฉิงมีพิษเรื้อรังในร่างกายของเขา แม่ก็รู้ว่าต้องมีคนตรวจสอบเรื่องนี้อย่างแน่นอน และสุดท้ายเรื่องนี้ก็จบลงอย่างไม่ราบรื่น เพราะพี่ห้าที่ฉลาดเฉลียวของเจ้ามายุ่งกับเรื่องนี้ หากเขายังก้าวเข้ามาสืบสวนเพิ่มเติม ก็ต้องรู้แน่นอนว่าเป็นฝีมือของแม่ หากเป็นเช่นนั้น ทางที่ดีก็คือการปล่อยให้มือสังหารจัดการ”
“เซียวเฟย… อ่า เซียวเฟยเป็นหมากที่ดีมาก นางแสดงให้เห็นเพียงว่าลูกชายของแม่เป็นคนดีมาก และสามารถทำให้สตรีผู้นั้นยอมแพ้ได้ นางไม่สนใจแม้แต่ลูกชายของนางเอง คิดเพียงว่าต้องการให้เจ้าเพลิดเพลินไปกับอำนาจสูงสุดนั้น”
“เรื่องอาฝูเกิดขึ้นด้วยความคิดริเริ่มของเซียวเฟยเอง หลังจากที่นางรู้ถึงตัวตนของอวี้ชิงลั่วและตัวตนของหนานหนาน นางก็รู้ว่าภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดของเจ้าคือพี่ห้าของเจ้า เพียงแต่ว่านางไม่ฉลาดพอ วิธีนั้นใช้กับเย่ซิวตู๋ไม่ได้ และเขายังขอให้เหมิงกุ้ยเฟยและอวี้ชิงลั่วร่วมกันค้นหาด้วยว่าใครอยู่เบื้องหลัง”
เย่ฮ่าวหรานเย้ยหยัน “หมู่เฟยฉลาดมากไม่ใช่หรือ? ในกรณีนี้ เรื่องนี้ย่อมสามารถปกปิดได้”
“เหตุใดแม่ต้องปกปิดด้วย?” นัยน์ตาของหว่านเฟยคมกริบ
เซียวเฟยเป็นเพียงหมากของนาง เนื่องจากนางเป็นหมาก ดังนั้นนางจึงต้องแสดงบทบาทที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในช่วงเวลาวิกฤติ
เหตุการณ์ของอาฝูทำให้เหมิงกุ้ยเฟยรู้สึกระแวง ดังนั้นนางจึงผลักเซียวเฟยไปข้างหน้าอีกครั้ง และขอให้นางใส่ร้ายอวี้ชิงลั่ว ด้วยวิธีนี้อวี้ชิงลั่วจึงสามารถหาตัวฆาตกรได้เร็วที่สุด เซียวเฟยจึงต้องพบจุดจบ ส่วนนางก็…ปลอดภัย
ทว่าน่าเสียดาย มีสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น
นางไม่คาดคิดมาก่อนว่าโอรสที่นางเคยคิดว่าควบคุมได้มาโดยตลอด จะหนีไปกับสตรีคนอื่นในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้
หนีตามกันหรือ? มันช่างเหลวไหลนัก อนาคตลูกชายของนางจะอยู่เหนือคนนับหมื่น แล้วเขาจะไปอยู่กับสตรีบ้านนอกนั่นได้อย่างไร? มันทำลายชื่อเสียงของเขาไม่ใช่หรือ?
ยิ่งกว่านั้น การพาโอรสของนางออกจากเมืองหลวง ก็เป็นบาปที่ให้อภัยไม่ได้
หากเป็นกรณีนี้ นางทำได้เพียงให้มือสังหารจัดการเท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้น นี่อาจเป็นโอกาสที่ดีที่จะทำให้การตายของสตรีผู้นั้นกระตุ้นให้เย่ฮ่าวหรานโหดร้ายและกระหายเลือด ซึ่งเป็นการเปิดเผยด้านมืดของเขา
นางไม่เชื่อว่าโอรสของหว่านเฟยอย่างนาง จะเป็นเพียงบุรุษผู้หนึ่งที่ชอบใช้ชีวิตอย่างเกียจคร้าน
เขาควรจะเป็นเหมือนนาง เต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน และไขว่คว้าตำแหน่งสูงสุด
ด้วยเหตุนี้ สตรีผู้นั้นจึงสมควรตาย
แต่สิ่งที่หว่านเฟยคาดไม่ถึงก็คือจินหลิวหลีเป็นยอดฝีมือ ไม่มีใครที่นางส่งออกไปรอดชีวิตกลับมาเลยสักคน
แผนการที่นางต้องการใส่ร้ายเหมิงกุ้ยเฟยจึงไม่ประสบความสำเร็จ
ต่อมานางส่งมือสังหารหลายกลุ่มออกไป แต่ก็ยังล้มเหลวในการเอาชนะนาง
ทว่าหลังจากผ่านไปหลายครั้ง จินหลิวหลีก็เพลี่ยงพล้ำและได้รับบาดเจ็บ และการซุ่มโจมตีครั้งสุดท้ายก็โจมตีนางอย่างแรง
น่าเสียดายที่นางก็ยังไม่ตายอยู่ดี การมีอยู่ของอวี้ชิงลั่วสตรีผู้นั้นเป็นเหมือนศัตรูของนาง ไม่ช้าก็เร็วนางจะทำให้นางตายแบบไม่มีที่ฝัง
สิ่งที่ทำให้นางเสียใจมากขึ้นก็คือเย่ฮ่าวหรานรู้เรื่องนี้แล้วจริง ๆ
เย่ฮ่าวหรานกำลังปวดหัวมาก เขารู้สึกราวกับบาดแผลบนร่างกายของถูกไฟโทสะแผดเผาจนร้อนรุ่ม
ดวงตาสีแดงก่ำของเขามองไปยังหว่านเฟยที่เขารู้สึกไม่คุ้นเคยอย่างน่าสะพรึงกลัว ส่ายหน้าแล้วพูดด้วยเสียงแผ่วเบา “หมู่เฟย ข้าจะไม่ช่วยทำให้ความทะเยอทะยานของท่านสำเร็จ”
“พี่ห้าช่วยชีวิตข้าไว้ตั้งแต่ข้ายังเป็นเด็ก และข้าจะไม่ทำร้ายเขามากไปกว่านี้อีกแล้ว”
“หมู่เฟยเองก็เช่นกัน หยุดหมายปองในสิ่งที่ไม่ใช่ของท่านเสีย ในเมื่อทุกคนยังไม่รู้ ไม่เช่นนั้นหากเสด็จพ่อได้ยินเรื่องนี้ในสักวันหนึ่ง หลังจากนั้น…ผลที่ตามมาก็ไม่ใช่สิ่งที่ท่านจะชดใช้ได้”
แม้ว่าเสียงของเขาจะเบามาก แต่หว่านเฟยก็ได้ยินอย่างชัดเจน
ดวงตาของนางคมกริบมากขึ้นทันที “ทำไม เจ้าจะรายงานเรื่องแม่ให้เสด็จพ่อของเจ้าทราบหรือ?”
“… ท่านเป็นมารดาผู้ให้กำเนิดข้าและเลี้ยงดูข้ามาหลายปี ลูกจะทำร้ายท่านได้อย่างไร? ที่ลูกพูดเช่นนั้น ก็เพราะหากหมู่เฟยยังคงยืนกรานที่จะไม่เปลี่ยนแปลง ลูกก็ทำได้เพียงอยู่ให้ห่างจากเมืองหลวงเท่านั้น”
รูม่านตาของหว่านเฟยหดตัว “ทำไม เจ้าไม่กลัวหรือว่าหากออกจากเมืองหลวง สตรีผู้นั้นจะตกอยู่ในอันตรายอีก?”
เย่ฮ่าวหรานเงยหน้าขึ้นจ้องหว่านเฟยอย่างเกรี้ยวกราด “หากเป็นเช่นนั้น ข้าจะตายไปพร้อมกับนาง”
“เจ้า…” หว่านเฟยโกรธจัด นางไม่คิดว่าลูกชายที่เลี้ยงมาหลายปีจะทรยศ
“ลูกขอทูลลา” เย่ฮ่าวหรานโค้งคำนับ ก่อนจะหันหลังออกจากห้องไป
หว่านเฟยกำมือแน่น นัยน์ตาของนางเย็นชา ขณะจ้องไปยังแผ่นหลังที่เดินจากไปไกล แล้วสูดหายใจเข้าลึก
เขายังไม่ทันออกจากประตูวังไป นางก็ยกมือขึ้นปัดหนังสือออกจากโต๊ะ
ในเวลาเดียวกัน ร่างปราดเปรียวที่อยู่บนหลังคาก็ออกจากที่นี่ไปอย่างเงียบเชียบ
หลังจากเดินออกจากประตูวังแล้ว มุมปากของเขาก็แสยะยิ้ม แล้วกวาดสายตาไปในทิศตรงข้ามกับที่เย่ฮ่าวหรานจากไปอย่างรวดเร็ว
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
สรุปคือคนเงียบๆ ไม่อะไรกับใครนี่แหละร้ายที่สุด ลาสต์บอสปรากฏตัวแล้วหนึ่ง
ขอให้อ๋องแปดไม่โดนด้านมืดครอบงำนะคะ ไม่งั้นจะเป็นไปตามแผนของแม่ตัวเองเลย
ใครแอบดักฟัง?
ไหหม่า(海馬)