อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 574 ข่าวร้าย
ตอนที่ 574 ข่าวร้าย
ตอนที่ 574 ข่าวร้าย
เย่ฮ่าวหรานมีสภาพจิตใจย่ำแย่นัก เดิมทีเป็นเพราะจินหลิวหลีอยู่ระหว่างความเป็นความตาย เขาจึงแทบหมดแรง
และตอนนี้เขารู้แล้วว่าเสด็จแม่ที่เขาเคารพรักและทะนุถนอมมาโดยตลอด เป็นคนไร้ความปรานีและไร้ยางอายเช่นนี้ สีหน้าของเขาจึงดูย่ำแย่มากขึ้นไปอีก
เย่ซิวตู๋กำลังรอเขาอยู่บนเส้นทางกลับจากวังของหว่านเฟย เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากระยะไกล มุมปากของเขาก็อดไม่ได้ที่จะกระตุก และลางสังหรณ์ไม่ดีก็ผุดขึ้นในใจของเขา
แน่นอนว่าหลังจากนั้นไม่นาน เย่ฮ่าวหรานก็เดินมาทางด้านข้างของเขาแล้ว
แต่ถึงแม้ว่าทั้งสองจะอยู่ห่างกันเพียงสองก้าวเท่านั้น แต่เย่ฮ่าวหรานก็ยังเดินไปข้างหน้าด้วยใจที่หนักอึ้ง ราวกับว่ามองไม่เห็นเขา
หลังจากเงียบไปสักพัก เย่ซิวตู๋ก็ยื่นมือออกไปหยุดเขา “เจ้าแปด”
“ท่านพี่ห้าหรือ?” เย่ฮ่าวหรานตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าเป็นเย่ซิวตู๋ ใบหน้าของเขาก็ซีดเผือด
คนที่เสด็จแม่มักจะวางแผนเล่นงานมากที่สุดคือท่านพี่ห้า ที่ครั้งหนึ่งเคยช่วยชีวิตเขาไว้ เมื่อเจอเย่ซิวตู๋อีกครั้งในตอนนี้ หัวใจของเย่ฮ่าวหรานก็มีร่องรอยของความรู้สึกผิด
เมื่อเห็นการหลบสายตาของเขา เย่ซิวตู๋ก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ
ตอนแรกเขาแค่คาดเดาว่าหว่านเฟยจะทำอะไร ทว่าตอนนี้ก็ยืนยันได้บ้างแล้ว
“ที่เจ้าไปหาหว่านเฟย เกี่ยวกับเรื่องอาการบาดเจ็บของจินหลิวหลีหรือ?” เย่ซิวตู๋กวาดสายตามองไปรอบ ๆ แล้วถามด้วยเสียงที่แผ่วเบา
เย่ฮ่าวหรานตกใจ ก่อนยิ้มอย่างขมขื่น
เดิมทีท่านพี่ห้าเป็นคนฉลาด เกรงว่าเขาจะคิดเรื่องนี้มานานแล้ว
แต่…
เขาไม่สามารถพูดได้
“ท่านพี่ห้า ท่านอย่าถามเลย” เย่ฮ่าวหรานหันหน้าหนี แต่การกระทำเช่นนั้นยิ่งทำให้รู้ว่ามีเรื่องที่จงใจปกปิด
เย่ซิวตู๋ถอนหายใจเบา ๆ “ข้าเข้าใจแล้ว”
หว่านเฟย นางเป็นคนโจมตีจินหลิวหลีจริง ๆ เรื่องนี้ถูกปกปิดไว้อย่างดีตลอดหลายปีที่ผ่านมา
เย่ฮ่าวหรานก้มหน้าจ้องไปยังก้อนหินบนพื้น องค์ชายแปดผู้นิ่งเฉยและรักสงบมาโดยตลอด ตอนนี้กลับต้องมาอยู่ในสภาวะสับสนและปวดหัวมาก
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เงยหน้าขึ้น แล้วพูดกับเย่ซิวตู๋ว่า “ท่านพี่ห้า ช่วยข้าด้วย”
“ช่วยอย่างไร?”
“ช่วยพาข้าและหลีเอ๋อร์ออกจากเมืองหลวง ออกไปอยู่ในที่ที่ไม่มีใครหาพบ”
เย่ฮ่าวหรานเชื่อว่ามีเพียงเย่ซิวตู๋เท่านั้นที่สามารถช่วยเขาได้ ไม่เช่นนั้นเขาจะหายตัวไปข้างนอกเป็นเวลาสี่ปี โดยไม่มีใครพบได้อย่างไร?
หัวใจของเย่ฮ่าวหรานรู้สึกตื้นตันเล็กน้อย เมื่อนึกถึงอำนาจของเย่ซิวตู๋
หลายปีที่ผ่านมา แม้ว่าเขาจะแอบฝึกฝนคนของตัวเองไว้แล้ว แต่กลับกลายเป็นว่ากลยุทธ์ของเขาไม่อาจเทียบเสด็จแม่จอมวางแผนของเขาได้เลย
เย่ซิวตู๋ขมวดคิ้ว “ข้าไม่เห็นด้วยกับวิธีพากันหนี”
“ข้าไม่มีทางอื่นหรอก ท่านพี่ห้า นี่เป็นทางเดียวเท่านั้น หากข้าหายไป นางก็จะไม่มีความหวังและไม่มีใครให้พึ่ง นางจะได้ล้มเลิกความคิดที่ไม่ควรจะเป็นของนางเหล่านั้นไป หากข้าไม่ไป ก็จะมีเพียงสองทางเลือกเท่านั้นคือ หนึ่ง… ช่วยเหลือนาง และอีกหนึ่งคือ…จัดการนาง”
เย่ฮ่าวหรานกำมือแน่น เขาไม่สามารถทำทั้งสองทางเลือกนั้นได้
การหายตัวไปของเขาจะทำให้หว่านเฟยเสียใจ แต่เมื่อพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่ว่านางกระตือรือร้นที่จะตามหาเขา และตามปลิดชีพหลีเอ๋อร์ วิธีนี้ย่อมดีที่สุดแล้วในการรับมือเสด็จแม่
แม่บุญธรรมคงกังวลว่าการหายตัวไปของเขา จะทำให้ความพยายามอย่างหนักตลอดหลายปีของนางพังทลายลง
เย่ซิวตู๋หรี่ตาจ้องมองเย่ฮ่าวหรานสักครู่ แล้วพยักหน้า “ข้าเข้าใจ”
บางเรื่องเขาเข้าใจ ไม่ต้องพูดถึงการเลี้ยงดูและความรักที่หว่านเฟยมีต่อเย่ฮ่าวหรานมาหลายปี แม้ว่าเหมิงกุ้ยเฟยจะเคยปฏิบัติต่อเขาเช่นนี้ และไล่ตามเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นเวลาหลายปี แต่นางก็ไม่ได้ฆ่าเขาจริง ๆ
ความผูกพันทางสายเลือดย่อมเป็นเรื่องธรรมชาติ และบางครั้งก็ทำให้คนตาบอดได้
ในที่สุดมุมปากของเย่ฮ่าวหรานก็เผยรอยยิ้มจางออกมา “ขอบคุณท่านพี่ห้า”
เย่ซิวตู๋ตบไหล่เขา และต้องการจะบอกให้เขากลับไปที่จวนท่านอ๋องซิวก่อน แต่ทันใดนั้นหูของเขาก็ขยับ ก่อนหรี่ตาลงแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “มีคนมา”
ขณะพูด เขาก็เห็นว่าหลังต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ไม่ไกล มีร่างหนึ่งยืนอยู่พร้อมเงาคนที่เดินล้อมรอบอยู่
“เจ้ารีบไปก่อน” เย่ซิวตู๋ขมวดคิ้ว
แต่ก่อนที่เย่ฮ่าวหรานจะทันได้ทำอะไร เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาแต่ไกล “องค์ชายทั้งสอง”
เย่ซิวตู๋สบถออกมา เจ้าของเสียงนั้นคือองครักษ์ส่วนตัวของฮ่องเต้ เมื่อพิจารณาจากท่าทางของเขา ก็เห็นได้ชัดว่าเขาคงเตรียมการมาอย่างดีแล้ว
มันสายเกินไปแล้วที่จะหนีตอนนี้
ทันใดนั้น เขาก็เห็นร่างหนึ่งทะยานมายืนอยู่ตรงหน้าเย่ซิวตู๋และทั้งสองคน
เปาเหอเฟิงโค้งคำนับทั้งสอง “กระหม่อมถวายบังคมองค์ชายทั้งสอง”
“มีอะไรหรือใต้เท้าเปา?”
“กระหม่อมทำตามพระราชโองการของฮ่องเต้ ด้วยการมาเชิญองค์ชายแปดไปยังห้องโถงใหญ่ที่สนามแข่งขันพ่ะย่ะค่ะ” เปาเหอเฟิงยกยิ้ม และยังคงแสดงความเคารพอย่างสุภาพ
เย่ซิวตู๋เหลือบมองเขา แน่นอนว่าข่าวเย่ฮ่าวหรานวิ่งเข้ามาในวังเป็นเรื่องใหญ่ เสด็จพ่อคงได้ยินข่าวนั้นแล้วและตัดสินใจได้ว่องไวมาก ด้วยการสั่งให้เปาเหอเฟิงมาดักรอรับเย่ฮ่าวหราน เมื่อเขาออกมาแล้ว
เนื่องจากเป็นพระราชโองการของฮ่องเต้ เย่ฮ่าวหรานจึงไม่มีเหตุผลที่จะล่าช้า
เย่ซิวตู๋นิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นพูดกับเปาเหอเฟิงว่า “ปรากฏว่าเราก็มีเรื่องบางอย่างที่ต้องรายงานต่อเสด็จพ่อด้วยเช่นกัน ฉะนั้นขอไปกับน้องแปดด้วย”
เปาเหอเฟิงตกตะลึงครู่หนึ่ง แล้วมองเขาด้วยความประหม่า หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ยกยิ้มและกล่าวว่า “องค์ชาย ฝ่าบาททรงเรียกหาองค์ชายแปดองค์เดียวเท่านั้น ทรงตรัสว่าแม้องค์ชายซิวจะไปที่สนามแข่ง พระองค์ก็จะไม่เสด็จมาเจอองค์ชายพ่ะย่ะค่ะ”
“ท่านพี่ห้า กลับไปก่อนเถิด ข้าจะไม่เป็นอะไร” เมื่อเย่ฮ่าวหรานเห็นว่าทั้งสองฝ่ายไม่มีทางเลือกแล้ว เขาก็รู้อยู่ในใจแล้วว่าฮ่องเต้มีเจตนาใดถึงเรียกเขาไป
เป็นเพราะเขาหุนหันพลันแล่น และถูกความโกรธเคืองบังตา เขาจึงไม่สนใจว่าเสด็จพ่อจะทรงกริ้วเพียงใด เมื่อรู้ว่าเขาจากไปโดยไม่บอก
ไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องทำให้ท่านพี่ห้าเข้ามายุ่งเกี่ยวกับปัญหาของเขาเอง
เย่ฮ่าวหรานไม่เปิดโอกาสให้เย่ซิวตู๋พูดอะไรอีก เขาพยักหน้าให้เปาเหอเฟิง “ใต้เท้าเปา ไปกันเถิด”
“พ่ะย่ะค่ะ” เปาเหอเฟิงกล่าวลาเย่ซิวตู๋ แล้วพาเย่ฮ่าวหรานออกจากวัง
สายตาของเย่ซิวตู๋จ้องมองแผ่นหลังของพวกเขาที่ค่อยๆ ห่างออกไป จากนั้นก็หันหลังเดินกลับไปที่ตำหนักอ๋องซิวอย่างรวดเร็ว
หลังจากกลับมาถึงประตูจวน เขาก็สั่งให้พ่อบ้านหยางไปเรียกเสิ่นอิง
เมื่อเห็นว่าองค์ชายแปดไม่ได้กลับมาพร้อมกับเจ้านายของเขา พ่อบ้านหยางก็รู้ว่าเกิดเรื่องเร่งด่วน จึงไม่กล้าชักช้า ดังนั้นเขาจึงรีบพาเสิ่นอิงมา
เสิ่นอิงมาเร็วมาก ทันทีที่เย่ซิวตู๋เห็นเขา ก็รีบออกคำสั่งด้วยสีหน้าจริงจังว่า “องค์ชายแปดถูกเสด็จพ่อเรียกตัวไป เจ้ารีบออกไปดูที่สนามแข่ง แล้วกลับมาทันทีหากมีอะไรเกิดขึ้น”
“พ่ะย่ะค่ะ” เสิ่นอิงตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็รีบหันหลังออกจากวัง
เย่ซิวตู๋เรียกโม่เสียนและเผิงอิงมาอีกครั้งเพื่อออกคำสั่ง แล้วถามแม่นมเซียวเรื่องอาการของจินหลิวหลี
หนึ่งชั่วโมงต่อมา เสิ่นอิงกลับมาและกล่าวว่า “ฝ่าบาทกำลังทอดพระเนตรการแข่งขันในสนามตามปกติ กระหม่อมสอบถามผู้คนข้างใน และได้ความว่า ตอนนี้องค์ชายแปดกำลังรออยู่ที่ห้องโถงด้านหนึ่งและยังไม่ได้เข้าเฝ้าฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”
เย่ซิวตู๋พยักหน้า แล้วสั่งให้เขาคอยดูต่อไป
สองชั่วโมงต่อมา เมื่อฮ่องเต้เสด็จกลับวังแล้ว เสิ่นอิงก็กลับมาอีกครั้ง แต่กลับมาพร้อมกับข่าวร้าย
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
อะไรคือข่าวร้ายกันนะ เริ่มใจไม่ดีแล้ว
ไหหม่า(海馬)