อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 576 จับตัวจินหลิวหลี
บทที่ 576 จับตัวจินหลิวหลี
บทที่ 576 จับตัวจินหลิวหลี
เย่ซิวตู๋เองก็หัวเราะ “เหมียวกงกงต้องการให้ข้าขายหน้า ในเมื่อเป็นคนในตำหนักของข้าที่ก่อเหตุ เช่นนั้นข้าก็จะต้องเป็นผู้รับราชโองการจากเสด็จพ่อ และพาคนผู้นั้นเข้าวังด้วยตนเอง แต่เหมียวกงกงกลับพูดไม่ชัดเจน จะให้ข้าทำเช่นไร?”
เหมียวเชียนชิวสับสน มองเย่ซิวตู๋ จากนั้นก็มองทางด้านพ่อบ้านหยาง แล้วมองไปยังจินฮวาผู้นั้นที่นั่งคุกเข่าตัวสั่นอยู่ที่พื้น
ทันใดนั้นก็คิดขึ้นมาว่าเช่นนั้นก็พาจินฮวากลับไปเสีย อย่างไรนี่ก็เป็นแม่นางสกุลจินที่พามาจากตำหนักท่านอ๋องซิว
แต่ความคิดนี้เพิ่งจะแวบเข้ามา เหมียวเชียนชิวก็สั่นไปทั้งตัว ส่ายศีรษะในทันที
หากเขากล้าพูดเช่นนั้น ฝ่าบาทจะต้องฆ่าเขาเป็นแน่
เหมียวเชียนชิวหันไปมองขันทีสองคนที่เขาพามา เห็นพวกเขามีสีหน้าสิ้นหวัง ก็ทราบทันทีว่าจะทำให้พวกเขาผิดหวังไม่ได้แล้ว
เมื่อหันกลับมาอีกครั้ง ก็เห็นสายตาสงสัยของเย่ซิวตู๋
เหมียวเชียนชิวในตอนนี้ถึงกับมีเหงื่อผุดเต็มหน้าผาก
จากนั้นจู่ๆ ในหัวก็ปรากฏความคิดหนึ่งขึ้นมา เงยหน้าขึ้นถามในทันที “เหตุใดจึงไม่เห็นองค์หญิงเทียนฝูเลยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง องค์หญิงทรงไม่อยู่หรือ”
แม่นางจินผู้นั้นบาดเจ็บ… แม่นางชิงเองก็เป็นหมอปีศาจ ย่อมต้องมาดูอาการแม่นางผู้นี้ ไม่รู้ว่าหากองค์หญิงเทียนฝูเป็นผู้ลงมือ จะง่ายขึ้นสักนิดหรือไม่
เย่ซิวตู๋มองเขาแวบสายตาหนึ่ง “กงกงต้องการพบแม่นางสกุลจินไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงถามหาชิงเอ๋อร์เล่า?”
“การมาพบองค์หญิง เดิมทีก็เป็นพระราชโองการของฝ่าบาท ทรงทราบว่าไม่กี่วันก่อนหน้านี้ใต้เท้าอวี้จากไป จวนสกุลอวี้ก็เหลือเพียงนายน้อย องค์หญิงเทียนฝูทรงมีนายน้อยเป็นน้องชายต่างสายเลือด เพื่อนายน้อยแล้ว เกรงว่าเรื่องที่ใต้เท้าอวี้จากไปจะทำให้องค์หญิงต้องลำบากอย่างยิ่ง ฝ่าบาททรงเกรงว่านายน้อยสกุลอวี้จะต้องเสียใจมากเมื่อพบการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ องค์หญิงที่ทรงเป็นห่วงนายน้อยก็คงจะกินไม่ได้นอนไม่หลับ วันนี้จึงให้กระหม่อมมาที่นี่เพื่อถามไถ่สารทุกข์สุกดิบในพระนามของฝ่าบาท ขอให้องค์หญิงรักษาพระองค์ด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
ขณะกล่าว เขาก็ให้ขันทีที่มาด้วยนำกล่องของขวัญเล็กๆ ออกมา กล่าวยิ้มๆ “ท่านอ๋อง ไม่ทราบว่าจะเชิญองค์หญิงมารับของขวัญได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
เย่ซิวตู๋ร้อง ‘อ้อ’ ออกมา พยักหน้าแล้วพูด “ต้องรบกวนกงกงแล้ว พ่อบ้านหยาง ไปแจ้งชิงเอ๋อร์ที อืม จินฮวา เจ้าก็กลับไปทำงานเถิด ตรงนี้มิใช่เรื่องของเจ้าแล้ว”
“ขอรับ” พ่อบ้านหยางรีบพยุงจินฮวาที่ถอนหายใจโล่งอกเฮือกใหญ่ถอยออกไป
วันนี้อวี้ชิงลั่วตรวจสอบอาการของจินหลิวหลีอยู่ตลอด ตอนเช้าหลังจากเย่ฮ่าวหรานออกไป ไม่นานนักจินหลิวหลีก็เป็นลมไปอีกครั้ง
เรื่องนี้ ไม่ว่าอย่างไรนางก็จะให้จินหลิวหลีรู้ไม่ได้ ถ้าหากนางขยับแล้วแผลเปิดขึ้นมา ก็ไม่รู้ว่าจะต้องไปร้องไห้กับใครแล้ว
ตอนนี้หลังจากได้ยินพ่อบ้านหยางเอ่ยเรื่องสาเหตุการมาของเหมียวเชียนชิว สีหน้าของอวี้ชิงลั่วก็ดูจริงจังขึ้นมา
ฮ่องเต้ต้องการจับหลิวหลี จะต้องสั่งประหารเป็นแน่
นางมองจินหลิวหลีที่นอนหลับตาหายใจแผ่วเบาแวบสายตาหนึ่ง จากนั้นหันมาส่งต่อให้แม่นมเซียวดูแลนางดีๆ ก่อนลุกเดินออกไป
เหมียวเชียวชิวถูกเชิญไปยังห้องรับรองเรียบร้อยแล้ว ท่าทางดื่มชานั้นแม้จะดูสบายๆ แต่ในใจกลับร้อนรุ่มจนแทบจะกระดอนออกมา
จนกระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านนอก พร้อมกับเสียงชัดเจนของอวี้ชิงลั่ว เขาจึงค่อยๆ สบายใจขึ้นมาบ้าง
“เหมียวกงกง ท่านแขกคนสำคัญ”
เหมียวเชียนชิวรีบลุกขึ้นยืนต้อนรับ “องค์หญิงกล่าวเกินไปแล้ว ข้าน้อยเพียงนำราชโองการของฝ่าบาทมา จึงได้ใช้โอกาสนี้ออกจากวัง มานั่งดื่มชาที่ตำหนักท่านอ๋องทางด้านนี้พ่ะย่ะค่ะ”
พูดจบก็ยื่นกล่องของขวัญในมือออกมา จากนั้นก็กล่าวคำพูดของฝ่าบาท
อวี้ชิงลั่วกล่าวขอบคุณ จากนั้นก็ให้คนมานำออกไป
เมื่อหันกลับมาเตรียมจะเดินจากไป เหมียวเชียนชิวกลับเรียกนางไว้ก่อน “ช้าก่อนพ่ะย่ะค่ะองค์หญิง”
อวี้ชิงลั่วหันหน้ากลับมา “กงกงยังมีเรื่องอันใดหรือ?”
“อ๋าๆ ก่อนหน้านี้กระหม่อมได้พบกับองค์ชายรองจากอาณาจักรเทียนอวี่ และยังได้พูดคุยกับองค์ชายรองเล็กน้อยพ่ะย่ะค่ะ”
อวี้ชิงลั่วยิ้มออกมา ถามอย่างเข้าขา “คุยเรื่องอันใดกันหรือ?”
เหมียวเชียนชิวมองซ้ายมองขวา กล่าวออกมาอย่างรู้สึกผิดเล็กน้อย “ท่านอ๋อง กระหม่อมขอพูดคุย… กับองค์หญิงตามลำพังได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
เย่ซิวตู๋รู้ว่าเขาต้องการจะกล่าวอันใด เพียงแต่ว่า… ความสัมพันธ์ของชิงเอ๋อร์และจินหลิวหลีนั้นดีมาก เหมียวเชียนชิวอยากลงมือจากทางฝั่งชิงเอ๋อร์ เกรงว่าจะยิ่งยากกว่าจากฝั่งของตนเสียอีก
ก็ดี ให้เหมียวกงกงตั้งตัวอยู่ที่นี่เสียก่อนเถิด
เย่ซิวตู๋และอวี้ชิงลั่วสบตากัน จากนั้นก็พาพ่อบ้านหยางออกจากห้องรับรองไป
ในใจเหมียวเชียนชิวร้อนรุ่มนัก และไม่ได้สนใจอื่นใด พูดเข้าประเด็นในทันที
“องค์หญิง กระหม่อมมาในครั้งนี้ กระหม่อมนำพระราชโองการจากฝ่าบาทมาด้วย มาจับตัวคนพ่ะย่ะค่ะ องค์หญิงทรงฉลาดเฉลียว กระหม่อมไม่ต้องกล่าว องค์หญิงก็คงจะทรงทราบว่ากระหม่อมมาตามหาผู้ใด”
ใบหน้าของอวี้ชิงลั่วนิ่งสงบ ดื่มชาหนึ่งอึก ฟังเขากล่าวต่อไป
“ครั้งนี้เป็นท่านอ๋องแปดที่ไม่พอพระทัยฝ่าบาท ไม่ว่าอย่างไรฝ่าบาทก็ทรงต้องการจับตัวแม่นางจินผู้นั้น กระหม่อมเห็นท่านอ๋องซิวทรงเติบโตมา ในบรรดาองค์ชาย ท่านอ๋องซิวเป็นผู้ที่สงบนิ่งและสงวนท่าที ทั้งยังเป็นผู้ที่คนรักใคร่มากที่สุด แต่องค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ ราชโองการของฝ่าบาทนั้นก็ยังเป็นราชโองการ หากฝ่าฝืนราชโองการ เกรงว่าจะถูกตัดหัวเอาได้พ่ะย่ะค่ะ”
อวี้ชิงลั่วยิ้ม
“องค์หญิง ระยะนี้ฝ่าบาททรงโปรดท่านอ๋องซิวอย่างมาก จะให้ท่านอ๋องไม่เป็นที่โปรดปรานเพียงเพราะเรื่องนี้มิได้พ่ะย่ะค่ะ ถ้าหากท่านอ๋องทรงทำให้ฝ่าบาทไม่พอพระทัยเพียงเพราะเรื่องรักใคร่ส่วนตัว เช่นนั้นจะเป็นการปล่อยให้เรื่องเล็กน้อยทำให้เสียเรื่องใหญ่จริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องเป็นผู้ที่จะได้ทำการใหญ่ในอนาคต ถ้าหากฝ่าบาทไม่โปรดปรานพระองค์แล้ว อาณาจักรเฟิงชางของเราจะสูญเสียกันมากนักพ่ะย่ะค่ะ”
อวี้ชิงลั่วยังคงยิ้มต่อไป
“องค์หญิงทรงทุ่มเทให้ท่านอ๋องเป็นอย่างมาก แน่นอนว่าจะต้องทรงเห็นแก่ท่านอ๋อง และเห็นแก่ทุกคนในตำหนักท่านอ๋องซิวด้วย องค์หญิง ถ้าหากฝ่าบาททรงนำความโกรธเกรี้ยวนี้มาลงที่ตำหนักท่านอ๋องซิว เช่นนั้นไม่เพียงแต่ท่านอ๋อง แต่รวมไปถึงซื่อจื่อ… เกรงว่าจะต้องลำบากเป็นอย่างมากพ่ะย่ะค่ะ”
อวี้ชิงลั่วยังคงยิ้มอยู่
“กระหม่อมรู้ว่าองค์หญิงทรงมีความชอบธรรมยิ่ง และไม่ต้องการให้ท่านอ๋องทรงเป็นผู้ทำผิดต่อหลักสามัญสำนึก เช่นนั้นแล้ว องค์หญิงเพียงแค่ทรงช่วยพูดแทนกระหม่อมสักเล็กน้อย เรื่องอื่นๆ นั้น กระหม่อมจะจัดการเองพ่ะย่ะค่ะ ถึงตอนนั้นทั้งหมดก็อยู่ที่ความภักดีของท่านอ๋องแล้ว”
อวี้ชิงลั่วค่อยๆ วางถ้วยลง เงยหน้ามองเหมียวกงกงอย่างนิ่งเฉยอยู่ครู่หนึ่ง
ถึงแม้ว่าเหมียวเชียนชิวจะคอยรับใช้ฮ่องเต้มาหลายปี พบเจอคนมาหลากหลายประเภท แต่ตอนนี้เมื่อถูกอวี้ชิงลั่วจ้องมองอย่างเย็นชาแล้ว จู่ๆ ก็รู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมา
“องค์หญิง… กระหม่อมกล่าวอันใดผิดหรือพ่ะย่ะค่ะ”
อวี้ชิงลั่วถอนหายใจออกมาเบาเบา “สิ่งที่กงกงจะสื่อ ข้าเข้าใจดี กงกงหวังดี ข้าและท่านอ๋องต่างก็รู้ แต่ที่ตำหนักนี้ไม่มีแม่นางสกุลจินเลยจริงๆ ข้าเองก็ไม่สามารถช่วยอันใดกงกงได้”
หากนางไม่ได้มีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับจินหลิวหลี หากนางเป็นคนที่เห็นแก่อนาคตของสามีเพียงเท่านั้นจริงๆ เรื่องกังวลเหล่านั้นที่เหมียวกงกงกล่าวถึง นางอาจจะยอมรับฟังก็เป็นได้
เหมียวเชียนชิวตกตะลึง ดวงตาเบิกกว้างแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ทันที “องค์หญิง ที่กระหม่อมกล่าวล้วนเป็น…”
เย่ซิวตู๋ที่ยืนอยู่ใต้ชายคาเดินจากไปอย่างเงียบๆ มุมปากยกยิ้มหัวเราะออกมาโดยไร้เสียง
ชิงเอ๋อร์และจินหลิวหลีเป็นเหมือนเพื่อนตายของกันและกัน จะยอมให้นางตกอยู่ในอันตรายได้อย่างไร
เขาเดินออกไปด้านนอกไม่กี่ก้าว ก็เห็นโม่เสียนเดินมาหา
เย่ซิวตู๋ถามเบาๆ “คนผู้นั้นเข้าวังไปแล้วหรือ”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เดาว่าคงพาตัวหลิวหลีออกจากตำหนักไปแล้วล่ะถึงกล้าพูดแบบนั้น
ไหหม่า(海馬)