อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 582 การสวรรคต
ตอนที่ 582 การสวรรคต
ตอนที่ 582 การสวรรคต
ข้าหลวงผู้นั้นตกใจเป็นอย่างมาก รีบกลับไปคุกเข่าเสียงดังตุบทันที
“ถูกใส่ร้ายพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมถูกใส่ร้าย”
ฮ่องเต้ประหลาดพระทัย กวักมือเรียกหนานหนานเข้ามา “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเป็นฝีมือเขา”
หนานหนานกุมศีรษะตนเอง บิดตัวไปมาอย่างเขินอาย ผ่านไปครู่หนึ่งก็นั่งตัวตรงข้างฮ่องเต้ จากนั้นก็ปีนขึ้นไปแล้วกระซิบข้างหูของเขา “เมื่อก่อนกระหม่อมมักจะเข้าไปในห้องพระเครื่องต้นของวังหลวงเพื่อหาของกินพ่ะย่ะค่ะ เสด็จปู่ทรงอย่าจ้องกระหม่อม ไม่เช่นนั้นกระหม่อมจะไม่ทูลนะพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ทรงสรวลไม่ออก เด็กคนนี้อยู่ในวังหลวงอยากกินอะไรก็ได้กิน ต้องการกินอาหารชนิดใด เพียงบอกห้องพระเครื่องต้นก็ได้เรื่องแล้ว เขายังจะต้องแอบเข้าไปอีก
ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าในใจเขาคิดอะไรอยู่
หนานหนานเห็นว่าท่าทีของฮ่องเต้ดูสงบ จึงกล่าวต่อ “มีวันหนึ่งกระหม่อมเห็นคนผู้นี้ทำท่าทางลับๆ ล่อๆ อยู่ในห้องพระเครื่องต้น ไม่รู้ว่ากระทำอันใด อีกทั้งยังซ่อนของบางอย่างไว้ในซอกหิน กระหม่อมแอบไปเปิดก้อนหินดู แต่ทว่ากลับไม่มีเงินหรือของกินอยู่ในนั้น มีแต่ของรกๆ กระหม่อมจึงไม่ได้สนใจพ่ะย่ะค่ะ”
สำหรับหนานหนานแล้ว หากไม่ใช่ของกินหรือเงิน ก็ไม่ใช่ของดี เขาผู้นี้ยังขี้เกียจเป็นอย่างมาก จึงไม่อยากจะยุ่งเรื่องในวังหลวง
แต่คิดไม่ถึง ว่าคนผู้นี้จะคิดร้ายต่อชีวิตของเสด็จปู่
เสด็จปู่ดีกับเขา เขาเป็นเด็กดีที่รู้จักบุญคุณ จะไม่ยุ่งไม่ได้
แต่ครั้งก่อนที่เขาพบขันทีผู้นี้ คนผู้นี้หันหลังให้เขา เขาเห็นไม่ชัด เมื่อครู่จึงสำรวจมองดู พบว่าด้านหลังของเขาผู้นี้คุ้นตา เพื่อจะยืนยัน จึงดึงเขาขึ้นยืนมาครึ่งหนึ่ง เมื่อเห็นการกระทำและท่าทางของเขาตอนยืน ก็เหมือนกับขันทีเมื่อวันนั้นเลยไม่ใช่หรือ
คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเขาจริงๆ
ถึงแม้ตอนนี้หนานหนานยังไม่กล้ายืนยันว่าคนที่วางยาฮ่องเต้เป็นเขาจริงหรือไม่ แต่ท่าทางของเขาก็ดูน่าสงสัยมากที่สุด ขันทีคนอื่นๆ ในห้องพระเครื่องต้นเขาก็เคยเจอมาหมดแล้ว นอกจากบางคนที่ท่าทางดูโลภ มักจะขโมยของ หรือขี้เกียจแล้ว ทุกคนต่างก็ดูเป็นคนซื่อสัตย์กันหมด
ฮ่องเต้ได้ยินดังนั้น ก็ถามหนานหนานว่าขันทีผู้นั้นซ่อนของไว้ที่ใด จากนั้นก็ให้เหมียวเชียนชิวไปหารอยแยกเล็กๆ ของหินก้อนนั้น
ขันทีผู้นั้นคุกเข่าอยู่กับพื้น และไม่รู้ว่าฮ่องเต้กับหนานหนานกระซิบกระซาบอันใดกัน แต่มีความรู้สึกราวกับว่ามีไอเย็นเยียบแล่นขึ้นมาจากเท้า ทำเอาคนทั้งคนรู้สึกชาไปทั้งร่าง
จนกระทั่งเหมียวเชียนชิวนำขันทีสองคนออกไป กล่าวบางอย่างออกมาเสียงต่ำ เขาจึงเบิกตากว้าง หมดกำลังอยู่ที่พื้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ไม่นานนัก เหมียวเชียนชิวก็เดินมาด้วยสีหน้าไม่สู้ดี เมื่อมาถึงด้านขันทีผู้นั้นก็ยังมองเขาด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว
“ทูลฝ่าบาท นี่คือสิ่งที่กระหม่อมพบในรอยแยกหินเล็กๆ นั่นพ่ะย่ะค่ะ”
เหมียวเชียนชิวเปิดถุงผ้าเล็กๆ นั้นออก ของทั้งหมดในนั้นก็หล่นออกมา กลิ้งขลุกๆ อยู่บนโต๊ะสองสามรอบ
ฮ่องเต้ขมวดคิ้วมอง พบว่าตรงกลางมีขวดลายครามเล็กๆ สองขวด และยังมีถุงยาเล็กๆ หนึ่งถุง ผ้าไหมเช็ดหน้าผืนเล็กที่นุ่มและสะอาด แม้มีของไม่มากนัก แต่สีหน้าของขันทีผู้นั้นกลับขาวซีด
เหมียวเชียนชิวพูดเสียงต่ำอยู่ด้านข้าง “ฝ่าบาท ของเหล่านี้ถูกซ่อนไว้อย่างลึกลับมากพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมต้องใช้กำลังประมาณหนึ่งจึงนำหินออกจากซอกได้ ค้นหาได้ยากมากจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ”
ขันทีผู้นี้จงใจซ่อนของไว้ที่อื่น อีกทั้งในนั้นยังไม่มีของชิ้นใดเลยที่จะระบุตัวตนของเขาได้ ดังนั้นต่อให้ซอกหินนั้นจะถูกพบเข้า ก็ไม่มีใครรู้ว่าของในนั้นเป็นของเขา
ถ้าหากไม่ใช่ว่าหนานหนานเห็นเข้า เกรงว่าคงไม่มีใครจะสงสัยในตัวเขาได้
ฮ่องเต้ค่อย ๆ กำนิ้วพระหัตถ์แน่น ผ่านไปครู่ใหญ่จึงหันไปมองอวี้ชิงลั่ว “แม่นางชิง ช่วยดูทีว่าขวดนี้คือของอันใด”
“เพคะ” อวี้ชิงลั่วรับคำสั่ง เดินหน้าไปหยิบขวดลายครามสองขวดขึ้นมา
จากนั้นก็บอกเหมียวเชียนชิวว่าขอกระดาษขาวมาปูบนโต๊ะ ค่อยๆ เทสิ่งของในขวดออกมาอย่างระมัดระวัง ก่อนใช้นิ้วแตะแล้วนำมาไว้ตรงปลายจมูกเพื่อดม
ในห้องบรรทมเงียบเชียบ ขันทีที่คุกเข่าอยู่ที่พื้นบีบมือที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ ในใจสิ้นหวังเป็นอย่างมาก
ผ่านไปนาน อวี้ชิงลั่วก็ลดมือลง ให้นางในนำน้ำมาให้เพื่อทำความสะอาด จากนั้นก็พยักหน้าให้ฮ่องเต้แล้วกล่าว “เป็นพิษชนิดเดียวกับของฝ่าบาทจริงๆ เพคะ ยาพิษชนิดนี้ถือว่าไม่แรงนัก เพียงแต่หากเสวยเพียงวันละนิดละหน่อย จะทำให้ทรงรู้สึกปวดพระเศียรได้ แต่ถ้าหากตรวจจะไม่พบอาการปกติอันใด อาการจะคล้ายๆ กับอาการปวดหัวตัวร้อน อย่างมากที่สุดหมอหลวงก็จะวินิจฉัยว่าเป็นเพราะทรงงานหนักเกินไปเพคะ”
นางกล่าวไปก็หยุด จากนั้นก็กล่าวต่อ “ยาชนิดนี้หากยังเสวยไปไม่หยุด ผ่านช่วงเวลานี้ไป พระอาการของพระองค์จะยิ่งแย่ลงเพคะ พระอาการจะทรุดลงเรื่อยๆ สุดท้ายแล้วถ้าหากเกิดอันใดขึ้น สุดท้ายแล้วก็กล่าวได้เพียงว่าจะมีอาการกังวลสะสม ถ้าหากวิตกกังวลเกินไป เกรงว่าจะเหลือเพียงพระฉายานามว่ามหาราชาที่ทรงทำเพื่อบ้านเมืองและประชาชนแล้วเพคะ”
เสียง ‘ตุบ’ ดังขึ้น ทุกคนในห้องต่างก็คุกเข่าลง คำพูดของแม่นางชิงนี้ช่างกล้าหาญเสียจริง ถ้อยคำเหล่านี้ล้วนหมายถึงการสวรรคตของฮ่องเต้
สีหน้าหนานหนานงุนงง ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทำไมทุกคนจะต้องคุกเข่าลงด้วย เขาคิดว่าสิ่งที่ท่านแม่พูดนั้นมีเหตุผลมาก เขากลับชื่นชมเสียด้วยซ้ำ
เส้นพระโลหิตบนพระนลาฏของฮ่องเต้ปูดโปนเด่นชัด พร้อมกับทรงเริ่มปวดพระเศียรขึ้นมา คนที่ต้องการทำร้ายเขานั้นลงแรงไปเยอะจริงๆ แม้แต่การสวรรคตของตนก็คิดมาดีแล้ว
เขาลุกขึ้นยืนทันที เตะเข้าไปที่ขันทีผู้นั้นอย่างแรงครั้งหนึ่งอย่างโกรธเกรี้ยว “ว่ามา ใครสั่งการเจ้า?”
“กระหม่อม กระหม่อมไม่ทราบว่าพระองค์ตรัสอันใดพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมถูกใส่ร้าย โปรดทรงไว้ชีวิตกระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
ขันทีผู้นั้นตื่นตระหนกมาก ร่างกายถูกเตะแล้ว ก็ยังกลับมานั่งคุกเข่าอีกครั้งในทันที
ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ เขายังจะแก้ตัวอีก
ฮ่องเต้ทรงพิโรธยิ่งกว่าเดิม ทันใดนั้นก็กลับไปประทับที่เก้าอี้
อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว ตอนนี้ฮ่องเต้จะทรงกริ้วเช่นนี้ไม่ได้อีกแล้ว
หนานหนานเองก็ดูออก รีบกระโดดไปตรงหน้าเขา คำรามเสียงเย็น “เจ้าไม่ต้องร้องขอความเป็นธรรมแล้ว ข้าเห็นกับตาว่าเจ้าซ่อนสิ่งนั้นไว้ในซอกหิน ยังจะบอกว่าไม่รู้เรื่องอันใดอีกงั้นหรือ รีบบอกมา ไม่เช่นนั้นเจ้าถูกลงโทษแน่”
ดูเหมือนจะพูดเช่นนี้ ครั้งก่อนที่เขาได้ยินใต้เท้าเย่โฉวพิจารณาคดีก็กล่าวแบบนี้เช่นกัน
ขันทีผู้นั้นเงยหน้าทันที จ้องมองหนานหนานอยู่ครู่หนึ่ง
เช่นนี้เอง เช่นนี้นี่เอง ตนถูกเขาเห็นเข้าเสียแล้ว
“ว่ามา เจ้านายของเจ้าคือใคร” ฮ่องเต้หัวเราะเยาะ
ขันทีผู้นั้นเงยหน้ามองสองสามคนตรงหน้าแวบสายตาหนึ่ง รู้ว่าเรื่องแดงออกมาแล้ว เกรงว่าเขากล่าวอันใดออกไปก็ไร้ประโยชน์
เงียบไปครู่หนึ่ง จู่ๆ เขาก็หัวเราะออกมา ส่ายศีรษะช้าๆ “ไม่มีใครสั่งการกระหม่อม กระหม่อมสั่งการตนเองพ่ะย่ะค่ะ ก่อนที่กระหม่อมจะเข้าวังมา พ่อแม่พี่น้องของกระหม่อมถูกประหารโดยพระราชโองการของฝ่าบาท กระหม่อมจึงเข้าวัง ก็เพื่อมาแก้แค้นแทนพวกเขา”
ขณะกล่าว จู่ๆ ขันทีผู้นั้นก็ยืนขึ้น
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ไม่เชื่อหรอกว่าจะคิดลงมือเองโดยไม่มีใครสั่ง ไม่งั้นจะไปเอายาพิษชนิดพิเศษนี่มาจากไหน
ไหหม่า(海馬)