อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 583 ถูกหยุดไว้
ตอนที่ 583 ถูกหยุดไว้
ตอนที่ 583 ถูกหยุดไว้
เหมียวเชียนชิวตกตะลึง จิตใต้สำนึกสั่งให้เข้าไปขวางไว้ตรงหน้าฮ่องเต้ ชี้ไปที่ขันทีผู้นั้นแล้วตะโกน “เสี่ยวปิ๋งจื่อ เจ้าคิดจะทำอันใด”
เปาเหอเฟิงตรงไปกดตัวเขาไว้ ให้คุกเข่าลงไปใหม่
เสี่ยวปิ๋งจื่อเงยหน้าแล้วหัวเราะสองครั้ง จากนั้นก็ส่งสายตาอาฆาตแค้นไปยังฮ่องเต้ “เจ้ามันทรราช เจ้าเอาชีวิตคนในครอบครัวข้าไปสิบกว่าคน ข้าอยากจะฉีกเจ้าเป็นชิ้นๆ ถลกหนังเจ้า นี่ข้าเพียงวางยาเจ้าเท่านั้น เท่านี้ก็ดีกับเจ้าถมเถแล้ว”
“เจ้าคิดว่าตนเป็นกษัตริย์จริงๆ หรือ เจ้าอยู่สูงส่งเพียงนี้ แต่ประชาชนเดือดร้อนเพียงใดเจ้ารู้บ้างหรือไม่ พ่อของข้าเป็นเพียงชาวนาตัวเล็กๆ อยู่ในเมืองห่างไกลเท่านั้น เขาทำอันใดผิดหรือ ต้องถูกลงโทษประหารเก้าชั่วโคตรยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน เจ้าบอกให้ฆ่าก็ฆ่า คนไม่มีความผิดต้องตายไปหลายคน เจ้ากลับยังนั่งสบายใจอยู่ในตำแหน่งนี้ ไม่กลัวว่าภูตผีที่ตายอย่างอยุติธรรมจะมาเอาชีวิตเจ้ากลางดึกบ้างหรืออย่างไร”
“ฮ่าๆๆ ข้าเสียดายจริงๆ ที่ไม่ได้ใส่ยาหนักๆ ให้เจ้าถูกพิษตายไปเสีย เจ้ามันทรราช ทรราช”
ฮ่องเต้ทรงกริ้วเสียจนเส้นพระโลหิตบนพระนลาฏกระตุกแทบจะระเบิด สีพระพักตร์จริงจัง พระหัตถ์ที่วางอยู่บนโต๊ะก็กำหมัดแน่น
อวี้ชิงลั่วเห็นสถานการณ์ไม่ดี หากฮ่องเต้ยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ถึงตอนนั้นอาจจะเกิดเรื่องขึ้นจริงๆ ก็เป็นได้
นางรีบส่งสายตาให้หนานหนาน เด็กน้อยรีบโดดไปตรงหน้าของเสี่ยวปิ๋งจื่อ แล้วสับท้ายทอยให้อีกฝ่ายสลบลงไป ทันที
ฮ่องเต้ตะลึงไป จากนั้นก็ค่อยๆ เย็นพระทัยลง แต่อาการปวดพระเศียรยิ่งหนักขึ้น
อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว กล่าวเสียงต่ำ “ฝ่าบาททรงถูกพิษ ไม่ควรมีโทสะนะเพคะ ไม่เช่นนั้นพระอาการจะยิ่งหนักขึ้น เรื่องของเสี่ยวปิ๋งจื่อนี้ ทรงหาคนที่ไว้ใจได้มาสืบสวนเถิดเพคะ”
อย่างไรเสียอวี้ชิงลั่วก็ไม่เชื่อว่าเสี่ยวปิ๋งจื่อผู้นี้จะวางยาฮ่องเต้เพียงเพราะความแค้นส่วนตัว เบื้องหลังจะต้องมีคนสั่งการ น่าแปลกเกินไปแล้ว
ฮ่องเต้ถอนพระทัยเฮือกใหญ่ พยักพระพักตร์ตรัสเสียงต่ำ “ก็ให้ซิวเอ๋อร์…” เขาหยุดชะงัก จากนั้นก็เงยหน้ากล่าวกับเหมียวเชียนชิว “ให้ท่านอ๋องเป่ามาสืบสวนเรื่องนี้เสีย”
เหมียวเชียนชิวรู้สึกแปลกใจ แต่ก็ยังปฏิบัติตามอย่างเชื่อฟัง
เมื่อครู่ฮ่องเต้อยากจะพูดถึงท่านอ๋องซิวชัดๆ เหตุใดเมื่อหันหน้ามา กลับเปลี่ยนเป็นท่านอ๋องเป่าเสียได้
หรือเพราะเรื่องของท่านอ๋องแปด ฮ่องเต้จึงไม่ทรงเชื่อในท่านอ๋องซิวแล้ว ถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริงก็จะน่าเสียดายมาก
อวี้ชิงลั่วไม่สนใจอันใด ถึงขนาดที่บอกได้ว่า นางหวังให้เรื่องนี้ไม่มาตกที่ตัวของเย่ซิวตู๋
หากฮ่องเต้ถูกวางยาพิษและสวรรคตกะทันหัน คนที่ได้รับผลประโยชน์มากที่สุดก็คือเหล่าชายานางสนมและองค์ชายไม่ใช่หรือ ถ้าเย่ซิวตู๋กระโดดเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ก็คงจะปวดหัวไม่น้อย
ฮ่องเต้เหลือบพระเนตรขึ้นมองอวี้ชิงลั่วแวบหนึ่ง เห็นว่าสีหน้าของนางเรียบเฉยราวกับว่าไม่เสียดายเลยแม้แต่น้อย ในพระทัยก็เกิดสงสัย
เปาเหอเฟิงลากเสี่ยวปิ๋งจื่อออกไปอย่างรวดเร็ว แต่เพียงออกไปถึงด้านนอกก็เห็นเหล่าพระสนมที่ล้อมอยู่ด้านนอกรุดเข้ามาหา
ฝีเท้าของเหมิงกุ้ยเฟยนั้นรวดเร็วที่สุด ถามเขาอย่างกระตือรือร้น “ใต้เท้าเปา ฝ่าบาททรงเป็นอย่างไรบ้าง ข้าได้ยินว่ามีคนวางยาพระองค์ ใครกันช่างกล้าปานนี้ กล้าทำเรื่องที่เนรคุณเช่นนี้ได้อย่างไร”
เปาเหอเฟิงขมวดคิ้ว ต้องเปลี่ยนทิศทางแล้วไปทางอื่น ทำได้เพียงขอโทษและพยักหน้าให้เหมิงกุ้ยเฟย “เหนียงเหนียง ฝ่าบาทมีรับสั่งให้กระหม่อมไปทำธุระ ต้องขอตัวก่อนพ่ะย่ะค่ะ”
แต่ผ่านไปได้เพียงไม่นาน เหล่านางสนมสองสามคนที่อยู่ทางด้านนั้นก็พากันรุมถามเขา
“ใต้เท้าเปา บอกมาสิ ฝ่าบาททรงเป็นอะไรมากหรือไม่”
“นั่นสิ แม่นางชิงเข้าไปแล้ว เหตุใดยังไม่ออกมาอีก”
เปาเหอเฟิงอดไม่ได้ที่จะก้าวถอยหลัง เสี่ยวปิ๋งจื่อที่อยู่ในมือเกือบจะหล่นลงไปที่พื้น
เขากำลังคิดจะกล่าวออกไป จู่ๆ เหมิงกุ้ยเฟยที่อยู่ด้านข้างก็ร้อง ‘อุ๊ย’ ออกมา “นี่มันเสี่ยวปิ๋งจื่อไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงสลบไปแล้วเล่า”
เปาเหอเฟิงประหลาดใจ “กุ้ยเฟยเหนียงเหนียงทรงรู้จักบ่าวผู้นี้ด้วยหรือพ่ะย่ะค่ะ”
คนในห้องพระเครื่องต้นนั้น คนในวังจะรู้จักกันก็เป็นเรื่องปกติ แต่เหมียวกงกงกล่าวว่าตำแหน่งในห้องพระเครื่องต้นของเสี่ยวปิ๋งจื่อผู้นี้นั้นไม่ได้สูง ขันทีคนอื่นๆ ก็บอกว่าคนผู้นี้เป็นคนเงียบๆ ไม่ชอบไปที่ตำหนักของเหล่าพระสนมหรือองค์ชายคนอื่นๆ
เหมิงกุ้ยเฟย… รู้จักบ่าวผู้นี้ได้อย่างไร
“ฮึ” เหมิงกุ้ยเฟยถอนหายใจออกมาอย่างเย็นชา “ไม่เพียงแต่รู้จักนะ แต่บ่าวผู้นี้ยังเก่งกาจอีกด้วย” ขณะกล่าว จู่ๆ เสียงก็หยุดลง แล้วมองเปาเหอเฟิงอย่างประหลาดใจ ถามอย่างลองเชิง “ใต้เท้าเปา เจ้าจับเสี่ยวปิ๋งจื่อ คงไม่ใช่เพราะ… ไม่ใช่เพราะเขาทำร้ายฝ่าบาทใช่หรือไม่”
สีหน้าของเปาเหอเฟิงดูจริงจังขึ้นมา ตอนนี้เสี่ยวปิ๋งจื่อเป็นกุญแจสำคัญ ได้ฟังคำพูดเหมิงกุ้ยเฟยแล้ว ราวกับว่านางรู้จักเรื่องของเสี่ยวปิ๋งจื่ออยู่บ้าง
ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จู่ๆ เขาก็จับเสี่ยวปิ๋งจื่อไว้ จากนั้นก็กลับไปยังห้องตำราหลวงอีกครั้ง
“ฝ่าบาท”
ฮ่องเต้เพิ่งจะรับยาจากอวี้ชิงลั่วแล้วกินลงไป เห็นเปาเหอเฟิงออกไปแล้วกลับเข้ามาใหม่ก็อดสงสัยไม่ได้
“ว่าอย่างไร มีเรื่องอันดีหรือ”
“เมื่อครู่กระหม่อมออกไปนอกประตู ได้พบกับกุ้ยเฟยเหนียงเหนียง ดูเหมือนว่าเหนียงเหนียงจะคุ้นเคยกับเสี่ยวปิ๋งจื่อพ่ะย่ะค่ะ” เปาเหอเฟิงตอบ
กุ้ยเฟยเหนียงเหนียงหรือ เหมิงกุ้ยเฟยอย่างนั้นหรือ
มือของอวี้ชิงลั่วหยุดชะงัก จากนั้นก็เก็บของบนโต๊ะราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ฮ่องเต้ใช้นิ้วพระหัตถ์เคาะโต๊ะเบาๆ สองครั้ง อวี้ชิงลั่วเหลือบมองแวบหนึ่ง พบว่านิสัยนี้ของเขานั้นค่อนข้างคล้ายคลึงกับเย่ซิวตู๋
ไม่รู้เช่นกันว่าตอนนี้เย่ซิวตู๋รู้หรือไม่ว่าฮ่องเต้ถูกวางยา ถึงแม้บางครั้งเขาจะดูไม่เชื่อฟังฮ่องเต้ แต่ใจจริงก็หวังดีกับเขา ถ้าหากว่าเขารู้เรื่อง เกรงว่าคงจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อหาว่าใครอยู่เบื้องหลัง
“ให้นางเข้ามา” สุรเสียงของฮ่องเต้เบาบางยิ่งนัก
ขันทีด้านข้างรีบลุกขึ้นไปตามเหมิงกุ้ยเฟย
ไม่นานนัก เหมิงกุ้ยเฟยก็ถูกคนพยุงเข้ามาอย่างเร่งรีบ
ทันทีที่ก้าวเข้ามาในประตู เห็นว่าสีหน้าของฮ่องเต้ค่อนข้างซีด ก็รีบทำความเคารพทันที จากนั้นก็เดินหน้าไปสองก้าวอย่างเป็นกังวล
“ฝ่าบาท หม่อมฉันได้ยินว่ามีคนวางยาพระองค์ หม่อมฉันเป็นกังวลมากจริงๆ เพคะ พระองค์ทรงรู้สึกไม่สบายพระวรกายหรือไม่เพคะ หม่อมฉันช่วยประคองพระองค์กลับไปพำนักที่ตำหนักนะเพคะ”
สีหน้าฮ่องเต้อ่อนโยนลงเล็กน้อย เมื่อเจอกับความใส่ใจและอ่อนโยนของเหมิงกุ้ยเฟย เขาก็ไม่มีแรงต้านทานอันใด โบกมือปัดพลางส่ายหน้า “มีแม่นางชิงอยู่ตรงนี้ ข้าไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ”
เหมิงกุ้ยเฟยเหลือบมองอวี้ชิงลั่ว ในแววตาปรากฏความซาบซึ้งอยู่ พยักหน้าให้กับนางเบาๆ “เช่นนี้นี่เอง เช่นนั้นหม่อมฉันก็วางใจเพคะ”
ท่าทางของนางนั้น ราวกับว่าเป็นการถอนหายใจด้วยความโล่งอกจริงๆ
มุมปากของอวี้ชิงลั่วกระตุก แอบหัวเราะในใจ
แล้วเหมิงกุ้ยเฟยก็กล่าวอย่างไม่พอใจ “สรุปแล้วว่าเป็นใครกันที่ช่างกล้าถึงเพียงนี้ กล้าทำร้ายฝ่าบาท ถ้าหากหม่อมฉันรู้ คงไม่สามารถไว้ชีวิตเขาได้แน่เพคะ”
ฮ่องเต้ชี้ไปยังเสี่ยวปิ๋งจื่อทางด้านนั้น ถามนาง “ข้าได้ยินจากเปาเหอเฟิงว่าเจ้ารู้จักขันทีผู้นี้ ทั้งยังบอกว่าเขามีฝีมือมาก เขามีฝีมืออย่างไรหรือ เจ้ารู้ได้อย่างไร”
เหมิงกุ้ยเฟยกะพริบตา จากนั้นก็เดินไป มองเสี่ยวปิ๋งจื่ออย่างพินิจพิเคราะห์ครู่หนึ่ง จากนั้นก็แค่นหัวเราะ
“บ่าวผู้นี้เป็นขันทีที่ถูกตอนแล้ว มีความคิดไม่น้อย ทั้งยังคล่องแคล่วมาก คิดไม่ถึงว่าเขาจะพยายามจะคุกคามนางข้าหลวงของหม่อมฉัน สมควรตายยิ่งนัก”
คุกคาม… นางข้าหลวงหรือ
อวี้ชิงลั่วขยับนิ้วมือ เหมิงกุ้ยเฟยกล่าวเช่นนี้ เอาเรื่องนี้มาจากที่ใดกัน
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เอ๋…หล่อนดูมีพิรุธนะนังกุ้ยเฟย
ไหหม่า(海馬)